'บิ๊กสปก.โคราช' ยันไม่ย้ายกลับอุดรฯ ไม่กดดันปมรุกป่า

นายชำนาญ กลิ่นจันทน์ ปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่าตนเองขอย้ายกลับไปทำงานที่จังหวัดอุดรธานีซึ่งเป็นบ้านเกิดของตนเอง เนื่องจากมีแรงกดดันจากการทำงานในการตรวจสอบกรณีการบุกรุกที่ ส.ป.ก.ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาว่าตั้งแต่ตนย้ายมาอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ตนไม่เคยขอย้ายกลับไปที่จังหวัดอุดรธานีแต่อย่างใด โดยเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม2558ที่ตนทราบว่าจะมีคำสั่งย้ายตนจากจังหวัดอุดรธานีมาที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งขณะนั้นตนเพิ่งย้ายไปทำงานที่อุดรธานีได้เพียงไม่นาน และตนก็ไม่คิดว่าจะต้องมาย้ายเร็วขนาดนี้ ตนจึงทำหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาว่า ยังมีงานที่ต้องทำต่อเนื่อง และตนขออยู่ทำงานที่เดิมต่อไปได้หรือไม่ เพราะตนรับราชการมากว่า30ปี ไม่เคยกลับไปทำงานรับราชการที่บ้านเกิดเลย จึงทำเรื่องขออยู่ต่อที่เดิมที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเรื่องนี้ได้ทำเรื่องก่อนที่จะย้ายมาทำงานที่จังหวัดนครราชสีมา และขณะนั้นยังไม่มีปัญหาเรื่องโบนันซ่า และเรื่องมูนแดนซ์

ตนยืนยันว่าไม่เคยมีความกดดันในการทำงานแต่อย่างใด แต่กลับมีข่าวว่าตนขอย้ายตนเองออกจากพื้นที่เพราะทนแรงกดดันของนายทุนไม่ได้ อย่างเช่นหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ที่ลงข่าวคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงไปมากส่วนกรณีการตรวจสอบกรณีนายช่างรังวัด ส.ป.ก.นครราชสีมาคนหนึ่ง นำเอกสารสิทธิ์ ส.ค.1เนื้อที่จำนวน30ไร่ ไปออกโฉนดที่ดินเป็นจำนวนกว่า155ไร่ ซึ่งเป็นการบุกรุกพื้นที่ ส.ป.ก. จำนวนกว่า130ไร่ และมีการสร้างบ้านพัก3หลังในบริเวณดังกล่าวนั้น ในส่วนของที่ดินแปลงที่มีการออกโฉนด สถานะของที่ดินคล้ายกับกรณีของคีรีมายา และมูนแดนซ์ ซึ่งมีเอกสารสิทธิ์โฉนดที่ดินที่เป็นเอกสารสิทธิ์ทางราชการ แต่จะเป็นโฉนดที่ดินโดยชอบหรือไม่ชอบก็ต้องมีการตรวจสอบอย่างชัดเจนก่อน ซึ่งหากจะให้ไปแจ้งความข้อหาบุกรุกคงยังไม่สามารถดำเนินการได้ ยกเว้นแต่ว่า ป.ป.ท.ได้ชี้มูลว่านายช่างรังวัดคนดังกล่าวมีความผิด จึงจะสามารถแจ้งความดำเนินคดีตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา157ละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต แต่อย่างไรก็ตามทาง ส.ป.ก.ก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนในเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน ซึ่งหากผลการสอบสวนของ ส.ป.ก.ระบุว่ามีความผิดก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้เช่นเดียวกัน