พิษน้ำมันแพง! ชะลอเปิด 4 เส้นทางเดินรถ ไทย

ชะลอเปิด 4 เส้นทางเดิน ระหว่างประเทศไทย - ลาว เผย สปป.ลาว ขอขึ้นค่าโดยสาร จากปัจจัยเศรษฐกิจลาวฝืดหนัก เงินกีบอ่อนค่า - ราคาน้ำมันฝั่ง สปป.ลาว แพงขึ้น

จากกรณีที่ บริษัท ขนส่ง จำกัด เตรียมกลับมาเปิดให้บริการเดินรถโดยสารเส้นทางระหว่างประเทศไทย - สปป.ลาว เพิ่มเติมอีก 9 เส้นทางรวมเป็น 10 เส้นทาง โดยทั้ง 2 ฝ่าย ได้ร่วมกันกำหนดวันที่จะเปิดเส้นทางเดินรถตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2565 นั้น

ล่าสุด วันนี้ (13 มิ.ย.65 )ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางศิริพร สุภะโส เจ้าหน้าที่สถานีรถโดยสาร จ.ขอนแก่น กล่าวว่า สำหรับสถานีรถโดยสารระหว่างประเทศ จ.ขอนแก่น ยังต้องชลอการให้บริการออกไปก่อน เนื่องจากลาวขอขึ้นค่าโดยสาร โดยทางฝั่งไทยยังคงราคาค่าเดินทางในราคาเดิม ขณะที่ฝั่งลาวขอขึ้นค่าโดยสารอีก 20 บาท

สาเหตุที่ยังไม่พร้อมเปิดการเดินรถโดยสาร ระหว่างประเทศทั้งไทย - สปป.ลาว ในวันที่ 15 มิถุนายน 2565 นั้นมีเหตุผลทางบริษัทคู่สัญญา สปป.ลาว ยังไม่พร้อมที่จะเปิดเดินรถโดยสาร จากปัญหา เช่น ค่าเงินที่อ่อนตัวลงจาก 1 บาท ต่อ 260 กีบ เป็น 1 บาท ต่อ 460 กีบ ปัญหาราคาน้ำมันฝั่ง สปป.ลาว ที่แพงขึ้น ประมาณ 50 บาทต่อลิตร

การขอปรับอัตราค่าโดยสารที่คู่สัญญา สปป.ลาว ยื่นเสนอกรมขนส่ง สปป.ลาว และรอการอนุมัติ จึงไม่พร้อมเปิดเดินรถ อยู่ในช่วงฤดูฝนจึงมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการน้อย เส้นทางมีสภาพที่ชำรุด ในช่วงฤดูฝน และเส้นทางอุดรธานี - วังเวียง ขอให้ทั้งสองฝ่ายสำรวจเส้นทางใหม่ ซึ่งในเส้นทางเดิมใช้เวลาเดินรถ 7 ชั่วโมง เส้นทางใหม่ใกล้กว่าเดิมใช้เวลาเดินรถเหลือ 4 ชั่วโมง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

“มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวลาวที่มาทำงานที่ จ.ขอนแก่น เข้ามาสอบถามเรื่องการเดินรถระหว่างประเทศ ขอนแก่น-นครหลวงเวียงจันทร์ ทุกวัน แต่ในระยะนี้สายขอนแก่นต้องชลอการให้บริการออกไปก่อน เนื่องจากทางฝั่งลาวขอขึ้นค่าโดยสาร จาก 180 เป็น 200 บาท เนื่องจากราคาน้ำมันในประเทศมีราคาแพงขึ้น มีความผันผวน

โดยทั้ง 2 ประเทศได้มีการพูดคุยกันแล้ว โดยต้องรอให้หน่วยงานรับผิดชอบอนุมัติการขึ้นราคาก่อน จึงจะเดินรถได้ ประกอบกับในระยะนี้ผู้โดยสารเดินทางน้อย ประกอบกับอยู่ในช่วงฤดูฝน ทำให้ผลประกอบขาดทุน จึงต้องชะลอการเดินรถออกไป โดยในส่วนของรถ พนักงานขับและพนักงานให้บริการของไทยมีความพร้อมทั้งการดูแลรถโดยสาร เอกสารการเดินทางของพนักงาน ซึ่งทางฝั่งไทยพร้อมให้บริการแล้ว” นางศิริพร กล่าว