ลุ้นสมรภูมิ‘กต.อาเซียน’ยุติศึก ไทยขึง‘กัมพูชา’ ลดแรงกดดัน

เวที รมว.การต่างประเทศ อาเซียน อาจยังไม่ใช่บทสรุปดับไฟชายแดนแท้จริง เพราะฝ่ายไทยยังต้องประเมินท่าทีชนชั้นนำกัมพูชา ที่ร้องหาสันติภาพแต่แฝงเจตนารมณ์ต่อสู้ หรือทำสงครามกับฝ่ายไทยอีกหรือไม่
KEY
POINTS
- ฝ่ายไทยกำชัยไปกว่าครึ่งจากสมรภูมิการรบ เนื่องจากปฏิบัติการทหารสามารถทวงคืนพื้นที่ที่กัมพูชารุกล้ำอธิปไตยได้เป็นจำนวนมาก
- สมรภูมิต่างประเทศ สีหศักดิ์ เตรียมข้อมูล หลักฐานแน่นปึ้กที่ได้รับจากกองทัพไทย ใช้ตอบโต้ หักล้างข้อมูลฝ่ายกัมพูชา
วันนี้จับตาการประชุม รมว.การต่างประเทศอาเซียน วาระพิเศษ ที่มาเลเซีย โดยมี 11 ประเทศสมาชิก ประกอบด้วย ไทย เมียนมา มาเลเซีย อินโดนีเซียฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม ลาว กัมพูชา บรูไน ติมอร์-เลสเต
ประเด็นสำคัญ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน จะหยิบยกเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดการปะทะตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.จนถึงปัจจุบันรวม 15 วัน มาหารือในที่ประชุมเพื่อหาทางออกนำไปสู่สันติภาพ
ฝ่ายไทยกำชัยไปกว่าครึ่งจากสมรภูมิการรบ เนื่องจากปฏิบัติการทหารสามารถทวงคืนพื้นที่ที่กัมพูชารุกล้ำอธิปไตยได้เป็นจำนวนมาก เช่น เนิน 350 ประสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ รบหนักหน่วงสุด สามารถควมคุมสถาปนาความมั่นคงได้สำเร็จ
อีกทั้งยังกดดันให้กัมพูชาทำลายเขื่อนดักตะกอน บริเวณบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ตรงหลักกิโลเมตรที่ 73 ที่สร้างยื่นลงทะเล หวัง ขยายพื้นที่ทั้งทางบกและทางทะเลเพิ่มขึ้น ส่งผลให้กระแสน้ำกัดเซาะริมตลิ่งหน่วยนาวิกโยธิน 182
ท่าทีไทยภายใต้การนำ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ และผู้แทนฝ่ายกองทัพ พล.อ. ณัฐพงษ์ เพราแก้ รองเสนาธิการทหาร เป็นผู้แทนของกองทัพไทย มีจุดยืนแนวทางที่ชัดเจน
เหตุการปะทะรอบนี้ ไทยไม่ได้เป็นผู้เริ่ม แต่เป็นฝ่ายกัมพูชาที่รุกราน ไทยเพียงแต่ใช้สิทธิ์ในการปกป้องตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ ดูแลความปลอดภัยประชาชนและพิทักษ์อธิปไตยของไทย
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไทยพยายามแสวงหาสันติภาพ พร้อมปฏิบัติตามข้อตกลง ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ ที่ได้ลงนามร่วมกัน มาก่อนหน้านี้ แต่กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิด จนทำให้สถานการณ์พัฒนามาถึงปัจจุบันนี้
สมรภูมิต่างประเทศ สีหศักดิ์ เตรียมข้อมูล หลักฐานแน่นปึ้กที่ได้รับจากกองทัพไทย ใช้ตอบโต้ หักล้างข้อมูลฝ่ายกัมพูชา และอาศัยโอกาสนี้ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประเทศสมาชิกอาเซียน
ฝ่ายไทยปลดล็อกจากแรงกดดันภายนอกประเทศ มุ่งโฟกัสแค่เพียงปกป้องอธิปไตย และขจัดภัยพยัญอันตรายให้สิ้นสภาพ เพื่อให้คนไทยได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องขอสันติภาพจากฝ่ายกัมพูชา นำโดย ฮุนมานี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงข้าราชการพลเรือน และประธาน UYFC ลูกชาย ฮุนเซน ประธานวุฒิสภา และน้องชายของฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา เป็นแกนนำระดมประชาชนออกมาเดินขบวน 18 ธ.ค.
ทว่าสถานการณ์หน้าแนว ย้อนแย้งกับฝ่ายนโยบาย เมื่ิอทหารกัมพูชายังเพิ่มเติมกำลัง ระดมยิง BM-21 ปล่อยฝูงโดรนพลีชีพโจมตีทหารไทย และพื้นที่พลเรือนได้รับความเสียหายต่อเนื่อง
กระทรวงการต่างประเทศ และกองทัพไทย ส่งสัญญาณไปในทิศทางเดียวกัน ก่อนการประชุม รมว.การต่างประเทศอาเซียน วาระพิเศษ เริ่มขึ้น มาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า แม้จะได้เห็นการแสดงออก ท่าทีของประเทศต่างๆ เช่น รมว.การต่างประเทศสหรัฐอเมริกาผู้แทนพิเศษฝ่ายจีน เดินทางไปประเทศกัมพูชา
“ยืนยันว่า การประชุม 22 ธ.ค.นี้ ไม่มีอะไรที่จะมากดดันฝ่ายไทย ทําให้ต้องเสียเปรียบ ไทยมีท่าทีชัดเจนมาโดยตลอด ปรารถนาสันติภาพ ไม่ได้เป็นฝ่ายคุกคามหรือรุกเข้าพื้นที่อธิปไตยของอีกประเทศ เราต้องการสันติภาพ ยั่งยืนและแท้จริง” มาระตี กล่าวพร้อมย้ำว่า
กัมพูชา ต้องเป็นฝ่ายแสดงความจริงใจในเรื่องนี้
1.กัมพูชาต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดยิงก่อน ในฐานะที่เป็นประเทศโจมตีอีกประเทศ
2.การหยุดยิงจะต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง ไม่ยิงซ้ำ
3.กัมพูชาจะต้องร่วมมือกับฝ่ายไทย เก็บกู้ทุ่นระเบิด เป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยรับไม่ได้และต้องแก้ไขปัญหาร่วมกัน
และทั้งหมดนี้จะต้องขึ้นอยู่กับการประเมินของหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ของไทย ที่จะทํางานร่วมกับกระทรวงต่างประเทศเพื่อเดินหน้าต่อไป
สอดคล้องกับท่าทีกองทัพไทย ร่วมบูรณาการ 3 เหล่าทัพ ได้ปฏิบัติการทางอากาศโจมตีสะพานโอจิก เชื่อนต่อ เสียมราฐ กับ จ.อุดรมีชัย ส่งกําลังรบส่วนหลังไปยังส่วนหน้าของกัมพูชา
“หากกัมพูชายังพยายามใช้สะพานแห่งนี้ส่งกําลังบำรุง เราจะโจมตีซ้ำ เพราะเตือนแล้ว การดําเนินการครั้งนี้เป็นการกดดันและส่งสัญญาณไปถึงกลุ่มชนชั้นนําของกัมพูชาว่า กองทัพไทยจะไม่หยุด เราจะปฏิบัติการทหารต่อเนื่อง จนกว่ากัมพูชายอมรับ3เงื่อนไข ของรัฐบาลไทยเพื่อนําไปสู่การหยุดยิงและเจรจาเพื่อสันติภาพ ” พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ ระบุ
การประชุม รมว.การต่างประเทศอาเซียน วาระพิเศษ ที่มาเลเซีย อาจจะยังไม่ใช่บทสรุปดับไฟชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างแท้จริง เพราะฝ่ายไทยยังต้องประเมินท่าทีชนชั้นนำกัมพูชา ที่ร้องหาสันติภาพแต่แฝงเจตนารมณ์ต่อสู้ หรือทำสงครามกับฝ่ายไทยอีกหรือไม่







