'สะอึกไม่หาย' เรื้อรังเกิน 48 ชั่วโมง สัญญาณเตือน 3โรคร้าย

“การสะอึก” (hiccup) เป็นอาการที่ไม่สามารถหยุดสะอึกอย่างจงใจได้ทันที และหากสะอึกเป็นเวลานานอาจเสี่ยงโรคร้ายได้
KEY
POINTS
- อาการสะอึกเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อกะบังลมที่อยู่ตรงรอยต่อ ระหว่างช่องปอด และช่องท้องที่เกิดขึ้นเองได้
- การสะอึกไม่หายเกิน 48 ชั่วโมง เป็นสัญญาณเตือนของ 3 โรคที่ร้ายแรงได้แก่ โรคระบบประสาท,โรคระบบทางเดินหายใจ และ ปัญหาเกี่ยวกับไต
- วิธีการป้องกันการสะอึก สามารถทำได้ง่ายๆ โดย พยายามอย่ากินอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ,หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มอัดลม ,การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่ไม่คาดคิด
คงไม่มีใครที่ไม่เคยประสบกับ “การสะอึก” (hiccup) ซึ่งเป็นอาการที่ไม่สามารถหยุดสะอึกอย่างจงใจได้ทันที เพราะการสะอึก เป็นอาการที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อกระบังลมที่อยู่ตรงรอยต่อระหว่าง ช่องปอดและช่องท้องที่เกิดขึ้นเองโดยไม่สามารถควบคุมได้ ทำให้เกิดการหายใจเอาอากาศเข้าไปก่อน และจะหยุดหายใจเข้านั้น ทันทีทันใด เนื่องจากทางเข้าหลอดลมจะปิด ทำให้เสียงดังของการสะอึกเกิดขึ้นทุกครั้งไป
การสะอึกไม่หายเกิน 48 ชั่วโมง เป็นสัญญาณเตือนของโรคที่ร้ายแรงได้หลายโรค อาทิ โรคกรดไหลย้อน, โรคระบบประสาท (เช่น ภาวะเส้นเลือดสมองตีบ, เนื้องอก, เส้นโลหิตตีบหลายเส้น), โรคระบบทางเดินหายใจ (เช่น ปอดบวม, เยื่อหุ้มปอดอักเสบ) และ ปัญหาเกี่ยวกับไต, ตับ หรือ ตับอ่อน ดังนั้นหากสะอึกนานเกิน 2-3 วันและมีอาการอื่นร่วมด้วย (เช่น ปวดท้อง, ไข้, หายใจลำบาก, อาเจียน)ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
หมอยกเคส อาการสะอึกไม่หายอย่ามองข้าม สัญญาณโรคร้ายต้องระวัง
'บำรุงราษฎร์' เหนือกว่าการรักษา ก้าวสู่ 'บริการสุขภาพครบวงจร’
ร่างกายเกิดอาการ “สะอึก” ได้อย่างไร?
นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ (Bangkok Health Research Center: BHRC) กล่าวว่าอาการสะอึกเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อกะบังลมที่อยู่ตรงรอยต่อ ระหว่างช่องปอด และช่องท้องที่เกิดขึ้นเองได้โดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่คาดว่าเกิดจากมีสิ่งมากระตุ้นเส้นประสาท 2 เส้น คือ เส้นประสาทเวกัส vagus nerve และเส้นประสาทฟรีนิก phrenic nerve ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมระบบประสาทต่อกับระบบทางเดินอาหารส่วนต้น
โดยเสียงสะอึกที่เกิดขึ้นมาจากการหายใจออกขณะที่กะบังลมเกิดการกระตุกทันที ทันใด ทำให้เกิดเสียงดังของการสะอึกขึ้น อาการสะอึกอาจเกิดขึ้นเป็นช่วงสั้นๆ และหายไปได้เอง อาจใช้เวลาเป็นวินาทีหรือ 2-3 นาที ซึ่งอาจพบได้บ่อยๆ แต่ถ้าหากสะอึกอยู่นานๆ เป็นครั้งค่อนชั่วโมงหรือเป็นวันๆ อาจจะต้องหาสาเหตุว่ามาจากโรคของอวัยวะต่างๆ ควบคู่กันไปด้วย เช่น โรคเกี่ยวกับอวัยวะในช่องท้อง ในช่องปอด ในระบบสมองและประสาทส่วนกลาง เป็นต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสะอึกที่เกิดขึ้นในขณะนอนหลับจะมีความหมายมากกว่าการสะอึกในเวลากลางวัน
กลไกการสะอึก
1. ขณะที่หายใจเข้า กะบังลมที่อยู่ตอนล่างของช่องอกจะเคลื่อนลงล่าง ทำให้ปอดขยายตัว และดึงดูดให้อากาศเข้าปอด
2. กะบังลมเกิดการกระตุก ทำให้ลมหายใจตีกลับขึ้นข้างบน ขณะที่ลิ้นกล่องเสียงปิด ตัดกระแสลม ทำให้เกิดเสียงสะอึกขึ้น
3. ในที่สุดลิ้นกล่องเสียงเปิด กะบังลมคลายตัว และลมหายใจออกจากปอด
4. แม้ว่ากลไกการเกิดการสะอึก ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าอาการนี้อาจจะเป็นการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติชนิดหนึ่ง โดยศูนย์กลางของการสะอึกจะอยู่บริเวณก้านสมองบริเวณเมดัลลา แล้วเชื่อมระบบประสาทต่อกับระบบทางเดินอาหารส่วนต้นด้วยเส้นประสาทเวกัสและ เส้นประสาทฟรีนิก
ลักษณะอาการ 4 กลุ่มที่เช็กได้ด้วยตัวเอง
สำหรับลักษณะอาการอาจแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
1. อาการสะอึกช่วงสั้นๆ อาจเพียง 2-3 นาที
2. สะอึกหลายๆ วันติดกัน
3. สะอึกติดๆ กันหลายสัปดาห์
4. สะอึกตลอดเวลา
การสะอึกติดต่อกันหลายๆ วัน เป็นอาการที่ไม่ธรรมดา เนื่องจากมีสาเหตุมาจากโรคอื่นๆ เช่นความผิดปกติทางสมองการเป็นอัมพาตการเป็นโรคทางเดินอาหาร การอักเสบในช่องท้องบริเวณกะบังลม โรคหลอดเลือดสมองตีบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบพิษสุราเรื้อรัง รวมถึงอาการทางภาวะจิตใจ และผลกระทบจากการใช้ยาบางชนิด
ส่วนมากผู้ป่วยที่มาหาพบแพทย์ด้วยการสะอึกเป็นระยะเวลานานติดต่อ กัน เนื่องมาจากมีอาการผิดปกติทางสมอง หรือเป็นอัมพาต ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถให้ยาที่ช่วยบรรเทาอาการสะอึกได้ แต่ก็อาจมีการสะอึกเกิดขึ้นมาอีก เพราะอาการสะอึกเป็นเพราะต่อเนื่องที่เกิดจากการเจ็บป่วย
- เส้นประสาทเวกัส vagus nerve
เส้นประสาทเวกัส หรือเส้นประสาทสมองเส้นที่ 10 เลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนใหญ่ของกล่องเสียง และคอหอย ให้เส้นประสาทพาราซิมพาเทติกไปยังอวัยวะในช่องอก และช่องท้องเกือบทั้งหมดไปจนถึงส่วนโค้งของลำไส้ใหญ่ใต้ม้าม และรับความรู้สึกพิเศษเกี่ยวกับรสชาติจากฝาปิดกล่องเสียง หน้าที่หลัก คือ ควบคุมกล้ามเนื้อในการออกเสียง อาการหากเส้นประสาทนี้เสียไป คือ การกลืนลำบาก เส้นประสาทเวกัสส่วนใหญ่เป็นประสาทพาราซิมพาเธติค เลี้ยงกล้ามเนื้อเรียบของหลอดอาหาร กระเพาะ อาหาร ลำไส้ จนถึงส่วนทอดขวางของลำไส้ใหญ่ ตับอ่อน หัวใจ ปอด รวมทั้ง ต่อมต่างๆ ของทางเดินลำไส้ใหญ่ด้วย และมีประสาทรับความรู้สึกรับความรู้สึกจากอวัยวะต่างๆ เหล่านี้ด้วย
- เส้นประสาทฟรีนิก phrenic nerve
กล้ามเนื้อกระบังลมเป็นส่วนที่แยกช่องอกออกจากช่องท้อง เส้นประสาทที่เลี้ยงมาจากไขสันหลังระดับ C3-C5 ซึ่งรวมกันเรียกว่าเส้นประสาทฟรีนิก การหดตัวของเส้นใยกล้ามเนื้อกระบังลม ทำให้ส่วนโดมของกระบังลมถูกดึงลงมา และกระดูกซี่โครงเคลื่อนขึ้นและขยายตัวออก ทำให้เพิ่มปริมาตรของช่องทรวงอก กล้ามเนื้อกระบังลมถือเป็นกล้ามเนื้อหลักสำหรับการหายใจ
สาเหตุของอาการสะอึก
1. เชื่อว่าเกิดจากการรับประทานอาหารมากเกิน เร็วเกินไป
บางคนอาจจะมีความตึงเครียดมากไป บางคนอาจเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มประเภทมีแอลกอฮอล์ในกระเพาะอาหาร หรือสูบบุหรี่มากเกินไป นอกจากนี้การบริโภคอาหารที่ทำให้มีก๊าซมากก็อาจเป็นสาเหตุของการสะอึกได้
2. การสะอึกอาจเกิดจากมีอะไรไปรบกวนประสาทที่ควบคุมการทำงานของกะบังลม ลมในกระเพาะอาหารขยายตัวไปกระตุ้นปลายประสาทที่มาเลี้ยวกะบังลม หรืออวัยวะใกล้กะบังลมเป็นโรคบางอย่าง เช่น เยื่อหุ้มปอดอักเสบ
มูลเหตุเหล่านี้ทำให้ กะบังลมหดตัวอย่างรุนแรงทันทีทันใด การบีบรัดตัวของกะบังลมทำให้แผ่นเหนือกล่องเสียงที่คอหอยซึ่งปกติคอยกั้นไม่ ให้อาหารเข้าไปในหลอดลมปิดลง เมื่อกะบังลมหดอย่างรุนแรงก็จะดึงอากาศเข้าสู่ปอดผ่านคอหอย อากาศจึงกระทบกับแผ่นปิด แล้วทำให้สายเสียงสั่นสะเทือน จึงเกิดเสียงสะอึก อย่างที่ได้ยินเวลาสะอึก
3. อาการสะอึกเกิดได้กับคนทุกคน
สาเหตุเป็นเพราะกระเพาะอาหารเกิดการระคายเคือง จึงได้ไปกระคุ้นให้เส้นประสาทในบริเวณนี้ทำงานผิดปกติ ชักนำให้กล้ามเนื้อกะบังลม กล้ามเนื้อที่กั้นกลางระหว่างช่องอกกับช่องท้อง มีการหดเกร็งตัวเป็นจังหวะๆ และกล้ามเนื้อซี่โครงก็ได้รับผลกระเทือนให้เกิดจากหดเกร็งตัวในลักษณะเดียว กัน อย่างไรก็ตาม สาเหตุก็ไม่จำเป็นต้องเกิดจากการระคายเคืองที่กระเพาะอาหารเสมอไป บางครั้งก็อาจก่อตัวที่ศูนย์การสะอึกที่อยู่ในสมองที่บังคับควบคุมให้เกิด การเคลื่อนไหวผิดปกติของกะบังลม จนเกิดเป็นอาการสะอึก
4. นอกจากนี้ยังอาจมีสาเหตุจากความผิดปกติในบริเวณคอ และหน้าอก
เช่น ก้อนเนื้องอก ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นต้น หรือเกิดจากโรคในช่องท้อง เช่น เยื่อบุช่องท้องอักเสบ ไตวาย หรือภายหลังการผ่าตัดช่องท้อง เป็นต้น หรือบางครั้งก็อาจเกิดจากสาเหตุทางด้านอารมณ์ เช่น ความรู้สึกช็อก ความเครียดเรื้อรัง เป็นต้น
5. สาเหตุอาจเกิดจากยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะกลุ่ม beta-lactams, macrolides, fluoroquinolone หรือแอลกอฮอล์
บ่อยครั้งไม่มีสาเหตุที่ชัดเจนสำหรับอาการสะอึก สาเหตุทั่วไปที่ทราบกันดีของอาการสะอึก ได้แก่:
• รับประทานอาหารเร็วเกินไปและกลืนอากาศเข้าไปพร้อมกับอาหาร
• การรับประทานอาหารมันๆ หรืออาหารร้อนมากเกินไป หรือดื่มเครื่องดื่มหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเกินไป อาจทำให้ท้องอืดและระคายเคืองจนเกิดอาการสะอึกได้
• โรคใดๆ ที่ทำให้เส้นประสาทที่ควบคุมกระเพาะอาหารแย่ลง เช่น ปัญหาตับหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับตับ โรคปอดบวมหรือปัญหาปอดอื่น ๆ
• การผ่าตัดกระเพาะอาหารอาจทำให้เส้นประสาทที่ควบคุมกะบังลมรุนแรงขึ้น ทำให้เกิดอาการสะอึกได้
โรคหลอดเลือดสมองหรือเนื้องอกในสมอง
ปัญหาทางคลินิกที่กำลังดำเนินอยู่ (เช่น ปัญหาไต) ยังถือเป็นสาเหตุของอาการสะอึกอีกด้วย
• ไอระเหยที่เป็นอันตรายก็สามารถทำให้เกิดอาการสะอึกได้เช่นกัน
• การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่ไม่คาดคิด
• ความกลัวหรือ ความกังวล
ยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์บางชนิดอาจทำให้เกิดอาการสะอึก ได้แก่
• ยาสำหรับ อิจฉาริษยา
• เบนโซไดอะซีพีนส่วนใหญ่ ได้แก่ อัลปราโซแลม ไดอะซีแพม และโลราซีแพม
• นิโคติน เลโวโดปา และออนแดนเซตรอน
สาเหตุของอาการสะอึกเรื้อรังคือความระคายเคืองของเส้นประสาทเวกัสหรือเส้นประสาทกะบังลม เส้นประสาทเหล่านี้ทำหน้าที่ส่งเลือดไปยังกล้ามเนื้อกะบังลม ส่วนประกอบที่อาจก่อให้เกิดอันตรายหรือรบกวน ได้แก่:
• มีเส้นผมหรืออะไรบางอย่างอยู่ในหูสัมผัสกับเยื่อแก้วหูของคุณ
• ซีสต์ เนื้องอก หรือคอพอกในคอของคุณ
• เจ็บคอ หรือกล่องเสียงอักเสบ
• กรดไหลย้อน
ปัญหาของระบบประสาทส่วนกลาง
เนื้องอกในระบบประสาทส่วนกลางหรือการบาดเจ็บอาจรบกวนการควบคุมปฏิกิริยาสะอึกของร่างกายได้ ตัวอย่างของปัญหาเหล่านี้ ได้แก่:
• สมองอักเสบ
• หลายเส้นโลหิตตีบ
• ลากเส้น หรือโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
• เนื้องอก
• ปัญหาการเผาผลาญ
อาการสะอึกระยะไกลอาจเกิดจาก
• การดื่มสุราเกินขนาด
• การสงบสติอารมณ์
•โรคเบาหวาน
• ความผิดปกติของอิเล็กโทรไลต์
• ปัญหาไต
• สเตียรอยด์
ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
อาการสะอึกอาจเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงของชีวิต อาจเกิดขึ้นได้แม้ในขณะที่ตัวอ่อนยังอยู่ในท้องของแม่ อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยบางประการที่สามารถเพิ่มโอกาสในการเกิดอาการสะอึกได้
- การค้นหาสาเหตุ
1. ในการค้นหาสาเหตุของการสะอึกเป็นเวลานานๆ แพทย์อาจต้องตรวจระบบทางเดินอาหารว่ามีการอักเสบของหลอดอาหารที่เกิดจากการ ย้อนกลับของน้ำย่อยอาหารที่มาจากกระเพาะอาหารหรือไม่ หรืออาจเกิดจากกระเพาะลำไส้อุดตัน ลำไส้โป่งพอง เยื่อบุช่องท้องอักเสบ
2. ต้องตรวจความผิดปกติในลำคอ ในหู ในจมูก
3. ตรวจระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่รบกวนต่อเส้นประสาทเวกัส เส้นประสาทฟรีนิก หรือกระบังลม เช่น การกลืนอาหารอย่างรีบร้อน อาหารติดคอ ปอดอักเสบ
4. ตรวจระบบสมองและประสาท โรคทางระบบประสาทที่มีรอยโรคบริเวณก้านสมอง เช่น หลอดเลือดสมองตีบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ พิษสุราเรื้อรัง รวมทั้งภาวะทางจิตใจ เช่น เครียด หรืออาการแสร้งทำ ซึ่งพบบ่อยในผู้หญิง จากสาเหตุทางจิตใจมากกว่าร้อยละ 90
เมื่อไปพบแพทย์รักษาอาการสะอึก
เนื่องจากอาการสะอึกมักไม่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ดังนั้นคุณจึงควรรอและดูว่าอาการจะหายไปเองหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่อาจเกี่ยวข้องกับการรักษาอาการสะอึก ได้แก่ แพทย์หู คอ จมูก แพทย์ระบบทางเดินอาหาร ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท แพทย์โรคปอด หรือแพทย์ทั่วไป
บุคคลนั้นจะต้องพบแพทย์หากอาการสะอึกเป็นปัญหาเรื้อรังหรือในกรณีที่ส่งผลต่อรูปแบบการนอนหลับ ขัดขวางการรับประทานอาหาร หรือทำให้อาหารไหลย้อนหรืออาเจียน หากอาการสะอึกยังคงดำเนินต่อไปนานกว่า 3 ชั่วโมง โดยมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ปวดใต้ผิวหนังเพราะด้ายแน่นหรือหย่อนเกินไปมีอาการไอ จาม อาเจียนเป็นเลือด หรือรู้สึกเหมือนคอตีบ ผู้ป่วยควรได้รับความช่วยเหลือทางคลินิก
แนวทางการรักษาอาการสะอึก
1. ในแง่ของการรักษาอาการสะอึกนั้น ถ้าสะอึกเป็นเวลาสั้นๆ ไม่นานแต่เป็นหลายครั้ง ท่านอาจต้องสังเกตกิจวัตรประจำวัน การรับประทานอาหารดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรือการสูบบุหรี่ว่ามีความ สัมพันธ์กับการสะอึกหรือไม่ ถ้าสัมพันธ์กัน ท่านก็ควรที่จะปรับปรุงสิ่งเหล่านั้น หากสะอึกอยู่เป็นเวลานานๆ ท่านควรไปพบแพทย์จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
2. สำหรับเทคนิคการหยุดอาการสะอึกมีหลายแบบ ล้วนแล้วแต่มีบันทึกไว้ในตำราทางการแพทย์ ซึ่งไม่มีความแน่ชัดในการหวังผลจากการรักษาด้วยวิธีต่างๆ
3. ถ้าไม่ดีขึ้น อาจจะต้องพบแพทย์เพื่อใช้ยาบางตัวช่วย เช่น Lagactil, Baclofen หรือกลุ่มยาช่วยย่อย เช่น Cisapride, Omperazole เป็นต้น
4. ถ้าใช้ยาแล้วยังไม่ดีขึ้น อาจจะต้องพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุโรคอย่างอื่นร่วมด้วย แล้วแก้ไขตามสาเหตุ หรือทำการผ่าตัดทางศัลยกรรมประสาท
5. การฝังเข็ม การสวดมนต์ทำสมาธิ การใส่สายเข้าไปในกระเพาะอาหารเพื่อดูดเอาลม และน้ำย่อยออก
6. ในการแก้ไขจะต้องค้นให้พบสาเหตุของการสะอึกเสียก่อน ถ้ามีโรคที่ซ่อนเร้นอยู่ แพทย์ก็จะให้การรักษาเพื่อแก้ไขอาการสะอึกควบคู่กับการแก้ไขโรคที่เป็นต้น เหตุ ในกรณีที่ไม่มีสาเหตุชัดเจน ก็มักจะเกิดจากความผิดปกติในกระเพาะอาหาร เช่น การกินอิ่มเกินไป การกินอาหารเผ็ดจัด การดื่มเหล้า การกินอาหารที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด ก็อาจชักนำให้เกิดอาการสะอึกได้
7. ถ้าทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด สาเหตุหนึ่งดังกล่าว แล้วหาทางหลีกเลี่ยงเสีย ก็จะช่วยป้องกันมิให้เกิดอาการกำเริบขึ้นได้อีก แต่ถ้าหากอาการสะอึกเป็นอยู่นาน จนทำให้รู้สึกเหนื่อยอ่อนและตึงเครียด ก็ควรจะไปปรึกษาแพทย์
เทคนิคหยุดสะอึก
1. ใช้นิ้วโป้ง และนิ้วชี้จับลิ้นเอาไว้แล้วดึงออกมาข้างหน้าแรงๆ เพื่อช่วยเปิดหลอดลมที่ปิดอยู่ วิธีกระตุ้นผิวด้านหลังของลำคอ แถวๆ บริเวณที่เปิดปิดหลอดลม อาจใช้ด้ามช้อนเขี่ยที่ปิดเปิดหลอดลม
2. กลั้นหายใจเอาไว้โดยการนับ 1-10 แล้วหายใจออก จากนั้นดื่มน้ำตามทันที หรือหายใจลึกๆ กลั้นหายใจ หายใจในถุงกระดาษ 3-5 นาที
3. กลั้วน้ำในลำคอ จิบน้ำเย็นจัด ดื่มน้ำเย็นจัดช้าๆ โดยดื่มตลอดเวลา และกลืนติดๆ กัน ไปเรื่อยๆ จนกว่าอาการสะอึกหาย หรือจนกลั้นหายใจไม่ได้ ดื่มน้ำจากขอบแก้วที่อยู่ด้านนอกหรือด้านไกลจากริมฝีปาก
4. เขี่ยภายในรูจมูกให้จาม
5. กลืนน้ำตาลทราย 1-2 ช้อนโต๊ะ โดยไม่ต้องใช้น้ำ หรือ กลืนก้อนข้าว ก้อนขนมปัง ก้อนน้ำแข็งเล็กๆ
6. ทำให้เกิดอารมณ์รุนแรง เช่น โกรธ ตื่นเต้น หรือกลัว
7. จิบน้ำส้มสายชูที่เปรี้ยวจัด หรือดมสารที่มีกลิ่นฉุน เช่น แอมโมเนีย
8. ถ้าเป็นเด็กอ่อนควรอุ้มพาดบ่าใช้มือลูบหลังเบาๆ ให้เรอ
กลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะสะอึกมากขึ้น
• เป็นเพศชาย
• มีปฏิกิริยาทางจิตใจหรืออารมณ์ที่รุนแรง ตั้งแต่ความกังวลไปจนถึงความตื่นเต้น
• ได้รับยาระงับประสาททั่วไป (คุณถูกให้หลับในระหว่างขั้นตอนทางการแพทย์ เช่น การผ่าตัด)
• มีขั้นตอนทางการแพทย์โดยเฉพาะการผ่าตัดกระเพาะอาหาร
ภาวะแทรกซ้อนจากอาการสะอึก
อาการสะอึกเป็นเวลานานอาจสร้างความอึดอัดใจและอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณได้ หากไม่ได้รับการรักษา อาการสะอึกที่เกิดขึ้นเป็นเวลานานอาจทำให้คุณนอนไม่หลับและรับประทานอาหารได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้เกิดอาการดังต่อไปนี้:
• ความกระสับกระส่าย
• ความเหนื่อยล้าอย่างมาก
• ภาวะทุพโภชนาการ
• ลดน้ำหนัก
• การคายน้ำ
การป้องกันอาการสะอึก
ไม่มีกลยุทธ์ที่พิสูจน์แล้วในการป้องกันอาการสะอึก หากคุณมีอาการสะอึกบ่อยกว่าปกติ คุณสามารถพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นได้
มาตรการป้องกันต่อไปนี้อาจช่วยได้:
• พยายามอย่ากินอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
• หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มอัดลม
• ปกป้องตัวเองจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิที่ไม่คาดคิด
• อยู่ให้เย็น และพยายามหลีกเลี่ยงการตอบสนองทางร่างกายหรืออารมณ์ที่รุนแรง
อ้างอิง: ศูนย์วิจัยสุขภาพกรุงเทพ (Bangkok Health Research Center: BHRC),ห้องสมุดสุขภาพ Apollo Hospitals







