‘ค่ายผู้นำเยาวชนด้านสุขภาพ’ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงเยาวชนไทย

‘ค่ายผู้นำเยาวชนด้านสุขภาพ’ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงเยาวชนไทย

เยาวชนร่วมออกแบบแก้ปัญหาสุขภาพในชายแดนใต้ ผลลัพท์ของ ‘ค่ายผู้นำเยาวชนด้านสุขภาพ’ คือพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงเยาวชนไทย

ในสามจังหวัดชายแดนใต้ของประเทศไทย เช่น ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส เด็ก และเยาวชนต้องเผชิญกับความท้าทายที่มากกว่าปัญหาในห้องเรียน ตั้งแต่ภาวะทุพโภชนาการ ไปจนถึงวิกฤตสุขภาพจิต

งานวิจัยจากสำนักงานสถิติแห่งชาติร่วมกับ องค์การยูนิเซฟ ระบุว่า เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีในพื้นที่เหล่านี้มีอัตราเตี้ยแคระแกร็นจากการขาดสารอาหารสูงถึงร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระดับประเทศที่ประมาณร้อยละ 13

ขณะเดียวกัน ปัญหาสุขภาพจิต เช่น ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล ก็กำลังแพร่หลายและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยที่หลายคนไม่รู้ว่าจะขอความช่วยเหลือจากที่ไหน

ในเดือนตุลาคม 2567 เยาวชนจำนวน 60 คน จากศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอ 6 แห่งในสามจังหวัดชายแดนใต้ได้รวมตัวกันที่จังหวัดสงขลาเพื่อเข้าร่วม ค่ายผู้นำเยาวชนด้านสุขภาพ  (Youth Health Champions Camp)

ค่ายนี้ได้รับการสนับสนุนจาก องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย และ จัดโดย มูลนิธิคีนันแห่งเอเชีย  โดยเปิดพื้นที่ให้เยาวชนอายุระหว่าง 15–24 ปีร่วมกันพัฒนาแนวทางปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับคนในวัยเดียวกัน

แม้เยาวชนจำนวนมากในกลุ่มนี้จะเคยต้องออกจากระบบการศึกษาเนื่องจากหลายเหตุผล แต่พวกเขาก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่น่าทึ่ง

ก่อนเริ่มค่าย ผู้เข้าร่วมได้ทำการวิจัยในพื้นที่ โดยพบกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในชุมชน รวมถึงตัวแทนจากองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เพื่อประเมินปัญหาสุขภาพที่ชุมชนของตนกำลังเผชิญ

‘ค่ายผู้นำเยาวชนด้านสุขภาพ’ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงเยาวชนไทย ค่ายเริ่มต้นด้วยกิจกรรมละลายพฤติกรรม ตามด้วยเวิร์กชอปเกี่ยวกับสุขภาพจิต และการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพตนเองและการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม

ในวันที่สองของค่าย ผู้เข้าร่วมต้องตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อร่วมกิจกรรมบนชายหาด คือ การฝึกศิลปะป้องกันตัวปันจักสีลัต ซึ่งเป็นศิลปะมวยพื้นเมืองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากนั้นเข้าสู่เวิร์กชอปพัฒนาแนวคิดของตนให้ชัดเจนขึ้น และกำหนดขั้นตอนต่อไปสำหรับโครงการ

สำหรับผู้เข้าร่วมหลายคน นี่คือโอกาสครั้งแรกที่พวกเขาได้ก้าวออกจากกรอบของระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมที่จัดการเรียนการสอนแต่ในห้องเรียน และได้หันมาสนใจประเด็นที่ส่งผลต่อชีวิตของตนเองในระยะยาว เช่น โภชนาการ สุขภาพจิต และความเป็นอยู่ของชุมชน

‘ค่ายผู้นำเยาวชนด้านสุขภาพ’ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงเยาวชนไทย พวกเขาออกจากค่ายพร้อมกับแผนโครงการที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ซึ่งอาจเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของเยาวชนในท้องถิ่นทั้งผ่านช่องทางออนไลน์และกิจกรรมในพื้นที่จริง

‘ค่ายผู้นำเยาวชนด้านสุขภาพ’ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงเยาวชนไทย จักรพันธ์ จันทรชาตรี เจ้าหน้าที่โครงการสุขภาพวัยรุ่น องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “เป้าหมายของค่ายนี้คือการให้อำนาจแก่เยาวชนเหล่านี้ในการระบุปัญหาด้านสุขภาพในชุมชนของพวกเขา

และร่วมกันหาทางแก้ไข เราต้องการให้พวกเขามีพื้นที่ในการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้อย่างเปิดเผย และได้รับแรงบันดาลใจในการร่วมกันสร้างโครงการที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชน”

‘ค่ายผู้นำเยาวชนด้านสุขภาพ’ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงเยาวชนไทย 'จักรพันธ์' กล่าวเสริมว่า ค่ายนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่ดีในวัยรุ่น รวมถึงการส่งเสริมการกินดี ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจสำคัญของยูนิเซฟในปี 2568 ซึ่งรวมถึงแคมเปญ ‘กินไรดี’ ที่ยูนิเซฟเปิดตัวไปเมื่อเดือนเมษายน 2567เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนในประเทศไทยหันมาเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น

‘ค่ายผู้นำเยาวชนด้านสุขภาพ’ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงเยาวชนไทย

ภายในค่ายนี้ ปัญหาที่เยาวชนหยิบยกขึ้นมานั้นมักเกี่ยวข้องกับชีวิตพวกเขาโดยตรง โดยมีปัญหาโภชนาการและพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสมเป็นประเด็นหลัก “พวกเขาตระหนักว่าตนเองบริโภคอาหารที่มีโซเดียม และน้ำตาลสูงอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่รู้ว่าจะปรับปรุงอย่างไร”

รอฮีมะห์ เหะหมัด ผู้จัดเวิร์กชอปจาก มูลนิธิคีนันแห่งเอเชีย  สาขาปัตตานี อธิบายว่าเวิร์กชอปช่วยเติมเต็มช่องว่างด้วยความรู้ และเครื่องมือที่ช่วยให้เยาวชนสามารถลงมือทำ

เยาวชนกลุ่มหนึ่งเสนอแนวคิดการจัดตั้ง ชมรมโภชนาการ เพื่อร่วมมือกับร้านค้าในท้องถิ่นในการส่งเสริมอาหารที่ดีต่อสุขภาพสำหรับนักเรียน

แวซูไฮณี จะปะกิยา คุณครูจากอำเภอยะรัง จังหวัดยะลา เล่าถึงการมีส่วนร่วมของนักเรียนว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เข้าร่วมกิจกรรมนอกกรอบวิชาการ และได้แสดงความเห็นพร้อมร่วมออกแบบโครงการเพื่อชุมชนของตนเอง”

‘ค่ายผู้นำเยาวชนด้านสุขภาพ’ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงเยาวชนไทย สำหรับบางคน ค่ายนี้คือจุดเปลี่ยนในชีวิต มูฮัมหมัดฟิตรี มามะ วัย 22 ปี จากยะลา ต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่อายุ 12 ปี เพื่อช่วยเลี้ยงดูครอบครัว แต่เพิ่งกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอีกครั้ง

เขาได้รับแรงบันดาลใจจากค่ายและเสนอแนวคิดในการจัดตั้งสถานที่ออกกำลังกายที่เหมาะสมกับชุมชนของตนเอง “พื้นที่ของผมต้องการการเปลี่ยนแปลงในทางบวก” เขากล่าว

ในทำนองเดียวกัน อริสรา พิมพาภรณ์ วัย 18 ปี จากอำเภอรามัน จังหวัดยะลา ซึ่งเคยเผชิญปัญหาสุขภาพจิตและออกจากโรงเรียนเมื่อตอนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ก่อนจะกลับมาเรียนอีกครั้งเมื่อปีที่แล้ว เธอและกลุ่มได้ออกแบบโครงการการเต้นรำแบบดั้งเดิมสำหรับผู้สูงอายุ โดยใช้ไม้เท้า

“การเต้นนี้จะช่วยให้ผู้สูงอายุได้ออกกำลังกาย และยังฟื้นฟูศิลปะการทำไม้เท้าของชุมชนอีกด้วย” เธอกล่าว

‘ค่ายผู้นำเยาวชนด้านสุขภาพ’ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงเยาวชนไทย ค่ายนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการให้อำนาจแก่เยาวชนในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ของตนเอง ด้วยมุมมองเฉพาะตัว “เราต้องการให้พวกเขาเป็น ‘แชมป์เปี้ยน’ ของการมีวิถีชีวิตที่ดีและสุขภาพดี พร้อมทั้งออกแบบแนวทางที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนของพวกเขาเอง” จักรพันธ์กล่าว

‘ค่ายผู้นำเยาวชนด้านสุขภาพ’ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงเยาวชนไทย นอกเหนือจากตัวโครงการ ค่ายยังมีผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงในแง่ของความมั่นใจและทักษะการสื่อสารของผู้เข้าร่วม แวซูไฮณี สังเกตว่านักเรียนหลายคนที่เคยขี้อายหรือไม่กล้าแสดงออก กลับกล้าพูดและเสนอความคิดมากขึ้น

“พวกเขาได้เรียนรู้ว่า ครูพร้อมจะฟังพวกเขา” เธอกล่าว พร้อมย้ำว่าประสบการณ์นี้ทำให้เยาวชนรู้สึกถึงคุณค่ในตัวเองมากขึ้น

เมื่อผู้นำเยาวชนเหล่านี้กลับสู่ชุมชน พวกเขาไม่ได้กลับไปพร้อมเพียงแค่แนวคิดใหม่ ๆ เท่านั้น แต่ยังมีความรู้สึกของความรับผิดชอบและพลังในการเปลี่ยนแปลง โครงการที่พวกเขาเริ่มต้น ไม่ว่าจะเน้นที่โภชนาการ การออกกำลังกาย หรือการอนุรักษ์วัฒนธรรม ล้วนมีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่

‘อริสรา’ สรุปสาระสำคัญของค่ายได้อย่างชัดเจนว่า “คนที่ใช้ชีวิตอยู่กับปัญหา คือคนที่เข้าใจดีที่สุด และสามารถช่วยออกแบบแนวทางแก้ไขที่เป็นรูปธรรมได้ดีที่สุด”

‘ค่ายผู้นำเยาวชนด้านสุขภาพ’ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงเยาวชนไทย โครงการอย่าง Youth Health Champions Camp แสดงให้เห็นว่า เมื่อได้รับโอกาส เยาวชนสามารถเป็นพลังแห่งการเปลี่ยนแปลง ที่มีบทบาทในการกำหนดอนาคตของชุมชนของพวกเขาเอง