ศิลป์ส่องธรรม...สอนปั้น"พระพุทธรูป"ให้กลุ่มผู้ป่วยและผู้สูงวัย

มือคู่หนึ่งเอื้อมสัมผัสไล่ไปตามพระพักตร์ขององค์พระพุทธรูปที่อยู่ตรงหน้า ต่างดวงตาที่มองไม่เห็น ก่อนจะมาสัมผัสเนื้อดินที่อยู่ใกล้มือ แม้จะอยู่ในโลกมืด แต่หัวใจของนักเรียนปั้นพระอย่างคุณอำนาจกลับไสวสว่าง และมุ่งมั่นด้วยความตั้งใจอันแรงกล้า

ทุกเช้าวันเสาร์ คุณอำนาจกับภรรยาจะนั่งเครื่องจากขอนแก่นมาลงดอนเมือง และต่อรถมาลงที่หอศิลป์กรุงเทพฯ เพื่อมาเรียนปั้นพระพุทธรูปในชั้นเรียนพิเศษของเรา และพักค้างคืนที่อพาร์ทเมนท์รายวันย่านสุทธิสาร และมาเรียนในเช้าวันอาทิตย์พร้อมฉัน ก่อนจะกลับขอนแก่นในช่วงเย็นหลังเลิกเรียน

ขณะที่พี่เปรม นักเรียนปั้นพระที่อายุสูงสุด 80 ต้น มีลูกชายมารับ มาส่ง แม้จะสูงวัย แต่พี่เปรมยังดูแข็งแรง กระฉับกระเฉง หากเทียบกับคนวัยเดียวกัน พี่เปรมเป็นข้าราชการเกษียณ

ขณะที่อาม่า สุธารัตน์ วัย 75 ผู้ที่ฉันชอบกระเซ้าว่าเด็กหญิงสุธารัตน์ ดูสดใสเฮฮา ยิ้ม หัวเราะเก่ง อาม่ามักมีขนูกขนมติดไม้ติดมือมาฝากครูและเพื่อนๆ เสมอ ทิดสาน ประสาน อิงคนันท์ บิ๊กบอส บ.บุญมีฤทธิ์ พิธีกรชื่อดังผู้มีน้ำใจกับเราเสมอมาบอกมาว่า อาม่าทำกับข้าวเจอร่อยมาก

โต๊ะของซังและอ้อย ทั้งคู่มักจะปั้นพระอย่างเงียบๆ และมีสมาธิ อ้อยเคยป่วยหนักมาสองครั้ง ซังเองแม้จะป่วย แต่ก็ตั้งใจดูแลสุขภาพอย่างดี โดยเฉพาะด้านจิตใจ ดวงตาของเธอมีประกายแจ่มใสเสมอ

ชั้นเรียนของเรามีนักเรียนเพียง 10 คน รับเฉพาะ สว. วัย 75 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย เราต้องการให้ชั้นเรียนนี้เป็นชั้นเรียนเล็กๆ เพื่อจะได้ดูแลกันทั่วถึง

และมีบรรยากาศของความอบอุ่น เป็นมิตรไมตรี อีส อาจารย์สอนด้านการออกแบบจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ดูเป็นสาวเก๋มาดมั่น แม้จะป่วยมาหลายปี แต่เธอดูแข็งแรงและเต็มด้วยพลังชีวิต อีสชอบทำขนมปัง บางวันเธอทำสโคนและขนมปังที่อบเองมาฝากเพื่อนๆ

อาจารย์วนิดา แม้จะป่วยเรื้อรังมาหลายปี แต่ก็ยังคงมุ่งมั่นกับการดูแลสุขภาพ ขณะที่สมพงษ์ได้รับคำชักชวนให้เข้ามาเรียน เพื่อจิตใจจะได้เบาสบายขึ้น

บี ภณิตา แม้จะมีภาวะความเจ็บป่วยอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงเต็มใจดูแล ให้ข้าวน้ำหมาแมวจรทุกวันเป็นเวลาร่วม 20 ปีแล้ว

ขณะที่ป้อม คุณแม่ของแฝดสองที่พิการทางสมองและร่างกาย เธอมีหัวใจของแม่ที่แสนอัศจรรย์ เพราะเฝ้าดูแลลูกมา 41 ปีแล้ว บอกว่าเธอรู้สึกเป็นอิสระ นี่คือช่วงเวลาพิเศษเหมือนเป็นของขวัญให้กับตนเอง

ชั้นเรียนปั้นพระของเรามีอาจารย์จากคณะศิลปะประจำชาติ วิทยาลัยเพาะช่าง เป็นทีมงานสอน มีอาจารย์ไฝ ประสิทธิ์ เป็นหัวหน้าทีม อาจารย์ทุกคนน่ารัก ใส่ใจและคุ้นเคยกับลูกศิษย์เป็นอย่างดี

โครงการพุทธ/วรรณศิลป์ “ศิลป์ส่องธรรม” นี้เปิดชั้นเรียนรุ่นแรก ที่หอศิลป์ กทม. เมื่อวันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม มีกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ชีวามิตร วิสาหกิจเพื่อสังคม วิทยาลัยเพาะช่าง หอศิลป์ กทม. และกลุ่มเพื่อนหลังกำแพง เป็นองค์กรร่วมจัด

วันแรกของการเปิดงาน เรานิมนต์ท่านแน็ต พระมหาวโรตม์ ธัมมวโร วัดบวรนิเวศวิหาร มารับบิณฑบาต และปรารภธรรม หัวข้อ “ธรรมะ ศิลปะ ชีวิต ”

ผอ. อนุกูล ใบไกล ผู้แทนกรมส่งเสริมงานวัฒนธรรม กล่าวเปิดงานและต้อนรับผู้ร่วมอบรม คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ ร่ายบทกวีอันลึกซึ้ง งดงาม และชวนคุยเรื่องงานศิลปะ แม่น้ำ เรลลี่ อ่านบทกวี และชาตินวภพ สมกำลัง ลูกศิษย์บางขวางของเรา ร้องเพลง “ศิลป์ส่องธรรม”ที่แต่งและใส่ทำนองเอง

ชื่อศิลป์ส่องธรรมที่เปี่ยมความหมายและไพเราะนี้ ท่านแน็ตเป็นผู้คิดชื่อ และเราหวังว่าจะได้ทำกิจกรรมดีๆ นี้ในรุ่นต่อไป นอกจากเรียนปั้นพระกันทุกเสาร์ อาทิตย์ รวมกัน 10 วันแล้ว

เรายังมีกิจกรรมให้นักเรียนได้ทบทวนจิตใจ ผ่านกระบวนการเขียน และการมองเห็นใจตนเอง เพื่อพบขุมพลังแห่งความหวัง พระพุทธรูปที่นักเรียนปั้นทุกองค์ เราจะนำไปหล่อที่โรงหล่อพุทธสาธิต ของลูกศิษย์เรา และจะนำไปมอบให้กับหน่วยดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ของโรงพยาบาลนครปฐม

............................

บทความโดย อรสม สุทธิสาคร จากเรื่องเล่าจากโครงการศิลป์ส่องธรรม รุ่นที่ 1

กิจกรรมสอนการปั้นพระพุทธรูปองค์เล็กให้กับกลุ่มผู้ป่วย และผู้สูงอายุ 75 ปีขึ้นไป เปิดสอนที่หอศิลป์กรุงเทพฯ 10 วันช่วงวันเสาร์อาทิตย์ โดยใช้กระบวนการผสมผสาน ทั้งพุทธศิลป์  คืองานปั้นพระ วรรณศิลป์ คือการเขียน เพื่อทบทวนตนเองและธรรมะ และเมื่อพระพุทธรูปแล้วเสร็จจะส่งมอบตามโรงพยาบาลต่างๆ