รพ.บำรุงราษฎร์ ปักหมุดภูเก็ต ผสาน VitalLife เข้ากับรักษา

โครงการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ภูเก็ต ได้ทำพิธีตอกเสาเข็มอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อเดือนก.พ. 2568 และการก่อสร้างจะเสร็จภายในครึ่งปีแรกของปี 2570
KEY
POINTS
- บำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ภูเก็ต ไม่ใช่แค่การขยายโรงพยาบาล แต่คือการปักหมุดยุทธศาสตร์ในตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตสูงสุดแห่งหนึ่งของโลก
- ยกระดับภูเก็ตสู่การเป็นเมืองศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Global Medical and Wellness/Longevity Hub) อย่างสมบูรณ์แบบ
- ศูนย์กลางการแพทย์ให้ประชากรคุณภาพสูงกว่า 2.4 ล้านคนตลอดแนวชายฝั่งอันดามัน ในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ตอนบนที่มีกำลังซื้อสูง
โครงการโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ภูเก็ต ได้ทำพิธีตอกเสาเข็มอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อเดือนก.พ. 2568 และการก่อสร้างจะเสร็จภายในครึ่งปีแรกของปี 2570 และเตรียมพร้อมเปิดให้การชาวภูเก็ต ชาวต่างชาติที่อาศัยในภูเก็ต และผู้ป่วยต่างชาติ ไม่ใช่แค่โรงพยาบาล แต่คือ Ecosystem เป็นศูนย์กลางสุขภาพ ที่ผสานเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงเข้ากับการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน เพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว
ดร.อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวในการแถลงข่าว Future-Proof Your Health Achieve a Healthier Future with Personalized, Precise Health Check-ups เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า จ.ภูเก็ต เป็นพื้นที่มีศักยภาพ
อยู่ไม่ไกลจากสนามบินนานาชาติภูเก็ต เป็น Medical and Wellness Destination คณะกรรมการบริหาร จึงตัดสินใจลงทุนสร้างรพ.บำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ภูเก็ต เป็นโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ในที่ดินในการก่อสร้างมีขนาด 16.5 ไร่ด้วยเงินทุนมากกว่า 4,300 ล้านบาท จะมีขนาด 212 เตียง เริ่มตอกเสาเข็มเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณกลางปี 2570 หรือในอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า หลังจากก่อสร้างเสร็จก็จะเปิดโรงพยาบาลในเฟสแรกทันที ให้บริการ 120 เตียง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'อดมื้อเช้า=พัง' โทษมหันต์ต่อร่างกายที่คุณอาจมองข้าม
บอกลาเวอร์ชั่นเก่า เปิดสเต็ปลงทุนสุขภาพกาย-ใจให้ปังรับปี 2569
GPP สูงกว่าอัตราเฉลี่ยประเทศ 62%
โดยจะเป็น Luxury Secondary Hospital ที่ผสมผสานโมเดลของ VitalLife เน้นการดูแลเชิงป้องกัน เข้ากับการรักษาพยาบาลของรพ.บำรุงราษฎร์ และจะเป็น Hub and Spoke Model หากผู้รับบริการที่ภูเก็ตมีความเจ็บป่วยซับซ้อนเป็นโรคยาก หรือต้องมีการผ่าตัดขั้นสูง ก็จะส่งต่อผู้ป่วยจากบำรุงราษฎร์ ภูเก็ต มายังบำรุงราษฎร์ กรุงเทพฯ
“การมีรพ.บำรุงราษฎร์ในภูเก็ตจะช่วยให้ผู้รับบริการในพื้นที่อันดามันฮับ ไม่ว่าจะเป็นสุราษฎร์ธานี พังงา ภูเก็ต หรือกระบี่ สามารถเข้าถึงโรงพยาบาลได้ง่ายขึ้น เนื่องจากปัจจุบันผู้ป่วยในโซนนี้ต้องใช้เวลาเดินทางมายังกรุงเทพฯ” ดร.อาทิรัตน์กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อธิบายปััจจัยที่นำมาพิจารณาประกอบการลงทุนในครั้งนี้ว่า เป็นเพราะภูเก็ตเป็นตลาดพรีเมียม(Premium Market) ที่มีทั้งกลุ่ม High Net Worth Individuals (HNWI) คนไทยที่เป็นคหบดี นักธุรกิจ และตระกูลใหญ่ดั้งเดิมในพื้นที่ โดยมีคนไทยที่อยู่ในภูเก็ตกว่า 400,000 คน และ ตลาดเอ็กซ์แพต( Expat ) หรือชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่จำนวนมาก ประมาณ 115,000 คน หรือคิดเป็น 27% ของจำนวนประชากรทั้งหมดในภูเก็ต กลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็น Expat Retire หรือนักลงทุนที่มาลงทุนในท้องถิ่น
“ศักยภาพทางเศรษฐกิจของภูเก็ตนั้นสูงมาก โดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมของจังหวัด (Growth Provincial Product: GPP) สูงถึง 395,000 บาทต่อคนต่อปี อัตรานี้สูงกว่าอัตราเฉลี่ยของประเทศไทยถึง 62% แสดงให้เห็นว่า ชาวภูเก็ต ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือ Expat มีกำลังซื้อและมีมาตรฐานการครองชีพที่สูงกว่าจังหวัดอื่นอย่างชัดเจน และเป็นตัวชี้วัดสำคัญศักยภาพของภูเก็ตยังรวมถึงการที่โรงเรียนนานาชาติถึง 13 แห่ง และการบูมของอสังหาริมทรัพย์ระดับบน เป็นปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจลงทุน”
Work Permit เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 31%
นอกจากนี้ ในช่วงปี 2015-2019 ยังพบว่าจำนวนคนต่างชาติที่มาขอใบอนุญาตทำงาน( Work Permit) ในภูเก็ตเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยปีละ 31% โดยเฉพาะในปี 2019 ที่สูงถึงกว่า 70,000 ใบ สะท้อนถึงเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต (Booming Economy) ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และการท่องเที่ยว และจนถึงเดือนก.ย.ที่ผ่านมา สนามบินนานาชาติภูเก็ตยังได้รองรับผู้โดยสารถึง 10 ล้านคน เป็นคนไทยและต่างชาติอย่างละ 50% แสดงว่าภูเก็ตเป็น “Gateway” ที่สำคัญและเป็นฮับสำหรับการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism)
“การลงทุนนี้ไม่ใช่แค่การเปิดโรงพยาบาลเท่านั้น แต่เป็นการสร้าง Ecosystem ที่สมบูรณ์แบบ เพื่อเติมเต็มช่องว่างที่สำคัญในภูมิภาคนี้ ทำให้ผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาโรคซับซ้อนสามารถเข้าถึงมาตรฐานการบริบาลทางการแพทย์ที่สูง โดยไม่ต้องเดินทางไปกรุงเทพฯ และเมื่อจะรวมพลังกับ VitalLife จะทำให้สามารถให้บริการ Wellness Service ได้อย่างครบวงจรอีกด้วย”
Ecosystem ฮับท่องเที่ยวเชิงการแพทย์
ทั้งนี้ ภาพรวมประชากรภูเก็ตมีประมาณ 422,021 คน ประชากรชาวต่างชาติ (Expat): 115,000 คน คิดเป็น 27% ของประชากรทั้งหมด ประชากรชาวไทย : 307,021 คน (73%) ซึ่งมีกำลังซื้อสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ GPP per Capita (ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัว): 395,915 บาท ชาวภูเก็ตทั้งไทยและต่างชาติมีกำลังซื้อและมาตรฐานการครองชีพที่สูงกว่าจังหวัดอื่นๆ
อย่างกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง (Hub for High-Net-Worth Individuals) ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งรวมถึงผู้เกษียณอายุที่มีความมั่งคั่ง (Wealthy Retirees) และนักลงทุน มีจำนวน HNWIs (ผู้มีทรัพย์สินสุทธิตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์ขึ้นไป) ราว 100,000 คนคาดว่าจะเติบโตถึง 124,000 คน ภายในปี 2571 หรือเติบโต 24% ซึ่งให้ความสำคัญกับ การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน (Preventive Healthcare) การแพทย์ระดับพรีเมียมเพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาว (Longevity Medicine)บริการสุขภาพที่เป็นส่วนตัวและครบวงจร (Personalized & Comprehensive Care)
ขานรับศักยภาพเศรษฐกิจภูเก็ตที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ยังพบว่าการเติบโตของแรงงานต่างชาติยังโตต่อเนื่อง โดยอัตราการเติบโตของใบอนุญาตทำงาน (Work Permits) ของชาวต่างชาติช่วงปี 2015-2019 สูงถึง 31% (CAGR) แสดงให้เห็นถึงการหลั่งไหลเข้ามาของผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
จากรายงาน Labour Market Review ของสำนักงานจัดหางานจังหวัดภูเก็ต (PPEO)ระบบ e-Work Permit ที่เริ่มดำเนินการเมื่อต.ค. 2568 พบว่ามีชาวต่างชาติที่ถือใบอนุญาตทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายกว่า 15,600 คน (ข้อมูล เม.ย. 2568) ซึ่งครอบคลุมมากกว่า 15 สัญชาติ โดยส่วนใหญ่ทำงานในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง เช่น อสังหาริมทรัพย์และโรงแรมระดับลักชัวรี โรงเรียนนานาชาติหรือสถาบันการศึกษาชั้นนำ และที่ปรึกษาธุรกิจ โดยใบสัญชาติที่มีจำนวนมากที่สุด : รัสเซีย (3,926 ใบ หรือ 25%) ในภาคอสังหาริมทรัพย์ (2,407), โรงแรม (1,538), ร้านอาหาร (1,461), การศึกษา (1,301)
“การมี Ecosystem ที่สมบูรณ์แบบ จะช่วยให้ผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาโรคซับซ้อนสามารถเข้าถึงมาตรฐานการบริบาลทางการแพทย์ที่สูง โดยไม่ต้องเดินทางไปกรุงเทพฯ และเมื่อรวมกับ VitalLife จะสามารถให้บริการWellness Service ได้อย่างครบวงจรตอบโจทย์การใช้ชีวิตระดับนานาชาติ (Fulfilling the Needs of an International Lifestyle Ecosystem)สำหรับทุกคนครอบคลุมทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ” ดร.อาทิรัตน์ กล่าว
ศูนย์กลางการแพทย์ตลาดพรีเมียมภาคใต้ตอนบน
ดร.อาทิรัตน์ อธิบายว่า บำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ภูเก็ต จะเป็นศูนย์กลางการแพทย์ให้ประชากรคุณภาพสูงกว่า 2.4 ล้านคนตลอดแนวชายฝั่งอันดามัน ในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ตอนบนที่มีกำลังซื้อสูง ได้แก่ ภูเก็ต, พังงา, กระบี่, และสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นตลาดพรีเมียมที่ยังขาดแคลนบริการสุขภาพระดับสากล การเดินทางจากจังหวัดใกล้เคียงมายังภูเก็ต เพื่อรับบริการทางการแพทย์นั้นสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องเดินทางไปกรุงเทพฯ (ใช้เวลาเดินทาง 12+ ชั่วโมง หรือเครื่องบิน 1.5 ชั่วโมง) ทำให้คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงการแพทย์ระดับโลกได้โดยไม่ต้องเดินทางไกล







