เตร็ดเตร่เดิน “ตรอก” ที่ “ตาก”

มีบางคนบอกว่า ถ้าอยากจะเสพสัมผัสวิถีชีวิตและความงดงามของสถานที่ใดๆ ให้ได้มากที่สุด
จงเลือกใช้ “การเดิน” เป็นวิธีในการเข้าถึงสิ่งที่อยู่ตรงนั้น เพราะการก้าวย่างจะทำให้เรามองเห็นรายละเอียดระหว่างทางได้มากกว่าการเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ
หลายคนที่เคยเดินชมบ้าน วัด วัง หรือโบราณสถานในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ อาจหลงเสน่ห์วิธีการท่องเที่ยวที่เนิบช้าแบบนี้ จึงพยายามมองหาสถานที่ที่เหมาะสมกับการเดินชมมากที่สุด ซึ่งในทุกๆ จังหวัดก็มักจะมีแหล่งท่องเที่ยวที่ต้องอาศัยการเดินอยู่ไม่น้อย ใครสะดวกเดินที่ไหนก็ลองเลือกหากันดู
สำหรับ ตาก จังหวัดที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยธรรมชาติ ประเพณี วิถีวัฒนธรรม ตลอดจนประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การจดจำ ก็มีถนนสายเล็กๆ รอคอยให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาทำความรู้จัก เป็นถนนสายเล็กๆ ที่น่ารักที่ชาวเมืองตากเรียกกันว่า “ตรอกบ้านจีน”
บนถนนตากสิน ใกล้กับแม่น้ำปิง ในตำบลระแหง อำเภอเมือง จังหวัดตาก มีตรอกเล็กๆ ที่ชาวบ้านเรียกติดปากมาแต่โบราณว่า ตรอกบ้านจีน ซึ่งในอดีตกว่า 100 ปีที่ผ่านมา ชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำปิงฝั่งตะวันออก และเป็นชุมทางค้าขาย ทว่าปัจจุบัน ไม่เหลือเค้าความคึกคักที่ว่านั้นอีกแล้ว
ตามประวัติว่า ตรอกบ้านจีนเป็นชุมชนการค้าขายที่รุ่งเรืองมากในอดีต โดยมีชาวจีนชื่อ “จีนเต็ง” ซึ่งอพยพเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ แล้วทำการค้าขายไปถึงเชียงใหม่ จากนั้นได้ขยายกิจการลงมาถึงเมืองตาก จนเข้าหุ้นส่วนค้าขายกับพ่อค้าจีนอีกสองคนชื่อ “จีนบุญเย็น” และ “จีนทองอยู่” ต่อมาจีนบุญเย็นได้รับแต่ตั้งเป็น “หลวงนราพิทักษ์” ปลัดฝ่ายจีนเมืองตาก แล้วได้รับแต่งตั้งให้เป็น “หลวงจิตรจำนงค์วานิช” สังกัดกรมท่าซ้าย ส่วนจีนทองอยู่ได้เป็น “หลวงบริรักษ์ประชากร” กรมการพิเศษเมืองตาก
อากรเต็งและหุ้นส่วนทั้งสองใช้ยี่ห้อการค้าว่า “กิมเซ่งหลี” ห้างกิมเซ่งหลีได้เข้ารับช่วงผูกขาดการจัดเก็บภาษีอาการที่เมืองเชียงใหม่จึงได้นำพวกคนจีนเข้ามาอยู่ละแวกบ้านนี้ และได้แต่งงานกับผู้หญิงชาวเมืองตากชื่อ นางก้อนทอง มีบุตรชายหนึ่งคนและตั้งบ้านเรือนทำการค้าขายขยายวงขึ้น
ในสมัยรัชกาลที่ 5 จีนเต็งได้มอบหมายให้หลวงบริรักษ์ประชากร (จีนทองอยู่) เป็นผู้จัดเก็บภาษีฝิ่น อากรสุรา บ่อนเบี้ย และหวย ก.ข. จนกระทั่งปี 2452 รัฐบาลเริ่มเข้ามาจัดเก็บเอง ภายหลังละแวกหมู่บ้านนี้จึงมีแต่ลูกหลานจีนดำเนินการค้าขาย ปลูกบ้าน ร้านค้า เริ่มมีถนนหนทางแต่เป็นเพียงทางเดินเท้า ร้านค้าจะมีของขายทุกอย่าง ในซอยตรอกบ้านจีนจะมุงหลังคาบ้านชนกัน จึงเป็นที่ร่มใช้เดินถึงกันได้ตลอด มีร้านขายถ้วยชาม ร้านผ้า ร้านหนังสือเรียน ร้านเครื่องอัฐบริขารในการบวชพระ สถานที่ควรพูดถึงในสมัยนั้น คือ “สะพานทอง” ข้ามปากคลองน้อยซึ่ง “คุณย่าทอง ทองมา” เป็นผู้สร้างและมีเสาโทรเลขซึ่งชาวบ้านมักจะเรียกว่า เสาสูง
ต่อมามีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย นายหมัง สายชุ่มอินทร์ ได้รับเลือกเป็นผู้แทนราษฎรคนแรก ซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่ในละแวกนั้น ตรอกบ้านจีนในสมัยนั้นมี 3 หมู่บ้าน หมู่บ้านเสาสูง หมู่บ้านปากคลองน้อย และหมู่บ้านบ้านจีน
ต่อมาปี 2495 ทางเทศบาลได้รื้อสะพานทองและถมเป็นถนน เริ่มมีรถยนต์ใช้และหมู่บ้านก็เริ่มกั้นเขตแดนล้อมรั้ว ปี 2497 มีรถยนต์เล็กๆ วิ่งเข้าออกได้ ตรอกบ้านจีนเริ่มซบเซาลงหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 2484 ร้านค้าอพยพไปอยู่ที่อื่นเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง การค้าขายจึงได้ขยายขึ้นไปทางทิศเหนือ
ปัจจุบันบ้านจีนจึงเหลือแต่บ้านเก่าๆ ซึ่งยังคงลักษณะของสถาปัตยกรรมเดิมไว้ค่อนข้างสมบูรณ์ เหมาะสำหรับเดินทางเที่ยวชมสภาพบ้านเรือนโดยรอบและวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของชุมชนตรอกบ้านจีน
เราตั้งต้นเดินกันที่บริเวณถนนท่าเรือตัดกับถนนตากสิน ซึ่งในอดีตบริเวณนี้คือ “สะพานทอง” ปัจจุบันไม่มีสะพานให้เห็นแล้ว แต่จุดที่เชื่อมกับสะพานทองในอดีตว่ากันว่าอยู่ติดกับบ้านหลังใหญ่ที่มีป้าย “พรรคประชาธิปัตย์” ติดไว้ด้านหน้านั่นเอง
สำหรับบ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้สองชั้นมีระเบียงฉลุลายสวยงาม เป็นบ้านตระกูลไชยนันท์ ปัจจุบันเป็นที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ของ ส.ส.เทอดศักดิ์ ไชยอนันต์ ด้านในมีห้องสมุดการเมืองที่ทุกคนสามารถเข้ามาศึกษาหาความรู้ได้
เดินลึกเข้าไปจะพบบ้านโบราณหลังใหญ่อีกมากมาย ทั้งบ้านตระกูลทองมา ที่เป็นเรือนไม้อายุร่วมร้อยปี ที่นี่เป็นศูนย์ข้อมูลและเป็นบ้านเก่าของผู้ว่าการสื่อสารแห่งประเทศไทยคนแรก แต่ที่ทำเอาทุกคนตื่นตะลึงคงเป็นบ้านหลังใหญ่ 2 ชั้นทรงขนมปังขิงทาสีฟ้าอมเทา ด้านหน้ามีอักษรภาษาจีนเขียนไว้ว่า “มุ่ยเซ่ง” หมายถึงความสำเร็จอันงดงาม
“บ้านสีฟ้า” ที่ชาวตรอกจีนเรียกจนติดปากหลังนี้สร้างขึ้นโดยหลวงบริรักษ์ประชากร โดยได้รื้อเรือนไม้หลังเดิมออก และปลูกบ้านเป็นตึกหลังใหม่ทรงขนมปังขิง ทาสีบ้านด้วยสีเทาฟ้า บริเวณขอบของประตู หน้าต่าง และเชิงชาย ทำด้วยไม้ฉลุ เป็นลายโปร่งแบบตะวันตก ในอดีตบ้านหลังนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองหรือข้าราชการต่างๆ ที่ต้องเดินทางโดยทางน้ำเพื่อติดต่อราชการขึ้นล่องระหว่างจังหวัดเชียงใหม่กับกรุงเทพมหานคร และด้วยคุณงามความดีนี้เอง จึงได้รับโปรดเกล้าพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็น “ขุนบริรักษ์ประชากร” และต่อมาได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น “หลวงบริรักษ์ประชากร”
ต่อมาบ้านหลังนี้ได้ตกทอดมาสู่นายสมจิตร กับนางน้อม โสภโณดร บ้านหลังนี้จึงเป็นสถานที่ตั้งสำนักงานของธนาคารนครหลวง สาขาตากแห่งแรกในจังหวัด โดยมีเจ้าของบ้านคือนายสมจิตร โสภโณดร เป็นผู้ก่อตั้งและร่วมลงทุนกับธนาคารนครหลวงไทย จำกัด ดำรงตำแหน่งตัวแทนและผู้จัดการธนาคารนครหลวงไทยจำกัด สาขาตากเป็นคนแรก ปัจจุบันบ้านหลังนี้เป็นที่พักอาศัยส่วนตัวของครอบครัว “ตระกูลโสภโณดร”
แค่ยืนดูลวดลายและสถาปัตยกรรมอันสวยงามของตัวบ้านเพลินแล้ว แต่ก็จำใจเดินจากไป เพราะยังมีบ้านอีกหลายหลังให้ได้ชื่นชม
บ้าน (จีนทองอยู่) หลวงบริรักษ์ประชากร ที่เป็นเรือนไทยหลายหลังติดกัน ลักษณะสถาปัตยกรรมจะเป็นแนวผสมผสานไทย ตะวันตก และจีน ด้านหน้าทางเข้าโดดเด่นด้วยซุ้มประตูแบบตะวันตก ใครเห็นเป็นต้องมาขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึก
ส่วนด้านในมีลวดลายสลักเสลาด้วยไม้ประดับสวยงาม และมีการสะสมของเก่าของโบราณ เช่น ปิ่นโต ตะเกียง เครื่องถ้วนชาม ภาพโบราณ ฯลฯ ให้ชม นอกจากนี้ยังมีเตียงโบราณที่ใช้มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งยังคงสวยงามคลาสสิกมาจนถึงวันนี้
เดินวกไปที่หลังเรือน จะเห็นว่ามีไม้พายขนาดใหญ่อยู่หลายอัน เจ้าของบ้านคนปัจจุบันบอกว่า บรรพบุรุษทำการค้าขายไม้ โดยนำไม้มาทำใบพายและไม้แจวเรือ เจ้าของบ้านจึงเก็บไม้พายต่างๆ ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา
ไม่ไกลกันนักเราจะพบกับบ้านของก๋งจันทร์ สุประกอบ แต่เดิมเป็นร้านขายยาที่รู้จักในชื่อ “ร้านจันทรประสิทธิ์โอสถ” ปัจจุบันยังมีการทำยาอยู่ และคงตำรับยาแผนโบราณเอาไว้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะยาธาตุสูตรของบรรพบุรุษที่ชาวตากทุกคนยืนยันว่าดีจริงๆ
ในตรอกเล็กๆ แห่งนี้ยังมีบ้านเรือนโบราณให้ชมอีกหลายหลัง บางหลังยังมีผู้อาศัยอยู่ บางหลังก็ถูกทิ้งร้าง แต่ทุกหลังมีความงดงามในแบบของตัวเอง แน่นอนว่า บ้านเหล่านี้เป็นถิ่นที่อยู่หรือภูมิลำเนาของลูกหลานในตระกูลสำคัญของจังหวัดตาก เช่น ตระกูลไชยนันทน์, สายชุมอินทร์, วัชรพุกก์, โสภโณดร, คอวนิชโปสพันธ์, สุประกอบ, อยู่สวัสดิ์ ต้นประทุม และวงศ์เสรี เป็นต้น เรียกว่าเดินกันจนลืมเหนื่อยไปได้เลย
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะมาเดินชมสถาปัตยกรรมที่งดงามในตรอกบ้านจีน สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานตาก โทรศัพท์ 0 5551 4341-3
อย่างที่บอกว่า “การเดิน” ช่วยเปิดโลกการเดินทางให้ทุกคนได้รับรู้และสัมผัสรายละเอียดระหว่างทางได้มากที่สุด และ “ตรอกบ้านจีน” ก็เหมาะสมกับการชื่นชมด้วยวิธีการเดินที่สุด ลองไปเดินดูแล้วจะรู้ว่าชุมชนในอดีตมีชีวิตที่งดงามอย่างไร







