ยุทธชัย สุนทรรัตนเวช ยุทธศาสตร์ธุรกิจท่องเที่ยวต้องเปลี่ยน

ยุทธชัย สุนทรรัตนเวช 
ยุทธศาสตร์ธุรกิจท่องเที่ยวต้องเปลี่ยน

จากอดีตนิสิตที่เริ่มต้นสนุกกับการจัดทัวร์เพื่อหาเงินสนับสนุนงานจุฬาฯวิชาการ นับจากวันนั้น โชคชะตาหนุนส่งให้เขาต้องมาจับงานธุรกิจท่องเที่ยวท

เขาเปรียบเทียบคนที่เข้ามาสู่ธุรกิจท่องเที่ยวว่าเหมือน "คนขับรถ"

"ถ้าเป็นยุคก่อน คนที่อายุ 40 ปลายๆ อัพ จะเป็นลักษณะแบบนั้น เหมือนกับคนขับรถน่ะ สมัยก่อนจะเป็นคนขับรถ เขาต้องเป็นเด็กรถมาก่อน แล้วพัฒนาจากการเป็นเด็กรถ โบกรถ ซ่อมรถเป็น กระทั่งขึ้นมาเป็นคนขับรถ แต่สังคมก็เปลี่ยนไป วันนี้ คุณไม่จำเป็นต้องรอเป็นมัคคุเทศก์ก่อนแล้วค่อยมาเป็นเจ้าของกิจการ คุณอาจจะมีเงินทุนแล้วก็ลงทุนได้เลย แต่ว่าจริงๆ แล้ว ในโครงสร้างเรื่องท่องเที่ยว เกินครึ่งที่เรียนรู้โดยเป็นมัคคุเทศก์มาก่อน แล้วค่อยเติบโตมาเป็นเจ้าของกิจการ"

นั่นเป็นมุมมองของ ยุทธชัย สุนทรรัตนเวช นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) องค์กรอันเป็นที่รวมของผู้ประกอบการระดับ SME ในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในช่วงของความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ โดยเฉพาะการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

"ผมมองว่าธุรกิจท่องเที่ยวเรายังมีความเป็น homemade คือเราเป็น SME และเป็นกิจการที่ทำด้วยใจรัก เป็นกิจการของคนในครอบครัว เพราะหลายต่อหลายบริษัท ทำกันเฉพาะสามีภรรยาลูก มีผู้ช่วยเป็นหลาน โดยเฉพาะที่อยู่ต่างจังหวัด ส่วนกรุงเทพจะมีที่เป็นสามีภรรยาบ้างและเป็นพวกมัคคุเทศก์มารวมหุ้นกัน บางส่วนที่เป็นนายทุนขนาดใหญ่มาลงทุนก็มีบ้าง แต่พวกนี้ตัวเลขไม่เยอะมาก"

ถามถึงข้อดีข้อเสียของผู้ประกอบการกลุ่มนี้นั้น ยุทธชัย ฟันธงทันทีว่า

"เข้าถึงใจของผู้บริโภคได้ดี แต่ขณะเดียวกัน เขาไม่สามารถใช้เทคโนโลยีได้ครอบคลุมทุกด้าน เนื่องจากว่าบุคลากรไม่มีความเชี่ยวชาญ... "

ภารกิจในฐานะนายกสมาคมฯ ด้านหนึ่งคือการเสริมความเข้มแข็งให้สมาชิก อีกด้านหนึ่ง คือการออกโรงเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสียงของผู้ประกอบการกลุ่มนี้ให้สังคมได้รับรู้

ธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศเปลี่ยนแปลงไปมาก อีกทั้งคนไทยเริ่มไปเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น ทิศทางการปรับตัวของคนทำธุรกิจเป็นอย่างไร

เดิมทีสมัยสิบกว่าปีก่อน คนไทยเริ่มเที่ยวจากในประเทศก่อน เพราะความเชื่อมั่นและฐานะทางเศรษฐกิจในการออกไปเที่ยวต่างประเทศอาจจะยังไม่ถึง ดังนั้น การไปเที่ยวต่างประเทศจึงเป็นเรื่องอวดได้ทั้งหมู่บ้านทั้งตำบล ฉันกลับมาจากต่างประเทศ คนจะปลื้มว่าคนนี้เป็นคนมีฐานะ เป็นคนไฮโซหน่อย ต่อมาก็พัฒนาเป็นเที่ยวประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทยที่รถยนต์ไปถึง เส้นทางมาเลเซีย สิงคโปร์ ได้รับความนิยมมาก มีคนไปเที่ยวเป็นแสนคนเลย คนที่จะไปเที่ยวต่างประเทศ ต้องไปเที่ยวที่นี่เป็นครั้งแรก เพราะการไปเที่ยวเมืองจีนเมื่อก่อนเป็นปัญหามาก เพราะไปเที่ยวก็ต้องมีสันติบาลไปดู ไม่ต้องพูดถึงยุโรปอเมริกา มีคนชั้นสูงบางกลุ่มเท่านั้นเองที่รับวีซ่าได้

พอเที่ยวในประเทศมีมากขึ้น ก็ส่งผลถึงตลาดอาเซียนที่มีพรมแดนติดกับเรา ได้รับความนิยมมากเลย จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งที่นโยบายลัทธิการปกครองเริ่มเปลี่ยน ก็มีคนเริ่มไปเที่ยวประเทศจีนมากขึ้น ตลาดเลยเริ่มเปลี่ยนแล้ว และตลาดเปลี่ยนเมื่อทำพาสปอร์ตได้ง่ายขึ้น คนไทยไปยื่นพาสปอร์ตใช้เวลาสั้นลง จากเดิม 7 วัน ก็เหลือ 5 วัน สุดท้ายมาเหลือ 3 วัน เริ่มมีคนกล้าออกไปเดินทางมากขึ้น และสุดท้าย จุดเปลี่ยนของตลาดต่างประเทศคือการเข้ามาของโลว์คอสท์แอร์ไลน์เมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว ทำให้สินค้าทัวร์ในประเทศได้รับผลกระทบ เมื่อก่อนคนเที่ยวในประเทศ โดยเฉพาะทางเครื่องบินเนี่ย บริษัทนำเที่ยวสามารถบล็อกตั๋วเครื่องบินทุกใบได้หมดเลย คุณจะไปเที่ยวในช่วงเทศกาล คุณหาตั๋วไม่ได้ คุณต้องมาเที่ยวกับทัวร์ แต่พอเริ่มมีการเปิดธุรกิจโลว์คอสท์ บริษัทก็ไปปิดน่านฟ้าไม่ได้ เพราะมีเครื่องรออีกตั้งเป็นสิบลำ อีกอย่างหนึ่งคือผู้โดยสารสามารถจองได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ก็เริ่มมีการเปลี่ยน ทำให้ธุรกิจในประเทศได้รับผลกระทบ

ปัญหาโลกเปลี่ยนไว ขณะที่ผู้ประกอบการ sme ทุกกิจการ จะมีปัญหาเรื่องการเปลี่ยนความคิดช้ากว่าตลาด เพราะฉะนั้น การปรับตัวของธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศต้องยอมรับว่า เราปรับตัวช้ากว่าตลาดที่เปลี่ยนไป เท่ากับว่าลูกค้าอยู่ในมือเราสมมติ 60 เปอร์เซ็นต์ ขณะนี้เหลือไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ วิธีการของเขาคือทำตัวเป็นผู้ขายทัวร์ต่างประเทศด้วย สมัยก่อนขายเฉพาะในประเทศก็อยู่ได้แล้ว มีกำไร แต่ตอนนี้เขาต้องเปลี่ยนเป็นทำ 2 อย่าง คือ ทำคนไทยออกนอกด้วย เพราะการทำคนไทยออกนอก หนึ่ง - กำไรดีกว่า สอง - คนไทยยังต้องพึ่งทัวร์อยู่ การไปเที่ยวเองยังมีสัดส่วนน้อยกว่าทัวร์ในประเทศ แต่ในอนาคตกำลังเปลี่ยนอีกเหมือนกัน ถ้าผู้ประกอบการไม่ปรับตัว

  • ผู้ประกอบการกลุ่มนี้ ดูทัวร์ inbound ด้วยหรือเปล่า

กลุ่มของสมาคมเรา ส่วนมากจะทำ 2 มิติ คือในประเทศ และคนไทยไปต่างประเทศ คนต่างประเทศมาเมืองไทย เราไม่แตะเลย เพราะเราถือว่าคนต่างประเทศมาเมืองไทยมีปัญหาต่อผู้ประกอบการเรา 2 อย่าง คือ หนึ่ง - ความชำนาญทางด้านภาษา เราขาด เพราะผู้ประกอบการของเราเป็นไทยแท้ๆ เลย และเป็นไทยรุ่นเก่าเยอะด้วย ไม่มีทักษะ สอง - เรามีปัญหาเรื่องทุน เพราะเราเป็นกิจการขนาดตัว s ไง ถ้าการทำทัวร์ inbound เราจะต้องไปลงทุนหลายเรื่อง ทั้งเรื่อง booking online ที่ต้องลงทุนเป็นแสนแล้ว บุคลากรโต้ตอบก็ต้องเปลี่ยน เช่น ทำทัวร์จีน ต้องมีคนโต้ตอบภาษาจีนได้ ซึ่งคนที่ทำธุรกิจทัวร์ภายในประเทศ ยังไม่กล้าเสี่ยงทำ

  • แต่จะเป็นเป้าหมายต่อไป ?

เป็นเป้าหมายนโยบายผมเลย จริงๆ แล้ว ตอนที่เรามาเป็นนายกสมาคมฯ มีนโยบายอย่างหนึ่งว่า เราอยากทำให้ได้ 3 มิติ มิติที่สามคือเอาคนต่างประเทศเข้ามาในประเทศ เราอาจจะทำตัวเป็น inbound น้อย หมายความว่า เราคงไม่เน้นตลาดเป็นกลุ่ม เพราะถ้าเราเน้นตลาดเป็นกลุ่ม เท่ากับเราต้องไป road show เราต้องเดินทางไปกับททท. แล้วไปเปิดบูธ ซึ่งตรงนี้ถ้าไปที ค่าใช้จ่ายก็ต้องเป็นแสนแล้ว เพราะฉะนั้น เราแค่ปรับให้เขามีความเข้าใจตลาดทัวร์ต่างประเทศ อาจแค่ทำเว็บไซต์เป็นภาษาอังกฤษ เป็นภาษาเป้าหมายของลูกค้า แล้วนั่งทำตลาดที่ลูกค้ามาจองเอง เป็น homemade อีกแบบหนึ่ง

  • มีการหั่น GDP ของไทยลงมาเรื่อยๆ เพราะส่งออกแย่ ถือว่าท่องเที่ยวเป็นพระเอกไหม

ในอนาคต รัฐบาลเคยวางเอาไว้ว่า อยากให้ขับเคลื่อนได้ถึงประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์ของ GDP ทั้งประเทศ ซึ่งขณะนี้ก็ใกล้ 20 เปอร์เซ็นต์แล้ว ถ้า 25 เปอร์เซ็นต์ ผมถือว่าเป็นเสาหลักเสาหนึ่งของภาคอุตสาหกรรมบริการ และมีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วย

เพราะฉะนั้น ตรงนี้ หนึ่ง - รัฐบาลต้องมีทิศทางพัฒนายุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวอย่างถูกต้องเข้มแข็ง โดยที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญแก่กระทรวงท่องเที่ยว ถือเป็นกระทรวงเศรษฐกิจชั้นนำเลย ไม่ใช่ชั้นรองอย่างที่ผ่านมา

สอง - ถ้าเป็นพรรคการเมืองที่ดูแลในโครงสร้างรัฐบาลผสม อยากให้พรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลที่เป็นพรรคใหญ่มาดูแล เพราะพรรคใหญ่จะคุมกลไกกระทรวงอื่น ที่บูรณาการกับกระทรวงท่องเที่ยวได้ดีกว่า ไม่อยากให้เป็นในมือของพรรคเล็ก

สาม - ผมอยากให้รัฐบาลเน้นเรื่องการเติบโตที่เป็น man-made บ้าง เพราะทุกวันนี้ เราขายแต่ sun sea sand ถ้าเกิดว่า sun มันเกิดเบิร์นตลอดเวลา เราก็อาจมีปัญหา sand ถ้าเกิดมันดำ มันสกปรก มีปัญหาเลย sea ถ้าเสียไป ปะการังมันฟอกขาวขึ้นมาล่ะ จะทำอย่างไร เขารู้อยู่แล้วว่า คนไทยดูแลสิ่งแวดล้อมยังไม่ได้มาตรฐาน ถ้าการดูแลมาตรฐาน เราต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง การขายทัวร์ขณะนี้ เน้น value for money สูง หมายถึงมาเที่ยวไทยแล้วคุ้ม พอมันถูกมันคุ้ม ไปเก็บภาษีทางอ้อมจากคนเหล่านี้ก็น้อยมาก พอน้อยมาก เราต้องไปจ่ายเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมให้สวยเสมอ ต้องใช้เม็ดเงินเยอะ ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราทำไม่ได้ไง

  • ยุทธศาสตร์ต้องเปลี่ยน?

ต้องเปลี่ยน ถ้าเราจะขายสิ่งแวดล้อม โบราณสถานที่ดูดี มีคุณค่าตลอดเวลา สินค้าเราต้องมีราคา ขณะนี้ประเทศไทยเน้นสินค้าราคาถูก พอวันหนึ่งมันเสื่อมโทรม ต้องใช้เวลาฟื้นฟู ช่วงที่ฟื้นฟู ตลาดก็ไม่เข้า เพราะฉะนั้น ต้องมองไปถึงสิ่งปลูกสร้างที่เป็นฝีมือมนุษย์เสริมไว้ในอนาคต ยกตัวอย่างมาเลเซีย เช่น ตึกแฝด ดร.มหาเธร์ (โมฮัมหมัด) สร้าง จนกระทั่งมหาเธร์เข้าโรงพยาบาลตอนนี้ จะตายแหล่ไม่ตายแหล่ ยังขายได้เลย

man-made อาจไม่ได้หมายถึงสิ่งปลูกสร้างอย่างเดียว อะไรก็ได้ที่เป็นสิ่งที่รังสรรค์โดยมนุษย์ แล้วตรงนี้จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้มีความเข้มแข็งในการท่องเที่ยวอีกมิติหนึ่ง และผมอยากให้บุคลากรในการท่องเที่ยวได้บุคลากรชั้นเยี่ยม ขณะนี้เรามีบุคลากรที่เกี่ยวข้องอยู่ 3 มิติ คือ หนึ่ง - มาจากการท่องเที่ยว(แห่งประเทศไทย) ก็ยอมรับว่าการท่องเที่ยวฯ มีจารีต มีประวัติศาสตร์ มีความเข้มแข็งขณะหนึ่ง แต่บุคลากรที่เราเป็นห่วงขณะนี้ คือที่มาจากกระทรวงท่องเที่ยวเอง หลายหน่วยงานกำลังวิ่งตามคำว่า 'ประสิทธิภาพ' อยากให้เขามีประสิทธิภาพสูงกว่านี้ เนื่องจากว่าบุคลากรเหล่านี้ สายงานเขามาจากพลศึกษา สายอื่นๆ ที่ไม่ใช่สายท่องเที่ยวโดยตรง อันนี้เราเข้าใจ ภาครัฐต้องให้งบประมาณเขาด้านทรัพยากรบุคคลมากๆ และอัตรากำลังการทำงาน ถ้าขาดต้องเพิ่มให้เขา เพราะขณะที่บางหน่วยงานมีบุคลากรหลายสิบ แต่ต้องดูแลงานของเขามหาศาลเลย

หน่วยงานที่สาม ตำรวจท่องเที่ยว อยู่ในงบประมาณของกระทรวงท่องเที่ยว หน่วยงานนี้ผมคิดว่าอยากให้มีประสิทธิภาพดีกว่านี้ ทั้งในเชิงป้องกัน ปราบปราม และบริการด้วย เพราะตำรวจท่องเที่ยวต้องมีแนวคิดทั้ง 3 มิติ เครื่องไม้เครื่องมือของเขาต้องเป็นเทคโนโลยีที่โดดเด่น ถ้าเรามองว่าตำรวจท่องเที่ยวมีงบให้เขาน้อย แต่ว่าเครื่องมือสื่อสารเครื่องใช้ต่างๆ ต้องมีประสิทธิภาพ รัฐบาลต้องมองเห็นความสำคัญ ถ้าขณะนี้เขาไม่ได้รับงบประมาณที่มากพอ ยังมีความลักลั่นในเรื่องการทำงาน จะไปขึ้นกับสำนักงานตำรวจฯก็ไม่ใช่ อยู่กับกรมท่องเที่ยวก็ไม่เชิง เพราะฉะนั้น อำนาจการสอบสวนเขาก็ไม่มี มีแต่คอยเดินตรวจตราป้องกันเหตุเฉพาะหน้า มันต้องชัดเจน

  • คุณพูดถึงเรื่องบูรณาการ หน่วยงานของรัฐจะบูรณาการได้จริงแค่ไหน

ได้จริงอยู่แล้ว ถ้ามาจากพรรคการเมืองพรรคเดียวกัน พรรคหลักจะไม่ต้องเกรงใจ เห็นด้วยกัน รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง มาจากทีมเดียวกันหมด เวลาบูรณาการร่วมกัน หารือ ก็ไปด้วยกันหมด อันนี้สำคัญมาก เพราะในสังคมไทยปัจจุบัน เขาคงไม่อยากให้ใครเด่นกว่าตัวเองหรอก ดีว่าขนาดนี้ประชาชนฟังข่าวแล้วเหมือนรัฐบาลได้หน้าเรื่องท่องเที่ยว แต่ถ้าเกิดชาติไทยพัฒนาเขาบอกว่า ผลงานเขาล้วนๆ นะ พรรคใหญ่ก็คงไม่พอใจเท่าไร

  • นโยบายรถยนต์คันแรก มีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศแค่ไหน

ผมเคยกราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรีไปว่า โครงการประชานิยมที่ท่านออกมาเพื่อเลือกความนิยมมาให้พรรคท่าน ท่านไม่ใส่ให้กับท่องเที่ยวเลย ท่านอาจใส่ให้คนชั้นกลางในเรื่องของบ้านหลังแรก เรื่องรถยนต์คันแรก ชั้นล่างก็ไปใส่ให้เกษตรกรชาวนา ประกันพืชผล รับซื้อ จำนำอะไรต่างๆ แต่ท่องเที่ยว ท่านไม่ใส่อะไรให้เลย แล้วท่านบอกว่าตอนนี้รัฐบาลไม่มีเงิน ช่วยหาเงินให้หน่อย ผมก็เปรียบเหมือนเราเป็นลูกภรรยาน้อย ท่านไม่เคยให้ความสำคัญเลย เพราะฉะนั้นโครงการต่างๆ มีผลกระทบ เช่น รถยนต์คันแรกเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์เติบโต แต่ขณะเดียวกันผู้ที่ซื้อรถยนต์คันแรกก็เป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกับทัวร์ในประเทศ คนซื้อรถยนต์ประมาณ 6-7 แสน เป็นคนที่เที่ยวในประเทศ เพราะฉะนั้นมันกระทบทัวร์ในประเทศอย่างจังเลย

พอคนมีเงินอยู่ก้อนหนึ่งไปดาวน์รถแสนบาท เขาก็ต้องออมเงินเพื่อไปดาวน์รถยนต์ แทนที่เขาจะจัดสรรเงินเพื่อไปเที่ยว ปัจจุบันต้องยอมรับว่าการเที่ยวเป็นส่วนหนึ่ง เป็นปัจจัยที่ 5.5 แล้วของคนในออฟฟิศทั่วไป แต่ในช่วงที่ตื่นตัวเรื่องรถยนต์คันแรก ในออฟฟิศก็จะบอกว่าจะเลือกรถรุ่นไหนดี ล้านสามแสนคนพูดแต่เรื่องรถยนต์มาเป็นเวลานาน ไม่มีเวลาคิดเรื่องการท่องเที่ยว ท่องเที่ยวก็ดร็อปแล้ว พอเขาตัดสินใจซื้อรถยนต์ เท่ากับเขาเอากำลังซื้อล่วงหน้าไปลงในรถยนต์ เขาก็ต้องตัดสิ่งฟุ่มเฟือยอื่นๆ ก่อน พอเขาได้รถยนต์มาปั๊บ ในระยะแรกเขาก็อยากลองสมรรถนะโดยการเอารถยนต์ไปลองเที่ยวในรัศมี 300 กิโลเมตร ในรัศมีนี้จะได้รับประโยชน์ พอเอาไปเที่ยวปั๊บสักพัก หนึ่งกลับมาเป็นหนี้แล้ว เพราะเงินไม่พอ การเติมน้ำมันก็สิ้นเปลือง ค่าใช้จ่ายในการดูแลรถก็เริ่มมี พอเริ่มต้องเสียค่าประกันรถยนต์ และค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่อื่นๆ ก็กระทบยอดซื้อทัวร์ในประเทศ เท่ากับเขาต้องตัดรายจ่ายอื่นๆ ออก เพื่อประคับประคองการผ่อนชำระรถยนต์ ทำให้ตลาดหดตัว

ประชานิยมจะไปได้ดี ถ้ารัฐบาลหาเงินใส่กระเป๋าให้เขาทัน บังเอิญรัฐบาลหาเงินใส่กระเป๋าให้เขาไม่ทัน เพราะเกิดความถดถอยทางด้านเศรษฐกิจ ส่งออกก็ไม่มีใครซื้อสินค้าเราเท่าไร การหมุนเวียนเงินในตลาดในประเทศก็มีไม่มาก ไปหมุนเวียนบางด้านของอุตสาหกรรม แต่ด้านธุรกิจค้าปลีกค้าส่งได้รับผลกระทบหมดเลย สังเกตดูนะ บางร้านอาหารจัดแคมเปญซึ่งไม่เคยเห็น อย่าง MK ไม่เคยจัดแคมเปญอะไร ประเภทสั่งเป็ดจานเล็กจานหนึ่งแถมบะหมี่ให้อีกสองก้อน แสดงว่ามันฝืดแล้ว เพราะฉะนั้น มันกระทบหมดเลยในเรื่องการกินการจ่ายการเที่ยว นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆ ซึ่งผมคิดว่าผลกระทบจะเป็นไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า

  • คุณมองปรากฏการณ์ที่คนไทยแห่เที่ยว แล้วทำให้พื้นที่นั้นมีปัญหาอย่างไร อย่างกรณีของปาย เชียงคาน หรืออัมพวา

มันกระแสของการท่องเที่ยว แน่นอนถ้าหากว่าผู้ประกอบการรวมทั้งในบางพื้นที่ องค์กรปกครองท้องถิ่นจะมีอิทธิพลมาก เนื่องจากมีข้อปฏิบัติกฎหมายให้องค์กรปกครองท้องถิ่นในการดูแล ความมีปัญหาของแหล่งท่องเที่ยว จึงเกิดจากปัญหา 3 ประการ คือ หนึ่ง - จำนวนนักท่องเที่ยว สอง - ผู้ประกอบการ สาม - ปกครองท้องถิ่น ถ้าผู้ประกอบการเห็นแก่รายได้ แต่ปกครองท้องถิ่นยังคอนโทรลอยู่ แหล่งท่องเที่ยวก็จะไม่มีปัญหา เพราะปกครองท้องถิ่นอาศัยรายได้ที่เก็บจากพื้นที่มาคอยดูแลความเป็นระเบียบเรียบร้อย ถ้า 2 ฝ่ายนี้คุยกันแล้วเข้าใจแล้ว จัดสูตรการรับนักท่องเที่ยวได้ลงตัวว่าตัวเองต้องการเท่าไร เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวอิ่มตัวเร็วและเสื่อมโทรมในที่สุด ตรงนี้จะหารายได้ได้นาน

นักท่องเที่ยวที่ไปถึงตรงนั้น ก็ต้องมีส่วนปรับตัวเองให้กลมกลืนกับวัฒนธรรมท้องถิ่น และต้องเข้าใจเรื่องการท่องเที่ยวด้วยว่า คุณเดินเข้าไปในพื้นที่เขา เท่ากับคุณคือคนแปลกหน้า คุณต้องเคารพความเป็นส่วนตัว อย่างเชียงคานเขามีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง แล้วคุณเข้าไปอึกทึกครึกโครม หรือเข้าไปถามหาในสิ่งที่วัฒนธรรมนั้นเขาไม่ต้องการ เราต้องยอมรับนะ เมื่อคนไปมาก บางครั้งในภาพของนักท่องเที่ยวจะมีเรื่องการขายบริการทางเพศ ซึ่งในบางชุมชนเขาเข้มงวดเรื่องนี้มาก เมื่อเข้าไปพอไปถามหาปั๊บ นายทุนเขาไม่ได้หาวัตถุดิบในพื้นที่ เขาก็ต้องอิมพอร์ตจากนอกพื้นที่เข้ามา แน่นอนว่าในพื้นที่รักษาจารีตเข้มงวด แต่นายทุนดันไปอิมพอร์ตเข้ามา ทำให้วัฒนธรรมถิ่นถูกต่อต้าน จึงเกิดความเละเทะ อย่างเรื่องยาเสพติด ถ้าฝรั่งเข้าไปในพื้นที่แล้วมีคนมาเสนอ ทำให้วัฒนธรรมถิ่นง่อนแง่น

เรากำลังตกอยู่ในเรื่องวัตถุนิยม ต้องดูแหล่งท่องเที่ยวในเรื่องของผู้ประกอบการต้องบูรณาการร่วมกัน เพราะผู้ประกอบการเอง เดิมทีเป็นผู้ประกอบการเฉพาะท้องถิ่น แต่ต่อมาแหล่งท่องเที่ยวเริ่มได้รับความนิยม ก็มีผู้ประกอบการต่างถิ่นเข้าไป คนในพื้นที่ต้องเข้มแข็งที่จะคุยกับผู้ประกอบการ เดิมทีคุยกับผู้ประกอบการท้องถิ่นรู้เรื่อง แต่พอคุยกับผู้ประกอบการต่างถิ่น อัมพวา มีผู้ประกอบการต่างถิ่นเข้าไป ทำให้เกิดความวุ่นวาย จะรื้อจะถอนกัน ก็เกิดปัญหา เพราะฉะนั้นชุมชนปกครองท้องถิ่นต้องเข้มแข็ง พอผู้ประกอบการเข้าไป ต้องรับเงื่อนไขของท้องถิ่นได้ว่า หากินเฉพาะ ณ วันนี้ หรือจะนานๆ ยั่งยืน

  • นอกเหนือจากธรรมชาติและวัฒนธรรม ในเมืองไทยยังมีอะไร unseen อีกไหม

จริงๆ ยังมีบางชุมชนซึ่งเรายังพบว่า มีสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ รอเพียงแค่ว่าผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบไปกระตุ้นให้ชุมชนพร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยว เขายังมีความสวยงามในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเขา รวมถึงเรื่องธรรมชาติที่อยู่รอบตัวยังมีความสวยงาม ซึ่งบางชุมชนไม่อยากเปิดรับนักท่องเที่ยว เขาไม่อยากเปิด เพราะถ้าเปิดแล้ว เขาต้องให้คนแปลกหน้ามานอนในชุมชนเขา บางชุมชนเขาก็ไม่ยอม ซึ่งยังมีอยู่หลายชุมชน แม้กระทั่งในนครศรีธรรมราชเอง บางท้องถิ่น ผมเข้าใจว่าเขาเข้มงวดเรื่องการต้อนรับนักท่องเที่ยว ยังควบคุมปริมาณนักท่องเที่ยว ไม่อยากให้มีจำนวนเข้ามามาก ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาสกบ้าง หรือแม้กระทั่งที่ขนอม ชาวบ้านก็มีความเข้าใจในการอนุรักษ์ธรรมชาติมากขึ้น ป้องกันการที่นักท่องเที่ยวไปรบกวนโลมา เขาเข้าใจมากขึ้น เพราะในประเทศ เรามีองค์กรพัฒนาพื้นที่พิเศษ (อพท.) ก็ทำหน้าที่ได้เข้มแข็งพอสมควร เริ่มขยายแนวคิดเรื่องการท่องเที่ยวที่ถูกวิธีมากขึ้น

  • กรณีของเกาะเสม็ด ?

เสม็ด นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้ภาคส่วนของการท่องเที่ยวตระหนักถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ว่ามันมีมากกว่าที่คิด ธรรมดาเราคิดแค่ว่า คราบน้ำมันสกปรกขจัดไปแล้ว เดี๋ยวนักท่องเที่ยวก็กลับมา แต่เราห้ามความรู้สึกของนักท่องเที่ยวไม่ได้ว่า มันไม่ปลอดภัย เราห้ามข่าวลือไม่ได้ เราห้ามข้อมูลข่าวสารที่ผิดๆ ไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวงมาก และต้องใช้เวลาฟื้นฟูเป็นเวลาหลายเดือน มันเป็นเรื่องที่เราต้องเข้ามาคุยกันอย่างจริงจังว่า สิ่งที่คุณเคยบอกเราว่ามันปลอดภัย มันเป็นมาตรฐานปลอดภัยขั้นต่ำหรือสูงสุดที่คุณใช้ ตอนนี้ประเทศไทย เงินรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นอันดับสองรองจากประเทศจีน เพราะฉะนั้น อุตสาหกรรมนี้ต้องปกป้อง ถ้าอุตสาหกรรมหนักทำให้อุตสาหกรรมตัวนี้เสียหาย ผมคิดว่าอุตสาหกรรมหนักเอาเงินมาถมไม่อยู่นะ เพราะฉะนั้น อุตสาหกรรมหนักต้องมีความรับผิดชอบกับอุตสาหกรรมใกล้เคียงว่า สิ่งที่คุณบอกว่ามาตรฐาน คุณต้องพูดความจริงว่ามันเป็นระดับใด และต้องลงทุนสำหรับป้องกันข้อผิดพลาดเป็นสำคัญอันดับหนึ่งเลย

  • อะไรคือความสุขในการทำหน้าที่นี้

ผมคิดว่าความสุข คือได้ทำตามอุดมการณ์ของเรา ผมมาทำที่นี่ สมาชิกรับรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ทางคณะกรรมการสมาคมภายใต้การนำของผมได้มอบให้สมาชิก เป็นสิ่งที่ใช้ทำงานในชีวิตประจำวันของเขา และสิ่งที่เราทำให้เขาเริ่มเห็นความสำคัญของ CSR คือการมีส่วนรับผิดชอบต่อสังคม ถึงแม้ว่าเราจะเป็นองค์กรธุรกิจขนาดเล็กๆ แต่เราก็มีส่วนรับผิดชอบต่อสังคมได้ โดยเริ่มต้นจากการที่เรารับผิดชอบต่อลูกน้องเราก่อน เพราะฉะนั้น เราเริ่มให้ข้อมูลความรู้แก่พนักงานแต่ละบริษัท รวมถึงเมื่อขยายออกนอกบริษัทแล้ว เขาจะได้มีความรับผิดชอบต่อนักท่องเที่ยว เพราะถ้านักท่องเที่ยวมาเที่ยวกับทัวร์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับการคุ้มครองดูแล เมื่อมีปัญหา คุยทำความเข้าใจกันได้ง่าย อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวก็จะอยู่ได้

เพราะลูกค้าเป็นคนโอบอุ้มเรา ไม่มีใครสำคัญมากที่สุดเท่ากับลูกค้าแล้ว ลูกค้าจึงเป็นคนที่มีบุญคุณแก่การท่องเที่ยว สิ่งเหล่านี้เราพยายามใส่แนวคิด อบรม พัฒนา ที่สำคัญที่สุด การบริหารสมาคมเราทำด้วยความโปร่งใส โดยเฉพาะการคอร์รัปชัน ซึ่งในภาคเอกชนพยายามเรียกร้องไปจนถึงรัฐบาลให้ปลอดจากคอร์รัปชัน เพราะภาพประเทศไทยอยู่ในแบบที่ค่อนข้างไม่อยากพูดถึงเลย ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเจอปัญหานี้มาก การบริหารของเราเองชัดเจนมีจุดยืนเรื่องไม่คอร์รัปชัน รวมถึงมีส่วนต่อต้านคอร์รัปชันด้วย เพราะว่าในธุรกิจท่องเที่ยว มีสิ่งเย้ายวนใจให้ผู้ประกอบร่วมในกระบวนการคอร์รัปชันเยอะมาก เช่นเวลาไปประมูลงานกับบางหน่วยงาน เขาอาจจะเสนอว่าให้แบ่งกำไรมาให้เขาด้วย ซึ่งในเรื่องของการประมูลงานเรากับภาครัฐจะเจอปัญหานี้มากกว่าประมูลงานกับเอกชน นั่นแสดงให้เห็นว่า มาตรการที่รัฐบาลบอกว่า อยากให้การคอร์รัปชันในภาครัฐน้อยลงไป ผมคิดว่ามันไม่สำเร็จ ภาคเอกชนทำได้ดีกว่า แต่ภาคเอกชนถูกกดดันให้ยื่นข้อเสนอให้ภาครัฐทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

  • ทุกวันนี้ คุณยังเดินทางท่องเที่ยวอยู่ไหม

ผมทำหน้าที่ดูเส้นทางใหม่ๆ แต่การทำหน้าที่มัคคุเทศก์ก็น้อยลงแล้ว เพราะมีเวลาเดินทางให้สมาคมมากกว่า หรือบางทีเราจัด fam trip เอาผู้ประกอบการไปดูเส้นทางใหม่ๆ ผมต้องนั่งไปเป็นตัวแทนของเรา โดยเฉพาะบางหน่วยงาน เช่น ตอนนี้เรามีความร่วมมือกับสำนักงานการท่องเที่ยวกองทัพบก ซึ่งท่านก็อยากแนะนำเขตทหาร ซึ่งเดิมที เขตทหารห้ามเข้า แต่ไม่ใช่ ตอนนี้ เขตทหารเข้าได้หมด เพราะฉะนั้น คนที่จะบอกประชาชนได้ดี คือผู้ประกอบการว่าเขตทหารเขายินดีรับนักท่องเที่ยวให้เข้าไปดู มีโปรแกรมนำเที่ยวเยอะแยะ ซึ่งบางหน่วยงานจะส่งบุคลากรไปอบรมพัฒนาในค่ายทหาร เพราะทหารฝึกบุคลากรในหน่วยงานให้มีวินัยมากขึ้น รวมทั้งความเข้าใจในธุรกิจบริการ ทหารก็เริ่มเปลี่ยนแนวคิดนี้แล้ว ใกล้ชิดประชาชนมากขึ้น.