หนึ่งในมะเร็งที่กำลังได้รับความสนใจในปัจจุบันคือ “มะเร็งคอหอย” (Oropharyngeal Cancer หรือ OPC) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มมะเร็งศีรษะและคอ เพราะนอกจากอายุขัยแล้ว โรคนี้ยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก เพราะเกี่ยวข้องกับทั้งการกลืน การพูด การหายใจ การใช้ชีวิต และอาจทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันทั่วโลกพบอุบัติการณ์โรคนี้เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในเพศชาย พบมากกว่าผู้หญิงถึง 3–4 เท่า และในบางประเทศมีจำนวนผู้ป่วยมะเร็งคอหอยในผู้ชายสูงกว่ามะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงแล้ว สำหรับประเทศไทย มะเร็งศีรษะและคอรวมติด 1 ใน 5 อันดับแรกของมะเร็งที่พบบ่อยในผู้ชาย แม้ว่ามะเร็งคอหอย (OPC) ในผู้ชายจะยังพบไม่มากเมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดหลักอื่น โดยมีอุบัติการณ์มาตรฐานตามอายุ (ASR) 1.7 ต่อประชากรหนึ่งแสนคนต่อปี (ข้อมูลปี พ.ศ. 2563) แต่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
CAR-T Cell ‘Made in Thailand’ รักษามะเร็ง ลดมูลค่านำเข้าได้ 10 เท่า
5 สัญญาณเตือน ‘Mini Stroke‘ ก่อนเส้นเลือดสมองจะชัตดาวน์
มะเร็งคอหอยเกิดขึ้นที่ไหน?
ปัจจัยสำคัญที่เกี่ยวข้องคือเชื้อไวรัสฮิวแมนแพพิวโลมา (Human Papillomavirus, HPV) โดยทั่วโลกพบสัดส่วนของ HPV-related OPC ราวร้อยละ 42 ขณะที่ในเอเชีย ประเทศญี่ปุ่นมีสัดส่วนสูงถึงประมาณร้อยละ 52 สำหรับประเทศไทย แนวโน้มดังกล่าวก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จากร้อยละ 13 ในปี พ.ศ. 2551 เป็นร้อยละ 42 ในปี พ.ศ. 2562 – 2563 และคาดว่าจะเกินร้อยละ 50 ภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งหมายความว่าในอนาคตมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยมะเร็งคอหอยในไทยอาจเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ HPV การติดเชื้อ HPV ส่วนใหญ่สามารถหายได้เอง แต่การติดเชื้อแบบคงอยู่นาน อาจก่อให้เกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ HPV ได้
คอหอยเป็นบริเวณที่อยู่ด้านหลังช่องปาก เชื่อมต่อกับหลอดอาหารและหลอดลม ภายในประกอบด้วย ต่อมทอนซิล โคนลิ้น เพดานอ่อน และผนังคอหอยด้านหลัง บริเวณนี้มีเนื้อเยื่อน้ำเหลืองและร่องหลืบที่อาจกักเก็บสารก่อมะเร็งที่ผ่านเข้ามาไว้ได้ จนกระตุ้นกระบวนการอักเสบเรื้อรังและอาจทำให้เซลล์เปลี่ยนแปลงกลายเป็นมะเร็งได้ โดยมากกว่าร้อยละ 90 ของมะเร็งคอหอยเป็นมะเร็งชนิด squamous cell carcinoma
สัญญาณเตือนมะเร็งคอหอย
โรคมะเร็งคอหอยมีหลายปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ที่สำคัญคือ การสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ และจะยิ่งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น หากมีทั้งสองปัจจัยเสี่ยงร่วมในคนเดียวกัน นอกจากนี้ เชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ที่ก่อมะเร็งคือสายพันธุ์เสี่ยงสูง (high risk) โดยเฉพาะสายพันธุ์ HPV16 และ HPV18 ซึ่งพบได้บ่อยและติดต่อได้จากพฤติกรรมทางเพศ อาจทำให้เซลล์ในคอหอยแบ่งตัวผิดปกติและพัฒนาไปสู่การเกิดมะเร็งได้ กำลังเป็นสาเหตุสำคัญที่มีบทบาทสูงขึ้นเรื่อยๆ
สัญญาณเตือนของโรคที่ไม่ควรมองข้าม เช่น อาการเจ็บคอหรือกลืนลำบากต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ การเปลี่ยนแปลงของเสียง เช่น พูดไม่ชัด หรือมีเสียงอู้อี้ รวมถึงการหายใจลำบากหรือหยุดหายใจขณะนอนหลับ หากพบก้อนที่คอหรือต่อมน้ำเหลืองโต รวมถึงพบเลือดปนในน้ำลาย ก็ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัย
วินิจฉัยมะเร็งคอหอย
การวินิจฉัยมะเร็งคอหอยเริ่มจากการซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยแพทย์นอกจากการตรวจทั่วไปทางหูคอจมูกแล้ว แพทย์อาจส่องตรวจทางเดินหายใจส่วนบนด้วยกล้อง (Fiberoptic Laryngoscopy) เพื่อตรวจหาความผิดปกติ หากพบก้อนหรือรอยโรคจะต้องตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy) ส่งตรวจทางพยาธิวิทยาเพื่อตรวจยืนยัน โดยในปัจจุบันจะมีการตรวจหาโปรตีน p16 ในชิ้นเนื้อซึ่งแสดงถึงความเกี่ยวข้องของเชื้อ HPV ในการก่อมะเร็ง นอกจากนี้ การตรวจภาพถ่ายเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือการตรวจภาพถ่ายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) มีบทบาทสำคัญในการประเมินระยะของโรค ซึ่งการตรวจดังกล่าวข้างต้น อาจมีผลต่อการพยากรณ์โรคและการกำหนดแนวทางการรักษา
ฉีดวัคซีน HPV แนวทางป้องกันมะเร็งคอหอย
การป้องกันมะเร็งคอหอยสามารถทำได้ทั้งป้องกันปฐมภูมิและทุติยภูมิ โดยการป้องกันปฐมภูมิ เน้นลดปัจจัยเสี่ยง เช่น เลิกสูบบุหรี่ ลดการดื่มแอลกอฮอล์ และป้องกันพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ HPV ในช่องปาก
นอกจากนี้การป้องกันโดยการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV ยังเป็นอีกหนึ่งแนวทางการป้องกันมะเร็งคอหอย จากหลักฐานการสังเคราะห์งานวิจัยพบว่า การฉีดวัคซีนช่วยลดการติดเชื้อ HPV ในช่องปากลงได้ถึงร้อยละ 83 ขณะเดียวกัน จากการศึกษาในสหรัฐอเมริกา ติดตามประชากรชายที่ได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV พบมีอุบัติการณ์เกิดมะเร็งศีรษะและคอต่ำกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ฉีดถึงร้อยละ 56 การได้รับวัคซีนอย่างครอบคลุม จึงเป็นโอกาสที่จะช่วยลดการเกิด HPV-related OPC ลงได้
สำหรับ การป้องกันทุติยภูมิ แม้ว่าจะยังไม่มีแนวทางคัดกรองมาตรฐานสำหรับ OPC แต่การสังเกตรอยโรคในกลุ่มเสี่ยงหรือผู้ที่มีอาการตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ตรวจพบโรคได้ตั้งแต่ระยะต้นซึ่งมีโอกาสรักษาได้ผลดี
การรักษามะเร็งคอหอย
การรักษามะเร็งคอหอยขึ้นอยู่กับระยะของโรคและสุขภาพของผู้ป่วย โดยวิธีหลักประกอบด้วยการฉายรังสี (Radiotherapy) ซึ่งอาจใช้เดี่ยวๆ หรือใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัด (Chemotherapy) ในผู้ป่วยที่อยู่ในระยะลุกลาม สำหรับผู้ป่วยบางรายสามารถรักษาด้วยการผ่าตัด โดยปัจจุบันมีเทคโนโลยีการผ่าตัดผ่านทางช่องปากด้วยหุ่นยนต์ (Transoral Robotic Surgery – TORS) ที่ช่วยลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อภายนอกและมีความแม่นยำ นอกจากนี้ ยังมีการรักษาด้วยยาในกลุ่มภูมิคุ้มกันบำบัด ที่นำมาใช้ร่วม เช่น Anti-PD1 สำหรับผู้ป่วยระยะลุกลามหรือโรคกลับเป็นซ้ำ
มะเร็งคอหอยเป็นโรคที่ใกล้ตัวและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การสังเกตสัญญาณเตือนและเข้ารับการตรวจตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นกุญแจสำคัญต่อการรักษาที่ได้ผล ขณะเดียวกันการป้องกันด้วยวัคซีน HPV และการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างเหมาะสม อาจช่วยลดภาระของโรคในระยะยาว