พี่นี้มีแต่ ‘ให้’

พี่นี้มีแต่ ‘ให้’

จะเสี่ยคาเฟ่คล้องมาลัยนักร้องสาว หรือจะจอมทุ่มผู้ส่งกิฟต์ให้วีเจสาวทางออนไลน์ ไม่ว่าจะผ่านมากี่สมัย ที่ไม่เปลี่ยนไป คือ การเปย์อย่าง "ป๋า"

ข่าวกระฉ่อนที่หลายคนพากันสงสัย จ่ายให้ ‘สาว’ ไปได้ยังไงตั้งล้านกว่า แต่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย !?

อันที่จริง ไม่น่าจะต้องสงสัย เพราะ ‘ป๋านักเปย์’ อยู่คู่สังคมไทยมาแต่ไหนแต่ไร ที่เปลี่ยนไปก็แค่รูปแบบการเปย์ จนถึงแพลทฟอร์ม และ ‘คอนเทนท์’ ซึ่งก็คือ เหล่านางฟ้าหน้าใส ที่อย่างไรก็ไม่เคยทิ้งลวดลายออดอ้อน เอาใจป๋า

ตัวท็อปที่ใฝ่ฝัน

ถ้าจะเทียบกัน นักร้องคาเฟ่ ก็คงไม่ต่างอะไรกับ เน็ตไอดอล ในวันนี้.. สวยใส และเป็นที่ใฝ่ฝันของหนุ่มๆ

เมื่อก่อนเสี่ยอาจเดินไปคล้องมาลัยกันให้ถึงตัว แต่เดี๋ยวนี้ นางฟ้าเขาโชว์สดผ่านออนไลน์ สไตล์การเปย์จึงแค่เปลี่ยนไป กลายเป็นส่งกิฟต์ไปให้ที่หน้าจอผ่านแอพพลิเคชั่น ‘ไลฟ์’ จากหลากค่าย หลายตระกูล

และถึงแม้ของขวัญจะจับต้องไม่ได้เหมือนพวงมาลัย แต่ที่ไม่ต่างกัน ก็คือส่วนแบ่งของ ‘ยอดขาย’ ที่นางฟ้าทำได้

หนุ่มเริ่มเปย์ อาจไต่ระดับจากของขวัญมุ้งมิ้งแค่บาทเศษๆ ก็ส่งได้ อย่าง ดอกไม้, เบียร์, อมยิ้ม หรือสติ๊กเกอร์ทักทาย ขยับสูงขึ้นมาหน่อยก็จะเป็นตุ๊กตาหมี หัวใจ คิส ขนมเค้ก บูเกต์ดอกไม้ ลิปสติก น้ำ หอม กล้องถ่ายรูป ฯลฯ

จากไม่กี่บาทก็ไต่ระดับสู่หลักพันได้ด้วยของขวัญอย่าง บิ๊กไบค์ 1,200 บาท หรือ ซูเปอร์คาร์ 3,600 บาท ในแอพ Bigo Live ส่วนเรือยอชต์ใน Kitty Live สนนราคาไม่เบาที่ราวๆ 4,700 บาท

แต่ถ้าอยากส่งปราสาทให้น้องวีเจสุดเซ็กซี่ผ่านแอพฯ It's Me ก็จ่ายกันเบาๆ ที่ประมาณ 3,400 บาท

ยิ่งเวลาเลยเที่ยงคืนไปมากเท่าไหร่ ดูเหมือนของขวัญที่นักเปย์ส่งให้จะยิ่งเพิ่มมูลค่าหนักขึ้น และหนักขึ้น แน่นอนว่า ‘ลวดลาย’ ของเหล่านางฟ้าก็หนักขึ้นเช่นเดียวกัน

“เบิร์ด” ที่เล่น Bigo live แบบรายสะดวก มากกว่า 4-5 เดือน บอกว่า หลังจากเพื่อนแนะนำมา ก็จะเล่นทุกครั้งเมื่อมีโอกาส และช่วงเวลาที่พีคที่สุดในมุมมองของเขาน่าจะเป็นช่วง หลัง 01.00น. เพราะช่วงนี้บรรดา VJ จะกำลังสนุก พูดจาโต้ตอบกับคอมเมนต์อย่างดุเดือด ให้ความรู้สึก Real และเป็นตัวตนจริงๆ

แน่นอนว่า บางรายจากที่เคยแต่งตัวแบบปกติ เรียบๆ ในช่วงหัวค่ำ แต่ในเวลานี้พวกเธอก็ยิ่งแสดงถึงความ Sexy ที่มากขึ้น ชุดนักศึกษาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าตอนนี้ กลายเป็นเสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น บางคนก็ชุดนอน ผ้าพลิ้วๆ ดูน่ารักๆ ทำเอาผู้ชายต้องจินตนาการเตลิดไปใหญ่

เขามองว่า การไล่ดูสาวๆ ผ่านแอพฯ พวกนี้ได้อารมณ์กว่าดูคลิปวีดิโอ 18+ ที่อัพโหลดกันว่อนเน็ต เพราะมันได้ ‘ลุ้น’ กว่า คาดเดาได้ยากกว่า แถมบางวันยังขึ้นอยู่กับอารมณ์พาไปของคนโชว์ด้วย ถ้าช่วงไหนมีคนแชร์มาก มีคนกดติดตามมาก ไม่แน่ว่า VJ อาจจะสนองคนดูด้วยการทำอะไรที่ไม่คาดฝันได้ อย่างการติดสติ๊กเกอร์ที่เนินหน้าอก การล้างหน้าโชว์หน้าสดกันจะๆ

“ผมมองเป็นเรื่องสนุก ดูเล่นๆ ก่อนนอน จะนอนเมื่อไรก็ลองเปิดดู ดูไปเรื่อยๆ ก็กลายเป็นสนุก เหมือนดูโชว์ก่อนนอนครับ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็น อะไรมากกว่าเสื้อคอลึกๆ กางเกงขาสั้นๆ หรอก มันทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวคนโชว์เขาจะโดน report เหมือนกัน” เบิร์ดบอก และเสริมว่า การดูไลฟ์วีดิโอ อารมณ์จะแตกต่างต่างจากดูคลิปโป๊ เพราะคาดเดาไม่ได้ มันจึงสดกว่า และน่าสนใจกว่า ขณะเดียวกันก็ยากที่ใครจะคุมเนื้อหา

แรงขับสู่การ ‘เปย์’

'หมอเอ้ว' นพ. ชัชพล เกียรติขจรธาดา ผู้เขียนหนังสือ “เรื่องเล่าจากร่างกาย” อธิบายถึงพฤติกรรมของนักเปย์เหล่านี้ว่า ถือเป็นสัญชาตญานที่โดนผลักดันไปด้วยแรงขับ ซึ่ง “แรงขับ” ที่ทำให้เราเดินไปในทางนั้นโดยที่บางครั้งเราก็ไม่ได้คิดถึงจุดหมายชัดๆ

“ยกตัวอย่างเช่น เราชอบกินของหวาน เราชอบกินเค็ม เราชอบกินมัน เพราะในโลกดึกดำบรรพ์ พลังงานเกลือแร่ไขมันเป็นของ หายาก และสิ่งเหล่านี้จำเป็นสำหรับสุขภาพ ปลายทาง คือ ‘สุขภาพ’ แรงขับคือ ‘อยากกิน’ แต่ทุกวันนี้เรารู้แค่ว่าเราอยากกิน เราชอบ เราไม่ได้คิดว่ามันเป็นสุขภาพหรืออะไรทั้งสิ้น” หมอเอ้วยกตัวอย่าง

เปรียบเทียบกลับมาสู่นักเปย์ พ่อบุญทุ่มทั้งหลาย คุณหมอนักเขียนบอกว่า ปลายทางก็คือ เซ็กส์ หรือ การสืบพันธุ์ ส่วนระหว่างทาง ก็คือ แรงขับให้ ‘เปย์’ นั่นเอง

แม้ว่า หนุ่มๆ หลายคนจะออกตัวว่า เปย์ไปแค่ขำๆ ไม่ได้คิดถึงกับจะจริงจังหรือจบลงที่บนเตียงก็ตาม แต่หมอเอ้วให้เหตุผลว่า สิ่งที่เป็นแรงขับทางสัญชาตญานส่วนใหญ่จะออกมาในลักษณะของความรู้สึกเฉยๆ ไม่เป็นตรรกะ ไม่เป็นเหตุเป็นผล เช่น เรากินไม่ใช่เพราะอยากบำรุงร่างกาย เรากินเพราะเราอยากกิน เรามีเพศสัมพันธุ์ไม่ใช่เพราะต้องการส่งต่อพันธุกรรม เราทำเพราะเราอยากทำ เรามีอารมณ์ เราอยากให้คนชื่นชม อยากให้คนเห็นคุณค่าเรา เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราต้องการได้รับการยอมรับหรือไต่เต้าสถานะในสังคม

เช่นเดียวกัน ผู้ชายซื้อ หรือ จ่ายให้ เพราะรู้สึกสนุก ต้องการแข่ง ต้องการเอาชนะ ต้องการให้ผู้หญิงสนใจ ทั้งหมดนี้ก็เป็นแรงขับที่อยู่บนเส้นทางซึ่งมุ่งไปสู่การมีเพศสัมพันธุ์ (แม้ว่าเราจะไม่ได้คิดไปถึงตรงนั้นก็ตาม)

“พวกนี้เป็นแรงขับ แม้ว่าตัวเองจะบอกว่าไม่ได้อยากมีเซ็กส์ แต่มันมาจากแรงขับเดียวกัน” หมอเอ้วย้ำ

ถามว่า ทำไมต้อง ‘เปย์’ เรื่องนี้อธิบายให้เห็นภาพชัดขึ้นโดยดูได้จากพฤติกรรมของ ‘สัตว์’ เกี่ยวกับพฤติกรรมที่แย่งกันสืบพันธุ์ โดยเพศผู้จะเลือกเพศเมียที่มีโอกาสตั้งท้องได้สูง นั่นคือ ‘สาว’ ที่มีลักษณะว่า แข็งแรง สุขภาพดี โภชนาการดี ฮอร์โมนเพศดี ซึ่งในคนก็คือ ผิวพรรณดี มีส่วนโค้งส่วนเว้า มีนม มีสะโพก ผมเงางามแข็งแรง

ส่วนเพศเมียจะเลือกเพศผู้ที่ให้การป้องกัน ให้ทรัพยากร ให้สถานะทางสังคม กฎนี้จะเป็นเหมือนกันหมดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ไม่ว่าจะเป็นลิง ม้า สิงโต แต่จะมีรายละเอียดต่างไปในแต่ละสังคมของสัตว์ อย่างชิมแปนซีก็ต้องล่าเนื้อมาให้ลิงตัวเมียกิน เพนกวินอะเดลีจะหาก้อนหินให้เพนกวินตัวเมีย เป็นต้น

"ดังนั้นในการจีบ หรือ พฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับเพศ ผู้ชายมีแนวโน้มจะ ‘ให้’ เพื่อแสดงความรวย แสดงความแข็งแรงทางกาย แสดงอำนาจ และยิ่งพอเป็นวีเจในแอพฯ ชื่อดังในข่าวที่เน้นไปทางเซ็กซี่นั้น ก็ยิ่งกระตุ้นสัญชาตญานได้ดีกว่า ทำให้ผู้ชายอยากแข่งขันกัน อยากอวด อยากจ่าย พอบวกกับแรงขับที่สอง คือ การแข่งระหว่างเพศผู้ การได้แสดงให้รู้ว่า "ฉันจ่ายเยอะ" ก็จะยิ่งแสดงให้เห็นว่า รวย มีอำนาจ สถานะทางสังคมสูง ซึ่งมันก็มาจาก การคัดเลือกทางเพศเช่นกัน ถ้าการจ่ายไม่ได้แข่ง ไม่ได้โชว์ว่าฉันรวย ปัจจัยที่กระตุ้นแรงขับนี้จะน้อยลง"

จ่ายแล้ว ‘ฟิน’

ถ้าถาม ‘โค้ชจิ๊บ’ อติกานต์ หนุนภักดี หนึ่งในผู้เขียนอดีต Best Seller “หักหลังผู้ชาย” มองว่า หากจะมีผู้ชายที่ยินดีเสียเงินเพื่อซื้อรางวัลในโลกออนไลน์ให้ VJ ที่ Live นั้นคงสะท้อนว่า พวกเขาอยากเป็น “คนสำคัญ” อยากเป็นคนพิเศษที่ถูกจดจำได้จากผู้หญิงในนั้น เพราะอย่าลืมว่ายิ่งจ่าย-ยิ่งให้ ยิ่งถูกจดจำได้ดีกว่าคนอื่น

โดยเฉพาะการเป็นคนสำคัญของผู้หญิงสวยๆ มีคนติดตาม (Follow) เป็นจำนวนมากๆ มันเปรียบไม่ต่างกับเป็นแฟนกับดาราในโลกออนไลน์ จะต่างกันตรงที่การเป็นแฟนต้องมีความรักด้วย เป็นเรื่องที่เงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้ แต่การเป็นคนพิเศษในแอพ เป็นเซอร์วิสที่เงินซื้อได้ทั้งหมด

แต่เมื่อรักจะเป็น “สายเปย์” คำถามต่อมาจึงน่ารู้ว่า แล้ว “ความพอดี” ควรจะอยู่ตรงไหน.. จะเป็น “ป๋า” ได้ ต้องเปย์หรือให้รางวัลสาวๆ เท่าไหร่ ?

เรื่องนี้ โค้ชจิ๊บ ตอบว่า ความสมดุลของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะความสมดุลมันอยู่ที่ “ใจ” ไม่ใช่เรื่อง “เงิน”

บางคนอาจรู้สึกผิดหลังจากสูญเสียเงินไปมากมาย บางคนเสียระดับหนึ่งก็อาจจะรู้สึกผิดแล้ว ยิ่งนำเงินที่หามาได้จากการทำงาน หรือเอาเงินจากครอบครัวมาจ่ายยิ่งรู้สึกผิด แต่โดยมากไม่มีใครรู้สึกตอนกำลังสนุก มันคือช่วงเวลาของการเอาชนะ และเสพความสุขที่ไม่เคยได้รับจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา

“ผมมองว่า มันมาจากการเลี้ยงดู จากประสบการณ์ชีวิตที่เขาผ่านมาเลยนะ บางคนเขาขาดความสุขแบบหนึ่งที่ไม่เคยมีเลยในชีวิต แล้วการยอมจ่ายเพื่อเป็น ”คนพิเศษ“ มันสนองตอบเขาได้” โค้ชจิ๊บเอ่ย และเสริมว่า สมดุลของใครมันไม่เหมือนกัน เรื่องแบบนี้มันสอนกันได้ แต่ต้องสอนด้วยประสบการณ์ชีวิต

“การที่เขาจะเรียนรู้ บางทีมันก็ต้องสูญเสีย อาจต้องมีแผลเหวอะหวะกันบ้าง บางคนถึงขนาดเป็นแผลเป็นเพื่อให้จดจำก็มี” โค้ชจิ๊บ ผู้นิยามตัวเองว่า ‘เจ็บมาเยอะ กว่าจะคิดได้’ เอ่ยทิ้งท้าย.