เหยื่อปักเป้าตายเพิ่มอีก1ศพ หมอเตือนห้ามกิน

เหยื่อปักเป้าตายเพิ่มอีก1ศพ หมอเตือนห้ามกิน

ปลาปักเป้าพิฆาตชีวิตชาวหัวเรือเป็น 2 ราย แพทย์เตือนห้ามชาวบ้านกิน ด้านประมงเร่งเตรียมส่งปลาพิสูจน์หาสาเหตุ

จากกรณี ชาวบ้านหัวเรือ หมู่ 4 ต.หัวเรือ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม กินปลาปักเป้าที่หาได้จากลำน้ำเสียวซึ่งเป็นลำห้วยที่ยาวกว่า 226 ก.ม. ไหลผ่าน 3 จังหวัดในภาคอีสาน หลังจากที่นายบุญมา จูมเกตุ อายุ 64 ปี บ้านเลขที่ 46 หมู่ 4 ต.หัวเรือ นำมาต้มใส่ใบมะขามอ่อนรับประทานเป็นอาหารเย็น ต่อมาเกิดอาการลิ้นชา ตัวแข็งช็อกหมดสติเสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาลอำเภอวาปีปทุม นอกจากนั้นยังมี นายชาญฤทธิ์ บุญสอน อายุ 60 ปี เพื่อนบ้านอีกคนที่แบ่งปลาปักเป้าไปหมกใบตองกิน เกิดอาการอย่างเดียวกันต้องส่งเข้ารักษาอยู่ตัวในห้องผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลมหาสารคาม ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว

คืบหน้าล่าสุด นายชาญฤทธิ์ บุญสอน อายุ 60 ปี ได้เสียชีวิตลงแล้วที่โรงพยาบาลมหาสารคาม เป็นศพที่ 2 และในช่วงเช้าของวันนี้ นายกานต์ ศรีบุญลือ นายอำเภอวาปีปทุม พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอวาปีปทุม โรงพยาบาลอำเภอวาปีปทุม ผู้นำชุมชน ประมงอำเภอวาปีปทุม ตำรวจ สภ.วาปีปทุม ได้ลงพื้นที่บ้านหัวเรือหมู่ 4 พื้นที่เกิดเหตุพร้อมกับประชุมชาวบ้านเตือนไม่ให้ชาวบ้านนำปลาปักเป้าที่จับได้ในลำน้ำเสียวมากินอย่างเด็ดขาดเพราะเสี่ยงถึงแก่ชีวิตได้

โดยทางอำเภอวาปีปทุมจะได้ทำหนังสือสั่งการแจกจ่ายไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกหมู่บ้าน ประกาศให้ชาวบ้านรับทราบ นอกจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ประมงได้นำปลาปักเป้าส่งผ่าพิสูจน์หาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป 

ด้าน นายมารุต ทรัพย์สุขสำราญ ผู้อำนวยการสถานีวิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดมหาสารคาม กล่าวว่า ปลาปักเป้ามีทั้งในน้ำเค็ม และน้ำจืด ซึ่งทุกชนิดมีพิษเหมือนกันหมด จึงไม่ควรนำมารับประทาน โดยปลาปักเป้าจะมีพิษสะสมอยู่ที่อวัยวะภายในของร่างกาย เพราะมีตับและเครื่องในที่ใหญ่ ที่ผ่านมาพบว่ามีผู้บริโภคปลาปักเป้าเสียชีวิตที่หนองหาน จ.สกลนคร และก็มาเป็นข่าวที่มหาสารคาม ขณะที่ในต่างประเทศ อย่างประเทศญี่ปุ่น ต้องมีการเรียนและมีการสอบใบประกาศในการแล่เนื้อปลาปักเป้า เพื่อที่จะนำมาบริโภค แต่ที่บ้านเราชาวบ้านนำมาต้มกินเลย ไม่มีการนำเส้นพิษออกแต่อย่างใด ดังนั้นปลาปักเป้า จึงไม่ควรนำมารับประทานโดยเด็ดขาด เพราะถึงแม้ว่าจะผ่านความร้อนถึง 170 องศาเซลเซียส ก็ไม่สามารถทำลายพิษที่อยู่ในปลาปักเป้าได้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรที่จะนำปลาปักเป้ามารับประทาน

นายแพทย์อิทธิพล สูงแข็ง สาธารณสุขนิเทศก์ เขตบริการสุขภาพที่ 7 กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ปลาปักเป้าสามารถพบได้ทุกพื้นที่ ซึ่งทุกชนิดถือว่ามีพิษ ไม่ควรนำมาบริโภค โดยพิษจะสะสมอยู่ในไข่ ตับ และเครื่องใน กรณีที่ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายนำมาบริโภคนั้น รับประทานจนอิ่ม ทำให้อาจได้รับสารพิษในปริมาณที่มาก ประกอบกับมีอายุมาก และมีการดื่มสุรามาด้วย อาจเป็นสาเหตุให้พิษกระจายอย่างรวดเร็ว ซึ่งพิษจะกระจายไปยังระบบประสาท แขนขา ปาก อวัยวะต่าง ๆ มีอาการแขนขาอ่อนแรง ระบบสั่งการอัตโนมัติในร่างกายเปลี่ยนไป ทำให้หัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตในที่สุด หากได้รับสารพิษจากการบริโภคปลาปักเป้า ควรทำให้อาหารออกจากร่างกายโดยเร็วที่สุด ด้วยการทำให้อาเจียน และไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด ก็สามารถรอดชีวิตไปได้ถ้าเป็นคนหนุ่มคนสาวก็อาจจะไม่ถึงตาย แต่ถ้าเป็นคนแก่หรือคนที่มีโรคประจำตัวนั้นจะอันตรายยิ่งขึ้น เพราะว่าผิดส่วนใหญ่จะอยู่ในเครื่องใน โดยเฉพาะตับและขึ้นเครื่องในส่วนอื่นๆ ส่งผลเกิดพิษต่อระบบประสาทแขน ขา ปาก อวัยวะต่างๆ ก็จะชาไม่มีเรี่ยวแรง ศูนย์ควบคุมการหายใจการเต้นของหัวใจไม่ทำงานและเสียชีวิต อีกทั้งทราบว่ามีการดื่มสุราร่วมกับกินปลาปักเป้าด้วย อาจทำให้เป็นตัวเร่งสารพิษตัวนี้ให้ออกฤทธิ์เร็วยิ่งขึ้น