แบกไม่ไหว! ผู้ประกอบการรถโดยสาร - ขนส่งสินค้าอีสาน จี้ตรึงราคาน้ำมันดีเซล

ผู้ประกอบการรถโดยสารโคราช วอนรัฐเห็นใจตรึงราคาน้ำมันดีเซลเฉพาะกลุ่ม หลังแบกรับภาวะขาดทุนไม่ไหว จ่อปรับขึ้นค่าโดยสาร ด้าน สมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน จี้รัฐทบทวน 3 ข้อเรียกร้อง

วันที่ 29 เมษายน 2565 จากกรณีการปรับขึ้น "ราคาน้ำมันดีเซล" แบบขั้นบันได ผู้ประกอบการรถโดยสารโคราช วอนรัฐบาลเห็นใจตรึงราคาน้ำมันเฉพาะกลุ่ม หลังแบกรับภาวะขาดทุนไม่ไหว จ่อปรับขึ้นค่าโดยสาร ขณะที่ สมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน จี้ทบทวน 3 ข้อเรียกร้อง ชี้ขึ้นดีเซลกระทบภาพรวมแน่นอน

 

 

กรณีที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้เห็นชอบให้ปรับขึ้น "ราคาน้ำมันดีเซล" เป็นแบบขั้นบันได ตามมติคณะรัฐมนตี (ครม.) ภายหลังวันที่ 30 เมษายน 2565

 

ซึ่งรัฐบาลจะปล่อยราคาน้ำมันดีเซลเกินลิตรละ 30 บาท และจะพยุงราคาคนละครึ่งแทน แต่หากราคาน้ำมันดิบยังคงสูงขึ้น การช่วยเหลือคนละครึ่งอาจจะยังไม่เพียงพอ เนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ยังคงมีความผันผวนและราคาสูงอยู่ในปัจจุบัน

 

ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) กระทรวงพลังงาน จึงมีมติ "ปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล" ในเพดานใหม่ จากไม่เกินลิตรละ 30 บาท เป็นจะไม่เกินลิตรละ 35 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 นี้ โดยให้ยึดหลักตาม ครม. ที่ส่วนเกินลิตรละ 30 บาท กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะเข้าไปอุดหนุนครึ่งหนึ่ง ประชาชนจ่ายอีกครึ่งหนึ่ง และราคาขึ้นตามจริงครึ่งหนึ่งนั้น

 

 

ล่าสุดวันนี้ (29 เมษายน 2565) นายสมคิด กิ่งกรดกลาง นายกสมาคมขนส่งสินค้าภาคอีสาน ซึ่งเป็น 1 ใน 10 สมาคม ภายใต้สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขอความเห็นใจไปยังรัฐบาลทบทวนตามข้อเรียกร้อง 3 ข้ออีกครั้ง ตามที่เคยยื่นเสนอไปแล้ว

 

ทั้งเรื่องการ ตรึงราคาน้ำมันดีเซล อยู่ที่ลิตรละ 30 บาท ออกไปสักระยะ 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี เพราะหากปรับราคาน้ำมันดีเซล เริ่มวันที่ 1 พฤษภาคม 65 นี้ ก็จะส่งผลกระทบในวงกว้าง ผู้ประกอบการขนส่งทั่วประเทศ ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น เช่น

 

หากน้ำมันดีเซลปรับขึ้น 1 บาท ขนส่งก็ต้องปรับเพิ่มตาม 3% เพื่อความอยู่รอด ซึ่งจะส่งผลกระทบไปถึงประชาชนในภาพรวมทั้งประเทศ และหากปรับน้ำมันดีเซลขึ้นไป 35 บาทต่อลิตร ค่าขนส่งก็ต้องจำปรับขึ้นตามไปด้วยอย่างน้อย 15-20% ก็จะยิ่งส่งผลกระทบอย่างหนัก จึงขอให้รัฐบาลได้ทบทวนในเรื่องนี้ด้วย

 

รวมถึงเรื่องการเอาไบโอดีเซลหรือน้ำมันปาล์ม ออกไปจากน้ำมันดีเซล เพื่อช่วยลดราคาน้ำมันดีเซลในระดับหนึ่ง และขอให้สรรพสามิตลดการจัดเก็บภาษีน้ำมันลง เพื่อให้สามารถดำเนินการธุรกิจต่อไปได้ ทั้งนี้ได้พยายามเรียกร้องมาต่อเนื่องแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จึงขอวิงวอนรัฐบาลได้โปรดเห็นใจผู้ประกอบการและประชาชนที่จะได้รับผลกระทบด้วย

 

ด้าน นายสุวิช วงศ์เบญจรัตน์ เลขาธิการชมรมรถโดยสารจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะประธานกรรมการบริหาร บริษัท นครชัย 21 จำกัด กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ว่าจะ เบนซิน หรือดีเซล ย่อมส่งผลกระทบในภาพรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะรถโดยสารสาธารณะที่ได้รับผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และโควิดระบาดมามากกว่า 2 ปีแล้ว ทำให้การประกอบกิจการอยู่ในภาวะขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง

 

ที่ผ่านมาได้ปรับตัวด้วยการลดเที่ยววิ่งลงเหลือแค่ 30% เท่านั้น จากเที่ยววิ่งปกติ แต่ก็ยังขาดทุนอยู่ เพราะรถวิ่ง 1 คัน ต้องแบกภาระต้นทุนค่าจ้างพนักงาน 6-7 คน และหากมาเจอปรับราคาน้ำมันขึ้นอีกก็ยิ่งแบกภาระหนักยิ่งขึ้นไปอีก จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลได้ช่วยตรึงราคาน้ำมันเฉพาะกลุ่ม (ภาคขนส่ง-โดยสาร) รวมทั้งพิจารณาปรับราคาค่าโดยสารขึ้นให้ตามความเหมาะสม แต่หากรัฐไม่ตรึงราคาน้ำมันก็จำเป็นจะต้องปรับขึ้นค่าโดยสาร โดยอาจถึง 15 สตางค์ต่อกิโลเมตร แต่ทั้งนี้ต้องรอดูก่อนว่ารัฐจะอุดหนุนหรือพยุงราคาได้เท่าไหร่

 

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการรถโดยสารจะคิดอัตราค่าโดยสาร อยู่ที่ 53 สตางค์ต่อกิโลเมตร ตามที่รัฐกำหนดให้ตั้งแต่ปี 2550 มาแล้ว จากนั้น มีการปรับขึ้นจริง 4 ครั้ง โดยสูงสุดอยู่ที่ 57 สตางค์ ต่อกิโลเมตร และมีการปรับลง 6 ครั้ง จนปัจจุบันอยู่ที่ 53 สตางค์ต่อกิโลเมตรตามเดิม ทำให้ประสบภาวะขาดทุนมาเรื่อย หลายบริษัทต้องปิดตัวลง แต่หากสายป่านยาวก็จะประคองตัวต่อไปได้ ซึ่งตอนนี้บริษัทรถโดยสารใหญ่ ๆ ในจังหวัดฯก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะประคองตัวให้รอด ถ้าถึงขั้นวิกฤติจริง ๆ คงต้องลดเที่ยววิ่งลง เหลือไป 1 มา 1 หรืออาจต้องเลิกจ้างพนักงานอีก จากเดิมเคยมีถึง 600 คน ตอนนี้ลดลงเหลือแค่ 300 กว่าคนเท่านั้น

 

จึงอยากให้รัฐได้เห็นใจ ได้พิจารณาตรึงราคาน้ำมันเฉพาะกลุ่ม รวมทั้งเรื่องปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารและลดอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตด้วย ซึ่งหลัง 30 เมษายน 2565 ไปแล้ว ถ้ายังไม่มีข่าวดีก็จะมีการหารือในกลุ่มผู้ประกอบการรถโดยสาร เพื่อยื่นหนังสือขอปรับขึ้นค่าโดยสาร ต่อกรมการขนส่งทางบก และกระทรวงคมนาคมต่อไป

 

ข่าวโดย ประสิทธิ์ ตั้งประเสริฐ จ.นครราชสีมา