ไขข้อสงสัยคดี “แตงโม นิดา” ผู้รู้เฉพาะทาง ช่วยตอบปริศนาคดีความ

กรณีการเสียชีวิตของ “แตงโม นิดา” เป็นคดีที่คนทั้งประเทศมีความรู้สึกร่วม มีข้อสงสัยมากมาย ที่ประชาชนอยากรู้ความจริง และอยากให้คดีนี้ได้รับความยุติธรรมมากที่สุด
คดีของนักแสดงสาว “แตงโม นิดา” ตกเรือเสียชีวิต ยังไม่มีความคืบหน้า แต่ประชาชนก็ยังให้ความสนใจ เพราะเป็นตัวอย่างของการใช้กระบวนการกฎหมายจัดการ ประชาชนกำลังจับจ้องว่า คดีนี้จะได้รับความยุติธรรมหรือไม่...
- การย้ายสถานที่ผ่าพิสูจน์ศพ
ความสงสัยประเด็นแรก ที่ประชาชนต้องการคำตอบคือ “เหตุใดต้องย้ายที่ผ่าพิสูจน์ศพกระทันหัน”
“พื้นที่ทั้งหมดในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการผ่าชันสูตรศพอยู่ภายใต้อำนาจของ สำนักงานตำรววจแห่งชาติ การเปลี่ยนแปลงสถานที่ขึ้นอยู่กับ พนง.สอบสวน เป็นหัวหน้าทีมมีอำนาจตัดสินใจเต็มที่ ว่าจะให้ส่งที่ใด ส่วนแพทย์หรือกองพิสูจน์หลักฐานเป็นทีมงาน”
รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กล่าวในงานเสวนา "ความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม : กรณี คดีแตงโม นิดา จมน้ำเสียชีวิต" จัดโดย คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม ม.มหาวิทยาลัยรังสิต และ องค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อสมท.) เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2565
สอดคล้องกับ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ที่กล่าวว่า คดีอาญาอยู่ในอำนาจตำรวจ
“เมื่อเริ่มต้นเป็นคดีอาญา จึงอยู่ในอำนาจตำรวจ ที่ต้องดำเนินงานมาที่นิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม”
- การทำงานคดีนี้ของตำรวจ
ข้อสงสัยอันดับสองที่ประชาชนมีต่อคดีนี้ เหตุเกิดช่วงดึก เช้าวันรุ่งขึ้นมีการแจ้งความ แต่เรียกตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนเวลาสองทุ่ม
ทำไมเป็นเช่นนั้น ทนายเดชา กล่าวว่า ตำรวจทำเต็มที่แล้ว ไม่ช้า
“เหตุเกิด 24 ก.พ. 65 เวลา 22:34 น. รับแจ้งเหตุเวลา 23:42 น. ตรวจยึดเรือวันรุ่งขึ้น 25 ก.พ. 65 เวลา 10:00 น. ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานเก็บหลักฐาน 10:00 น. ทั้ง 5 คนบนเรือมาพบเวลา 20:00 น.
พบศพวันที่ 26 ก.พ. 65 เวลา 13:00 น. และเวลา 11:00 น. ตรวจเลือด ปอ, เบิร์ต, จ๊อบ ที่ รพ.พระนั่งเกล้า จับกุมเวลา 23:00 น.โดยตั้งข้อหาความผิด ความประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขับเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต ใช้เรือที่ใบอนุญาตหมดอายุ ทั้งหมด 3 ข้อหา
-ประกันตัว 27 ก.พ.65 เวลา 15:25 น.
-ตรวจร่างกายซ้ำ 1 มี.ค. 65 ปอ, เบิร์ต, จ๊อบ ตรวจร่างกาย/ปัสสาวะ, กระติก ตรวจร่างกาย/ปัสสาวะ/ เลือด, แซน ตรวจร่างกาย ไม่ยินยอมให้ตรวจปัสสาวะ พนง.สอบสวน อ้างว่าการตรวจผู้เสียหาย ต้องได้รับความยินยอม”
- หากไม่ยินยอมให้ตรวจร่างกาย บังคับตรวจได้ไหม
ข้อสงสัยที่สาม ผู้ต้องสงสัยปฏิเสธการตรวจได้ ขณะที่ประชาชนทั่วไปไม่เคยได้รับการยกเว้น
นพ.วีระศักดิ์ กล่าวว่า กรณีมีผู้ต้องสงสัยที่พนง.สืบสวนส่งมาให้ตรวจร่างกาย สิ่งแรกที่หมอทำ คือ ต้องถามคนไข้ก่อนว่ายินยอมหรือไม่
“การที่เขาไม่ยอมตรวจ ก็ไม่มีผลเลือดไปต่อสู้ทางคดีว่า เขาไม่ได้เมา เป็นผลเสียกับเขามากกว่า ไม่ใช่ไม่ตรวจ ไม่มีผล ทำอะไรไม่ได้ จริง ๆ แล้วในทางกฎหมายยังทำได้อยู่ครับ”
ส่วน รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล นักอาชญาวิทยา ผู้ช่วยอธิการบดี ฝ่ายรักษาความสงบเรียบร้อย ประธานคณะกรรมการคณะอาชญาวิทยาและการบริการงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต มีความคิดเห็นว่า
“ในองค์กรตำรวจมีหลายสิ่งที่อยากทำ แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะ 1)ติดขัดเรื่องข้อกฎหมาย 2)องค์กรตำรวจถูกแทรกแซงได้ง่าย ขึ้นอยู่กับการเมือง
เราต้องมาดูเรื่องโครงสร้างองค์กรตำรวจ เรื่องอิสระในการทำงาน ไม่ถูกแทรกแซง ไม่ถูกกดดัน ในส่วนข้อกฎหมาย เรื่องอะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้ ในคดีนี้มี 5 คนเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดเหตุอะไร ถ้ากฎหมายไม่สามารถทำอะไรได้เลย สังคมก็ไม่สงบสุข
ข้อมูลสถาบันเพื่อความยุติธรรมแห่งประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมา สำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมไทย คะแนนเต็ม 5 หลังคดีผู้กำกับโจ้ คะแนนลดลงเหลือ 1.29
- สถาบันการยุติธรรมแห่งประเทศไทย มีข้อเสนอว่า
1) ควรปรับปรุงกลไกการสอบสวนของตำรวจในการค้นหาความจริง
2) ควรส่งเสริมบทบาทของพนักงานสอบสวนเป็นวิชาชีพเฉพาะ เป็นอิสระจากสายการบังคับบัญชาปกติ
3)ควรสร้างกระบวนการให้ภาคส่วนต่าง ๆ มีส่วนร่วมกำกับดูแลงานตำรวจ
“ถ้าเป็นตำรวจที่อเมริกาและอังกฤษ ถ้าแซนบอกว่า แตงโมจับขาเธอ เขาจะตรวจลายนิ้วมือที่ขาของคุณแซนว่ามีไหม แล้วแยก ห้าคนมาสอบว่าเกิดอะไรขึ้นบนเรือ
หรือถ้าแยกย้ายกันกลับบ้าน ตำรวจก็จะตามไปหาถึงบ้านเลย ถ้าไม่ยอมอยู่หรือไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจ แสดงว่าผิดปกติ นี่เป็นข้อกฎหมายที่ยังถกเถียงกันอยู่” ดร.กฤษณพงค์ กล่าว
เมื่อคดีความเต็มไปด้วยข้อสงสัย การแก้กฎหมายให้ทันสมัยกับเหตุการณ์จริงจำเป็นแค่ไหน
ทนายเดชา กล่าวว่า กฎหมายไทยทำได้แค่นี้ คดีนี้เต็มไปด้วยข้อสงสัย
“ในบันทึกประจำวัน 25 ก.พ. 65 เวลา 01:37 น. พนง.สอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี มีพลเมืองดีแจ้งว่า มีผู้หญิงตกเรือ ทำไมไม่บอกชื่อจริงว่า ใครเป็นคนแจ้ง และคนตกเรือเป็นใคร แสดงว่าคนที่แจ้งเป็นคนบนเรือที่เห็นเหตุการณ์ ฝากสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า เราควรดำเนินคดีกับพฤติกรรมลักษณะแบบนี้หรือไม่”
- ในส่วนของการตรวจร่างกาย จะมีหลักฐานเอาผิดอะไรได้หรือไม่
นพ.วีระศักดิ์ บอกว่า ขึ้นอยู่กับระยะเวลา
“จากห้าคนบนเรือที่ต้องมาตรวจ มีผลแน่นอนคือเรื่อง แอลกอฮอล์ ปกติดื่มเข้าไปแล้วปัสสาวะ ปริมาณจะลดลงเรื่อย ๆ 24 ชั่วโมงหลังการดื่มมักตรวจไม่พบ
ส่วนการตรวจสารเสพติด, เลือด, ปัสสาวะ มีปริมาณชั่วโมงที่จำกัด เมื่อเข้าสู่ระบบการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย จะถูกขับออกใน 2-3 วัน ถ้าเลยกรอบเวลาจะตรวจไม่เจอ ต้องตรวจเส้นผม เพราะสารที่ติดไปกับเลือดจะไปอยู่ที่เส้นผม แม้จะสระผม ก็ไม่ออก”
- การผ่าพิสูจน์ศพสามารถบอกอะไรได้บ้าง
นพ.วีระศักดิ์ บอกว่า บอกถึงสิ่งที่ภายนอกมองไม่เห็น
“การผ่าตัดดูชั้นใต้ผิวหนัง จะเห็นร่องรอยว่า มีแรงกระแทกยังไง จะมีเลือดออกให้เห็น เราจะตัดชิ้นเนื้อไปทำให้แข็ง แล้วผ่าสไลด์ดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ ใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ รายงานผลการผ่าชันสูตรศพอย่างเป็นทางการส่งให้พนักงานสืบสวน ภายใน 45-60 วัน”
- ทางออกของปัญหา
ดร. กฤษณพงค์ เสนอว่า ควรนำเอาข้อเสนอแนะของคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจหลาย ๆ ชุดที่ตั้งขึ้นมา ประกอบกับงานวิจัยที่มีการศึกษาโดยเฉพาะเรื่องการสอบสวนที่ถูกแทรกแซง มาเริ่มทำได้แล้ว
“การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ก็ต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะสายงาน ส่วนที่ไม่ได้อาศัยพื้นฐานความรู้ความสามารถ ก็ต้องมีการปรับปรุงแก้ไข
สังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำ ส่งผลถึงกระบวนการยุติธรรม สิ่งที่รัฐจะให้ได้คือความยุติธรรม ที่ต้องเสมอภาคและเป็นธรรม
คดีนี้เป็นคนดังถ้ายังไม่ได้รับความเป็นธรรม คนส่วนใหญ่ก็ไม่คาดหวังแล้วว่าจะมีความยุติธรรมเกิดขึ้น”
ส่วน ทนายเดชา กล่าวว่า การประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ถ้ารับสารภาพ บรรเทาโทษ มีการเยียวยาที่เหมาะสม ไม่มีอะไรน่ากลัว
“ศาลจะลงโทษจำคุกเฉลี่ย 3 ปี ปรับประมาณหนึ่งแสนบาท รอการลงโทษสองปี ผมเป็นทนายมา 36 ปี มีคำแนะนำง่าย ๆ 1)ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย 2)ต้องช่วยตัวเอง ถ้าขับรถก็ต้องมีกล้องหน้ารถ"
ทางด้าน นพ. วีระศักดิ์ บอกว่า สังคมเปลี่ยนไปแล้ว เราต้องเปลี่ยนตาม
“คดีนี้ได้รับความสนใจ เพราะเหตุเกิดกับคนรวย มีการปฏิบัติที่แตกต่าง ถ้ามีการตัดสินอะไรที่ทำให้เกิดความเป็นธรรมโดยเร็ว ก็อาจเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้
สังคมเปลี่ยน ความต้องการของสังคมก็เปลี่ยนไป ทุกประเทศทั่วโลกก็ต้องปฏิรูป สหรัฐอเมริกายังต้องปฏิรูป เพราะมีปัญหาเรื่องเชื้อชาติสีผิว เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม
ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ส่งผลต่อความเหลื่อมล้ำทางกระบวนการยุติธรรม เป็นสิ่งที่ต้องปรับ ถ้าปรับตามไม่ทัน สังคมก็จะกระตุ้นให้หน่วยงานภาครัฐต้องออกมาเปลี่ยนแปลง”







