“คิดไปข้างหน้า” หนังสือเล่มแรก ที่ “ธนาธร” เขียนเอง

“คิดไปข้างหน้า” หนังสือเล่มแรก ที่ “ธนาธร” เขียนเอง

คำถามและคำตอบที่หลายคนอยากรู้ สิ่งที่อยู่ในใจ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ในการเขียนหนังสือเล่มแรก ทั้งเรื่องความคิด ความหวัง และประเทศไทย

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในงาน Book Talk เปิดตัวหนังสือ “คิดไปข้างหน้า” กับ ธนาธร ออนทัวร์ เจียงใหม่ ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็น ถามตอบหลากหลายเรื่องราว ณ บ้านข้างวัด จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2565

ก่อนหน้านี้ ธนาธรมีผลงานหนังสือออกมาแล้ว 3 เล่ม แต่เป็นผลงานที่คนอื่นเขียนถึง ได้แก่ 1) ปักธงอนาคต โดย เจนวิทย์ เชื้อสาวะถี 2) Portait ธนาธร โดย วรพจน์ พันธุ์พงศ์ และ 3) เลือกอยู่ข้างเวลา โดย ชัชวนันท์ สันธิเดช

“หนังสือเล่มนี้ รวมข้อคิด เกี่ยวกับปรากฎการณ์การเมืองในสภา, พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ, โควิด, วัคซีน, เศรษฐกิจไทย เนื้อหา กลั่นออกมาเป็นบทความ 5 ภาค เป็นการเดินทางที่ผ่านมา 3-4 ปีที่แล้ว” ธนาธร อธิบาย

ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ธนาธรได้ลงพื้นที่ในต่างจังหวัด พบว่า น้ำประปา ในที่ต่างๆ มีสภาพขุ่น จนแปลกใจว่าทำไมในพ.ศ.นี้ยังมีปัญหาแบบนี้อยู่อีก

“คิดไปข้างหน้า” หนังสือเล่มแรก ที่ “ธนาธร” เขียนเอง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับขวดใส่น้ำประปา Cr.คณะก้าวหน้า

“ผมรู้สึกเจ็บปวดโกรธแค้นมาก นี่คือน้ำประปาที่ชาวบ้าน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ใช้กัน (ชูขวดใสใส่น้ำประปาสีส้มขุ่น)

ผมได้ไปให้คำปรึกษาร่วมทำงานกับเทศบาลและอบต.60 แห่ง มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ อย่างน้อย 48 แห่งมีปัญหาเรื่องน้ำประปา และบางที่น้ำประปาไม่พอใช้

นอกจากปัญหาน้ำประปาไม่ไหลแล้ว ในหน้าแล้งชาวบ้านต้องไปตักน้ำตามห้วย ส่วนหน้าฝน ถนนเป็นดินลูกรัง เด็กๆ ก็ไปรร.ไม่ได้ ยังมีปัญหาที่ศูนย์เด็กเล็ก หากใช้เงินลงทุนอีกสี่ห้าแสนชีวิตพวกเขาจะดีขึ้น

“ในปารีส ฝรั่งเศส เขานำธุรกิจน้ำประปาที่เคยให้สัมปทานเอกชนกลับมาเป็นของเมือง เป็นโครงสร้างพื้นฐานของคน ไม่ใช่ธุรกิจเก็งกำไร แล้วทำ water Fountein น้ำประปาดื่มได้ทั่วปารีส ลดค่าน้ำและการใช้ขวดพลาสติก"

เมื่อมีคนถามว่า "นักการเมืองที่ดี ควรเป็นอย่างไร" ธนาธรตอบว่า

“ผมไม่รู้ว่านักการเมืองที่ดีเป็นยังไง งบที่มีอยู่ 4 แสนล้านบาท ผมว่าเพียงพอ ผมขอแค่ 2 แสนล้านบาท ขอเวลา 4 ปีทำให้ทุกคนเข้าถึงน้ำประปาที่ดื่มได้ ไม่ต้องซื้อน้ำขวด ไม่ต้องมีภาระต้นทุนในการจัดการน้ำอีก

เรื่องน้ำประปา เรื่องถนน เราไม่มีอำนาจ ทั้งๆ ที่รู้วิธีการแก้ไข การเข้าถึงน้ำประปา, ศูนย์เด็กเล็ก, ถนนหนทาง, ไฟฟ้า นี่คือสิทธิขั้นพื้นฐานที่คนไทย 76 ล้านคนต้องมี"

ส่วนคำถามว่า "การเมืองปกติ เป็นอย่างไร..." ธนาธรตอบว่า คือการเมืองที่คนส่วนใหญ่มีคุณภาพชีวิตที่ดี

“เรือดำน้ำ 20,000 ล้านบาท สามารถเอามาทำเรื่องน้ำประปาดื่มได้ให้คนได้กี่จังหวัด นี่คือการเมืองที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจว่า ภาษีของเราจะเอาไปทำอะไรได้บ้าง... จะสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง โรงเรียน, โรงพยาบาล หรือน้ำประปา

ในประเทศพัฒนาแล้ว ไม่มีประเทศไหนที่คนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ด้วยการขอความเมตตาจากชนชั้นนำ คนมีชีวิตที่ดีขึ้น ต่อเมื่อตระหนักถึงอำนาจ สิทธิเสรีภาพในการเป็นพลเมือง ต่อสู้เรียกร้องทางการเมืองเท่านั้น ชีวิตของเขาจึงดีขึ้น

เรื่องของรุ้ง,เพนกวิน, อานนท์ กับเรื่องน้ำประปาคือเรื่องเดียวกัน เพราะเขาทำให้เรื่องที่ รุ้ง,เพนกวิน,อานนท์โดนจับ ไม่ใช่เรื่องของพวกคุณ

ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าไม่มีใครมีสิทธิเสรีภาพ ไม่เคยมีความยุติธรรม พอน้ำประปาไม่สะอาด ก็รู้สึกว่านี่คือชะตากรรมของเรา เราต้องรับกรรมอย่างเดียว เพราะเราไม่มีสิทธิ

สิทธิที่เขาไม่ได้รับการประกันตัว คือสิทธิที่คุณต้องมีน้ำประปาที่ดี มันคือสิทธิเดียวกัน อำนาจพลเมืองเป็นสิทธิของประชาชน การที่คุณเพิกเฉยต่อรุ้ง,อานนท์ คือการเพิกเฉยต่อน้ำประปา เป็นเรื่องเดียวกัน เพราะคุณไม่ตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพ"

“คิดไปข้างหน้า” หนังสือเล่มแรก ที่ “ธนาธร” เขียนเอง Cr.คณะก้าวหน้า

"คณะก้าวหน้า มาทำงานกับท้องถิ่น ได้อย่างไร" ธนาธร กล่าวว่า เพราะต้องการช่วยเหลือชาวบ้าน

“เราเริ่มทำการเมืองท้องถิ่น กลางเดือนพฤษภาคม 2564 มันทำให้เราฉลาดขึ้นเยอะ เห็นโลกเยอะขึ้นมาก ได้เข้าใจมันจริงๆ การเมืองท้องถิ่นสำคัญกับคุณภาพชีวิตทุกคน

ถ้าพรรคอนาคตใหม่ไม่ถูกยุบ เราก็ทำงานท้องถิ่นภายใต้ร่มของพรรค เมื่อถูกยุบจึงเกิดสององค์กร คือ พรรคก้าวไกล ทำงานระดับชาติ ทำงานการเมืองในสภา และองค์กร คณะก้าวหน้า ทำงานการเมืองท้องถิ่น

ไม่ว่าญี่ปุ่น อเมริกา อินโดนีเซีย มาเลเซีย ยุโรปตะวันตก พรรคการเมืองจะทำงานแข่งขันกันทั้งการเมืองระดับชาติและการเมืองท้องถิ่น

เราได้ให้ชาวบ้านโหวตว่า ปี 65 อยากเห็นการพัฒนาอะไรมากที่สุด ชาวบ้านโหวตว่า ส่งเสริมท่องเที่ยวชุมชน

เพราะหน้าหนาวที่ผ่านมา เราทำให้พวกเขามีรายได้เสริมจากรายได้หลักในการเป็นเกษตรกร จาก 1 หมู่บ้าน ปีนี้เลยเพิ่มมาเป็น 3 หมู่บ้าน

คณะก้าวหน้าไปช่วยออกแบบเว็บไซต์ ทำระบบบุ๊คกิ้งออนไลน์ให้ ส่วนเทศบาลและคนในหมู่บ้านก็ปรับปรุงภูมิทัศน์ ทำหมู่บ้านให้สะอาด สถานที่ท่องเที่ยวก็ทำเป็นขั้นบันได นี่คือหนึ่งรูปธรรมที่เห็นได้ชัดว่า การเมืองท้องถิ่นเข้าไปเปลี่ยนแปลงชุมชนได้ยังไง"

“คิดไปข้างหน้า” หนังสือเล่มแรก ที่ “ธนาธร” เขียนเอง Cr.คณะก้าวหน้า

ธนาธรมองอีกว่า ศูนย์เด็กเล็กหลายแห่ง ไม่เคยมีใครสนใจเลย ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องสำคัญมาก

“ที่ศูนย์เด็กเล็ก 7 แห่ง ศูนย์ฯละ 30 คน เป็นเด็กประถมวัยอายุ 2-6 ปี สภาพที่เห็น เก่า ขาดแคลน ไม่ทันสมัย เราทำโครงการ อ่านบ้านฝัน คัดสรรนิทาน 100 เล่ม ทำงานร่วมกับครู ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครสนใจ เดือนหน้าเราจะไปทำอีก 28 ศูนย์ที่อุดรธานี การลงทุนกับศูนย์เด็กเล็กคืออนาคต ลูกหลานของคนในชุมชนทั้งนั้น

เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการเมืองได้ด้วยการทำงานกับท้องถิ่นทั้ง 8,000 แห่ง เราอยากสร้างการเปลี่ยนแปลงในแง่คุณภาพ ในด้านแรงบันเดาลใจมากกว่า

เราสร้างตัวอย่างให้เห็น ความตั้งใจในการทำงานของเรา ทุกวันนี้มีหลาย อบต. มาขอดูงานน้ำประปาดื่มได้ ที่ ต.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ทุกสัปดาห์

ข้าราชการท้องถิ่นส่วนมากหวาดกลัวกับการทำเรื่องใหม่ ๆ กลัวสตง. กลัวมหาดไทย เราต้องปลดล็อกความกลัวให้ได้

ถ้าคุณคาดหวังการเปลี่ยนแปลง อย่าคาดหวังกับข้าราชการ คุณต้องคาดหวังกับนักการเมือง การทำให้ชีวิตคนดีกว่านี้ มันเป็นไปได้

“คิดไปข้างหน้า” หนังสือเล่มแรก ที่ “ธนาธร” เขียนเอง Cr.คณะก้าวหน้า

เคยวิเคราะห์ไหมว่า "คุณรุ่นใหม่ต้องการอะไร" ธนาธรกล่าวว่า คนรุ่นใหม่คืออนาคตของชาติ

“ยุคสมัยกำลังจะเปลี่ยนแปลง ถ้าเราเชื่อความเป็นไปได้ที่จะสร้างประชาธิปไตย สร้างสังคมที่คนมีอำนาจสูงสุด เป็นของประชาชนจริง ๆ ไม่มียุคสมัยไหนมีความเป็นไปได้มากเท่ายุคนี้อีกแล้ว

นี่คือยุคสมัยที่น่าตื่นเต้น เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของประวัติศาสตร์ การเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่บ่งบอกถึงอนาคตของประเทศ บ่งบอกถึงความหวัง สังคมไทยอำนาจสูงสุดอยู่ที่ประชาชน

จะเป็นจริงได้ คนต้องตระหนักเรื่องสิทธิเสรีภาพ เรื่องอนาคตของพวกเขา เรื่องอำนาจทางการเมือง สิ่งที่พวกเขาทำ มันหนุนเสริมทิศทางที่สังคมไทยควรจะเป็น

ผมไม่ได้อยากเป็นนายก ถ้าบ้านเมืองกลับมาเป็นปกติ มีความเป็นประชาธิปไตย มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคกับคนทุกกลุ่ม มีการจัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสม มีการปฏิรูปกองทัพ มีการกระจายอำนาจ มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมได้

ถ้าการสร้างพื้นฐานเพื่อให้สังคมมันไปต่อได้เสร็จเมื่อไร ผมก็จะยุติบทบาททางการเมืองเมื่อนั้น มีคนเก่งกว่าผมอีกเยอะ ผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม ด้านน้ำประปา ถ้าการเมืองมันดีได้ คนที่เก่งกว่าก็จะมีโอกาสขึ้นมาแก้ปัญหาต่างๆ เหล่านี้

มันเป็นไปได้ยังไง ที่ไม่มีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นเลย นายกอบต. นายกเทศบาลที่ผมเห็น ทำงานมา 20 ปี ยังมีเลย

เพราะการเมืองไม่เกื้อหนุนให้คนมีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงานการเมือง ถ้าการเมืองปกติจะมีคนมีความรู้ความสามารถเข้ามาทำการเมืองอีกเยอะ

นี่คือการสร้างแพลตฟอร์มให้ประเทศไทยไปต่อได้ ดึงศักยภาพของคนทั้งประเทศออกมาใช้ นี่คือเรื่องสำคัญ"