Thai Touch Season 3...พร้อมส่งนักออกแบบหน้าใหม่ไปญี่ปุ่น

งานเฟ้นหานักออกแบบหน้าใหม่ของ Thai Touch Season 3 เริ่มมาตั้งแต่ต้นปี จนถึงเวลานี้ได้ผู้ชนะเลิศ 3 คน พร้อมส่งผลงานสู่รันเวย์ในงาน "อเมซอน แฟชั่นวีค โตเกียว" อวดผลงานสดใหม่สู่เวทีระดับสากล

ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 ที่ผ่านมา งานใหญ่ Thai Touch Season 3 เพื่อเฟ้นหานักออกแบบไทยสู่เวทีโลก ได้เริ่มขึ้นด้วยการคัดเลือกผลงานของผู้สมัครผ่านภาพสเก็ตช์ จากนั้นคัดจนเหลือ 10 คน เพื่อไปฟังเล็คเชอร์เข้มข้นจากดีไซเนอร์ชั้นนำของไทย ที่เป็นทั้งพี่เลี้ยงและครูให้แก่นักออกแบบที่เข้ารอบ เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ที่โรงแรมพูลแมน จี สีลม

การอบรมติวเข้มจากดีไซเนอร์ระดับแถวหน้า อาทิ ภาณุ อิงคะวัต, พลพัฒน์ อัศวประภา, จิตต์สิงห์ สมบุญ, ผศ.ดร.อโนทัย ชลชาติภิญโญ, ประภากาศ อังศุสิงห์, ณัฏฐ์ มั่งคั่ง, ภูภวิศ กฤตพลนารา, มิลิน ยุวจรัสกุล, อรประพันธ์ สุทธินรเศรษฐ์ ฯลฯ ที่ติวเข้มโค้ชชิ่งอย่างใกล้ชิด ให้ทุกคนนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาผลงานของตัวเอง ออกแบบและตัดเย็บจริง เพื่อมาประชันกันในรอบสุดท้าย โดยทั้งสิบคนที่ผ่านเข้ารอบออกแบบคนละ 3 ชุด เพื่อนำเสนอผลงานกันบนรันเวย์ที่สยามพารากอน และตัดสินผู้ชนะเลิศที่จะนำผลงานไปจัดแสดงในเวทีระดับโลกในงาน อเมซอน แฟชั่น วีค โตเกียว ที่จัดระหว่างวันที่ 16 – 21 ตุลาคม 2560 ที่ประเทศญี่ปุ่น

งานนี้เจ้าภาพใหญ่คือ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมกับ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ลงแรงและเวลาเคี่ยวเข้มนักออกแบบรุ่นใหม่ที่บางคนเพิ่งเข้าวงการ บางคนก็มีอาชีพเป็นนักออกแบบอยู่ก่อนแล้ว มอบความรู้และประสบการณ์ให้ทั้งการออกแบบและการตลาด ออกแบบอย่างไรให้ขายได้ ขายใคร อย่างไร ? จนในที่สุดก็ได้ ผู้ชนะเลิศโครงการพัฒนานักออกแบบไทย ปีที่ 3 (Thai Touch Season 3)

พรเทพ การศัพท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า “กิจกรรม Thai Touch ปีที่ 3 มุ่งเน้นที่จะผลิตนักออกแบบไทยหน้าใหม่และส่งเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยแบบ 360 องศา เพื่อพัฒนาสู่ Industry 4.0 ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะช่วยต่อยอดให้เกิดกระบวนการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมแฟชั่น ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ สร้างการเติบโตของธุรกิจแฟชั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างยั่งยืน”

ชนิสา แก้วเรือน ผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน บอกว่า

“ผู้ชนะเลิศของโครงการและผู้เข้ารอบต่างได้รับความรู้ทั้งด้านทฤษฎีและปฏิบัติจากบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยทั้งในระดับประเทศและระดับโลก อาทิ ดีไซเนอร์ นักวิชาการ และสไตล์ลิสต์ชื่อดัง รวมถึงการเวิร์คช็อปและโค้ชเพื่อผลิตชิ้นงานจริง โดยแบรนด์ดีไซเนอร์ระดับไอคอนจากสมาคมแฟชั่นดีไซเนอร์กรุงเทพ ฯ (Bangkok Fashion Society :BFS) Thai Touch Season 3 ปีนี้ มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาขีดความสามารถของอุตสาหกรรมแฟชั่นไทยให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกต่อไป”

re1 09 (3)re ผู้ชนะเลิศทั้ง 3 ได้แก่ จิรวัฒน์ ธำรงกิตติกุล จากแบรนด์ JIRAWAT (จิรวัฒน์), ธีธัช ควรตระกูล จากแบรนด์ TITAT (ธีธัช) และ ฐกร วรรณวงษ์ จากแบรนด์ TAKARA WONG (ทาการะ วอง)

จิรวัฒน์ สร้างสรรค์คอลเลคชั่น Spring/Summer 2018 อย่างโดดเด่นจนชนะใจกรรมการ โดยใช้เทคนิคการปักครอสติตช์ (Cross-stitch) มาผสานกับวัสดุใหม่ ๆ อย่างลงตัว เขากล่าวถึงโครงการ Thai Touch SS3 ไว้ว่า “ถือเป็นเวทีที่ท้าทายมาก ต้องทำงานแข่งกับเวลา และมีโอกาสไปอวดผลงานในระดับสากล อีกทั้งในเวทีนี้สามารถต่อยอดการทำงานได้ไม่ใช่แค่โชว์แล้วจบ แต่จะได้พบบายเออร์ หรือลูกค้าจริง ต่อยอดการทำงานได้”

17 (4)

14 (5)re ธีธัช ชนะด้วยคอลเลคชั่น “RITE” ที่สะท้อนถึงรากเหง้าความเป็นไทย โดยใช้การผสมผสานวัสดุที่แปลกใหม่เข้าไปในผ้าทอไทย ทั้งใยสังเคราะห์ ผ้าลินิน ใยกระดาษ เส้นหนังเทียม หนังหมู หนังแกะ หนังกลับ ฯ ทำให้เกิดผ้าทอที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซเนอร์หน้าใหม่เผยว่า “ช่วงแรกผมไม่ได้คำนึงถึงการขายหรือการทำธุรกิจ คิดแต่เพียงทำโชว์ออกมาให้ดีที่สุด แต่หลังจากได้ร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อป และได้รับคำแนะนำจากดีไซเนอร์มืออาชีพ ทำให้ได้เรียนรู้และเข้าใจเรื่องของการทำธุรกิจมากขึ้นว่า ทำอย่างไรให้แบรนด์เติบโตอย่างแข็งแรง ซึ่งการได้เข้าร่วมโครงการ Thai Touch Season 3 ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากและได้รับประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่ไหนมาก่อน”

21 (4)re

22 (5)

ฐกร อวดคอลเลคชั่น "Wong 2108" โดยสอดแทรกลูกเล่นด้วยกิมมิคที่ซ่อนไว้สำหรับการสไตลิ่งด้วยชิ้นเสื้อผ้าที่มีช่องกระเป๋าพลาสติกใส พร้อมนำวัสดุต่าง ๆ อาทิ ผ้าพลาสติก, ผ้าหนังแก้ว, ผ้าพีวีซี, ไนล่อน, ผ้าคอตต้อน เดนิม และผ้ากันน้ำ มาผสานกับผ้าใยธรรมชาติอย่างผ้าคอตต้อน

26 (5)

24 (3) “รู้สึกภูมิใจที่แบรนด์สตรีทแวร์ของไทย จะได้มีโอกาสไปเดินบนเวทีอเมซอน แฟชั่นวีค โตเกียว โครงการ Thai Touch SS3 ทำให้ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างที่นอกเหนือจากการออกแบบ เช่น การตลาด การทำประชาสัมพันธ์ และทำให้แฟชั่นเป็นสินค้าที่ต้องขายได้จริง”