เที่ยวแม่เมาะเบิกบาน เพราะทุกฤดูกาลคือการเรียนรู้

แม่เมาะ อดีตเป็นแหล่งถ่านหินอายุกว่า 40 ล้านปี ที่ได้รับการค้นพบมาตั้งแต่ พ.ศ. 2460 จนได้รับการพัฒนามาเป็น เหมืองแม่เมาะ แหล่งถ่านหินลิกไนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ปัจจุบันรู้จักกันในนาม โรงไฟฟ้าแม่เมาะ

สวนเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพสวยงาม

หากเป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำ เราอาจจะนึกถึงภาพการเที่ยวเขื่อน ถ้าเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลม ก็จะพบกับความอลังการของทุ่งกังหันที่เรียงราย แต่เมื่อกล่าวถึง เหมืองถ่านหิน หรือลิกไนต์ หลายคนอาจจะนึกภาพไม่ออกว่าจะไปเที่ยวแบบไหนได้

​ด้วยการพัฒนาที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและชุมชนมาอย่างยาวนาน ปัจจุบัน เหมืองแม่เมาะ เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้เราได้เข้ามา ส่อง ชมการทำงานของเหมืองได้ในระยะไกล ท่ามกลางธรรมชาติที่รายล้อม

สวนเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพสวยงาม

สิ่งแรกที่เราจะทำความรู้จักกับเหมืองแห่งนี้ได้ดีที่สุด คือ การเข้าชม พิพิธภัณฑ์ศูนย์ถ่านหินลิกไนต์ศึกษา (เหมืองแม่เมาะ) ภายในอาคารที่ตั้งอยู่บนเนินเขาบริเวณสวนพฤกษชาติ  เมื่อเข้ามาแล้วจะได้พบกับ ถ่านน้อย หนึ่งในมาสคอตประจำศูนย์เรียนรู้ของ กฟผ.

พิพิธภัณฑ์ศูนย์ถ่านหินลิกไนต์ศึกษา

ส่วนของพิพิธภัณฑ์ฯ จัดแสดงนิทรรศการที่ทันสมัย เต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจ ตั้งแต่ โซนที่ 1 นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ นำเสนอพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจที่สำคัญในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงบุกเบิกกิจการพลังงานของไทย ไล่เรียงไปถึงโซนที่ 7 ที่จะเปิดประสบการณ์ของโลกพลังงาน ธรณีวิทยา และการผลิตไฟฟ้า รวมทั้งโรงภาพยนตร์ 4D โดยมี น้องถ่านน้อย และ น้องบัวตอง เป็นผู้เล่าเรื่องเหมืองแม่เมาะได้อย่างน่ารัก

พิพิธภัณฑ์ศูนย์ถ่านหินลิกไนต์ศึกษา

เพลิดเพลินกับโลกแห่งการเรียนรู้แล้วออกไปสู่สะพานที่ยื่นออกไปด้านหลังอาคารพิพิธภัณฑ์ เป็นจุดชมวิวเหมืองท่ามกลางธรรมชาติอันแสนสดชื่น
ภายในตัวสวนพฤกษชาติ มีการดูแลพื้นที่อย่างเป็นระเบียบสวยงาม  บริเวณ ศาลาชมวิว เป็นอีกจุดที่มองเห็นการทำงานในเหมืองเป็นมุมกว้าง

ในบริเวณเดียวกันนี้ ด้วยความลาดเอียงของเนินเขาที่มีผืนหญ้าปกคลุม จึงเกิดเป็นกิจกรรม ลานสไลเดอร์แม่เมาะ วิธีเล่นง่าย ๆ โดยนั่งบนอุปกรณ์แผ่นรองลื่น จับห่วงไว้ให้แน่น แล้วปล่อยน้ำหนักตัวให้ไหลลงมา ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานแบบเด็ก ๆ ที่ผู้ใหญ่ก็อยากจะย้อนวัยด้วยเหมือนกัน

อีกจุดชมวิวที่อวดความอลังการของป่าเขาในเหมืองแม่เมาะได้เต็มตา อยู่ที่ สวนเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ซึ่ง กฟผ.จัดสร้างขึ้นเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9

จุดนี้ต้องขับรถขึ้นไปอีกเนินเขาหนึ่ง ซึ่งปลูกไม้ดอกไม้ประดับอย่างสวยงาม ในช่วงหน้าหนาวเมื่อดอกบัวตองบานสะพรั่ง ก็จะมีงานท่องเที่ยวชมดอกบัวตองประจำปี

สำหรับหน้าฝนที่ถูกใจคนชอบความเงียบสงบ บริเวณนี้ถือเป็นแหล่งธรรมชาติที่ปลอดโปร่ง ผ่อนคลาย รายล้อมไปด้วยวิวป่าเขาที่กว้างไกล หากขึ้นไปบนหอชมวิว ก็จะได้มุมมองที่อลังการขึ้นไปอีก

​จุดไฮไลต์ที่ดึงความสนใจของทุกคนอยู่ที่สะพานที่ยืนออกไปในเวิ้งกว้าง เป็น สกายวอล์กแห่งแม่เมาะ ที่เปิดภาพความงดงามของผืนป่าและทิวเขาน้อยใหญ่ ช่วงเช้าและเย็นถือเป็นจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยงาม แต่ในช่วงหน้าฝนที่ฟ้าครึ้ม ๆ ลมพัดโชยเบา ๆ ในตอนกลางวันก็ให้ความรู้สึกชื่นใจ

​เมื่อมาเยือนเหมืองแม่เมาะ แล้วอยากจะพักกายพักใจค้างแรมที่นี่ ทาง กฟผ. ก็มีบ้านพักให้บริการ พร้อมร้านอาหาร รวมทั้งสนามกอล์ฟขนาด 18 หลุม

​อีกจุดที่เราสามารถขึ้นไปชมความงดงามของธรรมชาติได้อยู่ที่ วัดรัตนคูหา ซึ่งอยู่ใน อ.แม่เมาะ เช่นกัน เดิมวัดแห่งนี้คือ สำนักสงฆ์ถ้ำผากล้วย ปัจจุบันมีพระอุโบสถสถาปัตยกรรมแบบล้านนาประยุกต์ ตั้งตระหง่านอยู่ด้านบน ภายในประดิษฐานพระไภษัชยคุรุเขลางค์นคร เป็นพระประธาน

หากมองลงมาจะเห็นผืนป่าขนาดใหญ่ มีภาพของโรงไฟฟ้าแม่เมาะอยู่ไกล ๆ ใครที่อยากท้าทายแข้งขาก็ไม่ต้องขับรถขึ้นไป โดยเลือกเดินขึ้นบันไดนาค 109 ขั้น นอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้ว ยังได้ชมวิวเพลิน ๆ ตลอดเส้นทาง

เรื่องการการเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด เรื่องเที่ยวก็ไม่มีวันหยุดเช่นกัน  ก่อนที่ดอกบัวตองจะบาน ก่อนจะถึงฤดูกาลแห่งสายหมอกหน้าหนาว ฝนนี้ยังมีลมเย็น ๆ พัดโชยเบา ๆ รอคอยเราอยู่ที่แม่เมาะ

เปิดเมนูท้าลอง ‘แอ๊บอ่องออ’

มาถึงแดนเหนือต้องลิ้มลองรสชาติแท้ของอาหารถิ่น หนึ่งในร้านอาหารในละแวกโรงไฟฟ้าแม่เมาะ คือ ร้านพรรคกระยาจก มาแล้วต้องขอชิม ลาบคั่ว แบบชาวเหนือแท้ ๆ รสชาติเข้มข้น หอมพริกลาบ และ น้ำพริกข่า รสเด็ดเผ็ดกำลังดี รวมทั้ง จอผักกาด แกงผักกาดรสกลมกล่อม

เมนูท้าลอง แอ๊บอ่องออ ที่ร้านพรคกระยาจก

พลาดไม่ได้กับเมนูท้าลอง แอ๊บอ่องออ หลายคนอาจไม่คุ้นกับส่วนผสมของวัตถุดิบหลักอย่าง อ่องออ ซึ่งหมายถึง สมองหมูหรือสมองวัวนำมาผสมเครื่องสมุนไพร  แล้ว แอ๊บ หรือการห่อใบตองแล้วย่างด้วยไฟอ่อน ๆ จนสุกหอม

นอกจากนี้ยังมีเมนูประจำถิ่นหรือประจำฤดูกาล เช่น รังผึ้งย่าง ที่หากินไม่ง่ายนัก