ยื่นขอขึ้นทะเบียน “เลี้ยงควายทะเลน้อย”  เป็นมรดกทางการเกษตรโลก

ยื่นขอขึ้นทะเบียน “เลี้ยงควายทะเลน้อย”  เป็นมรดกทางการเกษตรโลก

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมยื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียน "เลี้ยงควายทะเลน้อย" เป็น "มรดกทางการเกษตรโลก" หวังสร้างโอกาสชุมชนในด้านการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2565 นายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ยื่นเอกสารขอรับรอง วิถีการเลี้ยงควายและเกษตรเชิงนิเวศในพื้นที่ ทะเลน้อย หรือ "เลี้ยงควายทะเลน้อย" เป็นมรดกทางการเกษตรโลก จากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ FAO เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าว มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก จนได้รับการประกาศให้เป็นเขตพื้นที่ชุ่มน้ำโลก สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของ FAO ในการเป็นมรดกทางการเกษตร ที่เน้นการอนุรักษ์มรดกทางการเกษตรโลก เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร และพัฒนาเศรษฐกิจ ปกป้องและส่งเสริมการใช้ทางชีวภาพให้สอดคล้องกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและยั่งยืน

 

ยื่นขอขึ้นทะเบียน “เลี้ยงควายทะเลน้อย”  เป็นมรดกทางการเกษตรโลก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

บริเวณพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย มีวิถีชีวิตที่มีความเชื่อมโยงกับ ควายน้ำทะเลน้อย สืบทอดการ เลี้ยงควาย มายาวนาน กว่า 250 ปี ชาวบ้านมีรายได้หลักจากการขายควาย, ทำประมง, ปลูกข้าว และแปรรูปผลิตภัณฑ์จากกระจูด

ยื่นขอขึ้นทะเบียน “เลี้ยงควายทะเลน้อย”  เป็นมรดกทางการเกษตรโลก

ขณะที่ด้านระบบนิเวศ เมื่อถึงฤดูน้ำหลาก น้ำในทะเลน้อยมีปริมาณสูง ควายน้ำ จะดำน้ำลงไปกินหญ้า และพืชใต้น้ำอย่างสายบัว ใบบัว หรือ สาหร่าย กระจูด ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศในการกำจัดวัชพืช และมูลของควายยังเป็นอาหารให้กับพืชและแพลงตอน ซึ่งเป็นอาหารปลา 

และในส่วนของด้านวัฒนธรรม ควาย เป็นศูนย์รวมของความเชื่อ มีพิธีกรรมและประเพณี ที่เกี่ยวข้องกับควาย และทางเดินของควาย นอกจากจะสร้างภูมิทัศน์ที่สวยงาม ยังช่วยป้องกันการเกิดไฟป่าอีกด้วย หากบรรลุผลสำเร็จจะส่งผลดีต่อประชาชนในพื้นที่ทั้งด้านการจ้างงาน และการท่องเที่ยว