ดูแลสุขภาพ ฮีลใจ 'คุณพ่อ' ให้แข็งแรง สิ่งที่ทุกคนทำได้ง่ายๆ

"การดูแลพ่อแม่" เป็นหน้าที่ของลูกทุกคน และมองว่าเป็นเรื่อง "ความรัก" และ "ความกตัญญู" ที่มีต่อผู้มีพระคุณ
KEY
POINTS
- โครงสร้างประชากรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ครอบครัวพ่อเลี้ยงเดี่ยว แม่เลี้ยงเดี่ยว มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
- เมื่ออายุมากขึ้น พ่อแม่มีความเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกาย สมอง อารมณ์ และจิตใจ ในวัยสูงอายุมักจะมีโรคที่พบได้บ่อย เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจขาดเลือด โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน มะเร็ง และภาวะสมองเสื่อม
- ลูกๆสังเกตการเปลี่ยนแปลงของพ่อแม่ พาไปตรวจสุขภาพประจำปี ดูแลเรื่องอาหารการกิน การนอนหลับ ปรับบ้านให้เหมาะสม และดูแลสมอง จิตใจของพ่อแม่
"การดูแลพ่อแม่" เป็นหน้าที่ของลูกทุกคน และมองว่าเป็นเรื่อง "ความรัก" และ "ความกตัญญู" ที่มีต่อผู้มีพระคุณ ซึ่งปัจจุบันโครงสร้างประชากรแตกต่างไปจากเดิม "ครอบครัวเดี่ยว" "พ่อเลี้ยงเดี่ยว" "แม่เลี้ยงเดี่ยว" มีมากขึ้น
จากการคาดประมาณสัดส่วนประชากรในครัวเรือนประเภทต่าง ๆ พ.ศ.2563-2583 พบว่าครอบครัวไทยมีแนวโน้มที่มีความเปราะบางเพิ่มขึ้น ในประชากรวัยเด็กพบว่า ครัวเรือนพ่อแม่และลูกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจากร้อยละ 45.5 ในปี 2548 เป็นร้อยละ 35.2 ในปี 2562 และในอีก 20 ปีข้างหน้าครัวเรือนพ่อแม่และลูกมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 31 ซึ่งแนวโน้มการลดลงได้รับอิทธิพลจากภาวะเจริญพันธุ์ระดับต่ำ อายุเฉลี่ยแรกสมรสยาวนานมากขึ้น และการตัดสินใจที่ไม่มีบุตร
นอกจากนี้ยังพบว่าครัวเรือนข้ามรุ่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 8.9 ในปี 2548 เป็นร้อยละ 13.7 ในปี 2562 และในอีก 20 ปีข้างหน้าเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 15 ในปี 2583
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'โรคอ้วน' เสี่ยง 'สมองแก่ก่อนวัย' ดูแลสมอง ไม่ใช่เรื่องของคนแก่
ครัวเรือนพ่อเลี้ยงเดี่ยว -แม่เลี้ยงเดี่ยวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
สำหรับประชากรวัยแรงงาน มีรูปแบบการอยู่อาศัยที่น่าจับตามอง 2 ประเภทที่จะส่งผลต่อความเป็นอยู่ของครอบครัวในอนาคต คือ
(1) การที่ครัวเรือนคนเดียวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.4 ในปี 2533 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 8.1 ในปี 2563 และจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณร้อยละ 13.6 ในอีก 20 ปีข้างหน้า
(2) การที่ครัวเรือนพ่อ-แม่-ลูกมีแนวโน้มลดลง จากประมาณร้อยละ 53 ในปี 2533 เหลือประมาณร้อยละ 32 ในปี 2563 และร้อยละ 21 ในอีก 20 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ยังพบว่า ครัวเรือนสามี-ภรรยา (ไม่มีลูก) มีแนวโน้เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.5 ในปี 2533 เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 14.1 ในปี 2563 และในอีก 20 ปี ข้างหน้าจะมีครัวเรือนคนเดียวประมาณร้อยละ 15.0 ในปี 2583
ขณะที่ผู้สูงอายุที่อยู่ในครัวเรือนสามรุ่นมีแนวโน้มที่จะลดลงจากร้อยละ 34 ในปี 2554 เป็นร้อยละ 28 ในปี 2560 และเหลือเพียงร้อยละ 22 ในปี 2583 หากนับเฉพาะครัวเรือนที่ลูกไม่ได้อยู่กับพ่อแม่พร้อมหน้ากัน
ไม่ว่าจะเป็นครัวเรือนพ่อเลี้ยงเดี่ยว ครัวเรือนแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือครัวเรือนข้ามรุ่น พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยครัวเรือนพ่อเลี้ยงเดี่ยวและแม่เลี้ยงเดี่ยวเพิ่มจากประมาณร้อยละ 9 ในปี 2533 มาเป็นประมาณร้อยละ 10.6 ในปี 2563 และร้อยละ 11.2
ในปี 2583 ส่วนครัวเรือนข้ามรุ่นเพิ่มจากร้อยละ 1.1 ในปี 2533 มาเป็นร้อยละ 4.9 ในปี 2563 และร้อยละ 7.7 ในปี 2583 สิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างมากคือการที่สังคมไทยจะมีเด็กราว 2.3 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 21.8 ของเด็กทั้งหมดอยู่ในครัวเรือนที่ไม่พร้อมหน้านี้ ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมากต่อทั้งภาวะความขัดสนในแง่ต่าง ๆ ของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจ พัฒนาการทางร่างกาย จิตใจ และสังคม
ดูแลเอาใจใส่พ่อแม่สูงอายุครบทุกด้าน
รศ.พญ.ภาพันธ์ ไทยพิสุทธิกุล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี อธิบายว่า การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพ่อแม่สูงวัยทุกวัน คนเป็นลูกอาจรู้สึกเคยชินจนไม่ทันสังเกตความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่สะท้อนถึงปัญหาสุขภาพก็เป็นได้
พ่อแม่มีความเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกาย สมอง อารมณ์ และจิตใจ ในวัยสูงอายุมักจะมีโรคที่พบได้บ่อย เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจขาดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคข้อเสื่อม โรคกระดูกพรุน โรคมะเร็ง โรคซึมเศร้า และภาวะสมองเสื่อม
การพบปัญหาสุขภาพตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่วยให้เราทราบว่าจะต้องเอาใจใส่พ่อแม่ในเรื่องใดเป็นพิเศษบ้าง หรือปัญหาสุขภาพใดมีความจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ก็จะไดัรับการรักษาทันท่วงที เพื่อให้ท่านสามารถมีอายุยืนยาวอย่างมีสุขภาพดี มีความสุข และมีความภูมิใจในตัวเองที่สามารถใช้ชีวตอยู่อย่างมีอิสระ สามารถพึ่งพาตนเองได้ไม่เป็นภาระลูกหลาน
เมื่อสังเกตพ่อแม่วัยสูงอายุ อาจพบว่ามีความเปลี่ยนแปลงหลายประการดังนี้
1. ความเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย
- การมองเห็น เช่น มองเห็นไม่ชัดเจนเหมือนก่อน สายตาเปลี่ยน อาจมีโรคเกี่ยวกับดวงตา
- การได้ยิน ต้องพูดคุยด้วยเสียงดังถึงจะได้ยิน เปิดโทรทัศน์หรือวิทยุเสียงดังขึ้น
- การได้กลิ่น ไม่รับรู้กลิ่นของสิ่งต่าง ๆ เหมือนเดิม อาจไม่ได้กลิ่นอาหารบูดเสีย กลิ่นแก๊สรั่ว เป็นต้น
- การรับรู้รสชาติ รับประทานอาหารรสจัดขึ้น อาจบอกว่าอาหารจานนั้นจืดทั้ง ๆ ที่รสจัดแล้ว ผู้สูงอายุหลายท่านชอบกินหวานขึ้นมาก บางท่านรู้สึกเบื่ออาหาร
- การรับรู้ทางการสัมผัส ผู้สูงอายุหลายท่านหนาวง่ายขึ้น ส่วนความรู้สึกร้อนเย็นเมื่อสัมผัสกับสิ่งของลดน้อยลงไป อาจจับของร้อนจัดแต่ยังไม่รู้สึกร้อนแต่มือพองไปแล้ว
- การเคลื่อนไหวและการทรงตัว เช่น เคลื่อนไหวช้าลง หกล้มง่าย
- อาการเจ็บปวดต่าง ๆ ตามร่างกาย ปวดศีรษะ คอ หลัง แขน ขา ข้อเข่า เป็นต้น
- สุขภาพปากและฟัน เช่น มีฟันผุหรือไม่ เหลือฟันใช้งานกี่ซี่ มีแผลหรือความผิดปกติภายในปากหรือไม่
- การย่อยอาหาร เช่น มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือรับประทานอาหารบางอย่างแล้วมีผลต่อการย่อย
- การขับถ่าย เช่น ท้องผูก เข้าห้องน้ำบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่ได้
- นอนหลับไม่สนิทหรือนอนไม่พอ
- น้ำหนักลดหรือเพิ่ม
- กล้ามเนื้อที่เคยมีลดลง หรือมีไขมันเพิ่มมากขึ้น
- เหนื่อยง่าย
- เวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม
- เจ็บป่วยบ่อย
2. ความเปลี่ยนแปลงทางสมองและความจำ
- หลงลืมบ่อย ลืมในเรื่องที่ไม่ควรลืม หรือเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน
- นึกคำพูดไม่ออก เรียกชื่อสิ่งของไม่ถูก ลืมวิธีใช้สิ่งของที่เคยใช้เป็นประจำ
- หลงทางในที่คุ้นเคย
- ละเลยการดูแลตัวเอง ไม่อาบน้ำสระผม
- คิดหรือทำอะไรแปลก ๆ เช่น ซ่อนของ นำของวางไว้ในที่ ๆ ไม่ควรอยู่
- ความเปลี่ยนแปลงข้างต้นอาจมีโอกาสเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม
- มือสั่น ร่างกายแข็งเกร็ง เคลื่อนไหวลำบาก อาจเสี่ยงต่อโรคพาร์กินสัน
3. ความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจและอารมณ์- เหงา
- เศร้าโศกเสียใจง่าย
- วิตกกังวล
- มีความเครียด
- ไม่อยากพบใคร
- ไม่อยากทำอะไร
- ละเลยการดูแลตัวเอง
- ละเลยการดูแลบ้าน ไม่ทำความสะอาด สะสมของจนบ้านรก
คำแนะนำในการดูแลพ่อแม่ในวัยสูงอายุ
1. เมื่อสังเกตความเปลี่ยนแปลง อาจจดบันทึกเพื่อติดตามดูความเปลี่ยนแปลง ข้อมูลที่บันทึกเป็นประโยชน์ต่อการดูแลและเมื่อต้องพบแพทย์
2. หมั่นสังเกตดูว่าพ่อแม่สูงอายุดูแลตัวเองในด้านต่าง ๆ ได้มากน้อยแค่ไหน การดูแลทำงานบ้าน การทำอาหาร การเดินทาง การดูแลเรื่องเงิน การซื้อของ การรักษาความสะอาดตนเอง การแต่งตัว การกินยา และกิจกรรมอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน หากความสามารถเหล่านี้ลดลงอาจสะท้อนถึงปัญหาสุขภาพบางอย่างก็เป็นได้
3. พาไปตรวจสุขภาพประจำปี หากพบโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ จะรักษาได้ง่ายกว่า บางโรคเมื่อเป็นแล้วอาจไม่แสดงอาการ ก็จะรักษาได้ทันท่วงที หรือถ้าหากตรวจพบว่ามีโอกาสเสี่ยงเป็นโรค แพทย์สามารถให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม ลดโอกาสในการเกิดโรค
4. ดูแลอาหารการกิน
- จัดเตรียมอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในปริมาณเหมาะสม ให้ได้ครบทั้งห้าหมู่ ไขมันน้อย หวานน้อย เค็มน้อย เคี้ยวง่าย และย่อยง่าย
- พ่อแม่สูงอายุที่ดูแลเรื่องอาหารเองหรือยังทำอาหารเอง ลูก ๆ อาจซื้อวัตถุดิบที่เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพเตรียมไว้ให้ หาอุปกรณ์ทำอาหารที่ใช้งานสะดวก เช่น ถ้าปรุงอาหารรับประทานคนเดียว จัดหาอุปกรณ์ทำครัวขนาดเล็กเหมาะกับการปรุงอาหารสำหรับคนเดียว หรือหาเมนูทำอาหารง่าย ๆ ดีต่อสุขภาพไว้ให้ จะได้ไม่เบื่ออาหาร พวกเครื่องเทศสมุนไพรมีกลิ่นรสช่วยปรุงแต่งให้อาหารน่ารับประทานขึ้น
- แนะนำการอ่านฉลาก เมื่อทราบปริมาณสารอาหารบนฉลาก ผู้สูงอายุสามารถหลีกเลี่ยงการบริโภคสารอาหาร เช่น โซเดียม น้ำตาล ไขมัน หรือสารปรุงแต่งต่าง ๆ เกินความจำเป็น ซึ่งการบริโภคเกินมีโอกาสส่งผลเสียต่อสุขภาพ
- ผู้สูงอายุบางท่านนิยมใช้สมุนไพรหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เนื่องจากการใช้ผลิตภัณฑ์เป็นเวลานาน หรือการใช้ร่วมกับยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ หรือเกิดอันตรายได้
- ดูแลให้ได้ดื่มน้ำพอเพียงวันละ 6-8 แก้ว โดยจิบทีละน้อยตลอดวันแทนการดื่มคราวละมาก ๆ หากมีโรคบางอย่างเช่น โรคไต หรือโรคหัวใจ ต้องจำกัดการดื่มน้ำ จึงควรดื่มในปริมาณที่แพทย์แนะนำ
5. ดูแลความแข็งแรงของร่างกาย
- การออกกำลังกายช่วยสร้างความแข็งแรงรวมทั้งพลังกายและใจให้ผู้สูงอายุ ช่วยให้กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรง ช่วยการทำงานของปอด หัวใจ และอวัยวะส่วนอื่น ๆ ช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น ลดโอกาสเสี่ยงซึมเศร้า สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี
- แนะนำการออกกำลังกายที่ไม่หนักหน่วงเกินไป เหมาะกับวัย เช่น โยคะ ไทชิ ว่ายน้ำ เดิน อาจปรึกษาแพทย์ก่อนออกกำลังกาย
- มีกิจกรรมประจำวัน เช่น ทำงานบ้าน ทำสวน เดินซื้อของ ท่องเที่ยว เป็นต้น
6. ดูแลให้นอนหลับอย่างพอเพียง
- แนะนำให้งดใช้โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ หรือดูโทรทัศน์ใกล้เวลานอน และใช้เตียงสำหรับนอนเท่านั้น
- ให้เข้านอนและตื่นนอนเวลาเดียวกันทุกวัน
- หากิจกรรมให้ทำระหว่างวัน หากงีบหลับไม่ควรเกิน 30 นาที และควรงีบก่อนเวลา 15.00 น.
- เลี่ยงการดื่มคาเฟอีน ชา กาแฟ ในช่วงบายหรือเย็น
- ตรวจดูสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการนอน ควรเงียบ ไม่มีแสงสว่างรบกวน อุณภูมิพอเหมาะที่ผู้สูงอายุรู้สึกผ่อนคลายหลับง่าย ที่นอนไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป
- หาสาเหตุนอนไม่หลับ เช่น การกินยาบางประเภท ความวิตกกังวล เข้าห้องน้ำบ่อย แก้ไขที่สาเหตุก่อน หรือมีปัญหาทางร่างกาย เช่น นอนกรน หยุดหายใจขณะหลับ โรคขาอยู่ไม่สุข ควรปรึกษาแพทย์
7. ปรับบ้านให้เหมาะกับการใช้ชีวิต
- มีความปลอดภัย จัดการแก้ไขในจุดที่อาจเป็นอันตราย เช่น แสงสว่างพอเพียง โดยเฉพาะบริเวณบันได พื้นต้องไม่ลื่น ไม่วางสิ่งของเกะกะหรือใช้เครื่องเรือนที่สะดุดล้มง่าย มีราวจับในห้องน้ำ เป็นต้น
- ใช้งานสะดวกดูแลง่าย ดูแลให้ตำแหน่งของการใช้งานจุดต่าง ๆ เข้าถึงง่าย เช่น สวิตช์ไฟ ก๊อกน้ำ อุปกรณ์การใช้งานหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าใช้ง่ายไม่ซับซ้อน
- บรรยากาศสดชื่นผ่อนคลาย มีมุมพักผ่อนสบาย ๆ หรือปลูกต้นไม้ดูแลง่ายหน้าบ้านหรือบริเวณรอบบ้าน
8. ดูแลสมองและจิตใจ
- อย่าปล่อยให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตอย่างเหงาหงอยเบื่อหน่าย หาเวลาอยู่ร่วมกัน โทรศัพท์ วิดิโอคอลติดต่อกันเป็นประจำ มีกิจกรรมทำร่วมกัน รับประทานอาหาร ทำอาหาร ออกกำลังกาย ท่องเที่ยว ดูหนัง ชอปปิง ร้องเพลง เต้นรำ ทำสวน ทำงานประดิษฐ์หรืองานศิลปะ เป็นต้น
- เมื่อผู้สูงอายุมีความเครียด พร้อมรับฟังปัญหา ช่วยคลี่คลาย หรือชวนทำกิจกรรมผ่อนคลายจิตใจ
- ให้ผู้สูงอายุมีสังคม เช่น การพบปะคนในครอบครัว เพื่อนฝูง เข้าร่วมกลุ่มทำกิจกรรมตามความสนใจ เช่น ดนตรี อ่านหนังสือ เล่นกีฬา ทำงานศิลปะ หรือเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือคนอื่นหรือให้ความรู้ตามความสามารถเดิมที่มี
- ระวังการใช้ยาที่มีผลต่อสมองและความจำ เช่น ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท ยาแก้แพ้บางประเภท ยาลดกรดและยาคลายกล้ามเนื้อบางประเภท และยารักษาโรคจิตยกเว้นในกรณีมีข้อข่งชี้ในการใช้ เช่น ปัญหาพฤติกรรมรุนแรง
ชวนพ่อแม่ตรวจสุขภาพประจำปี
การตรวจสุขภาพประจำปีคือการคัดกรองโรค หากพบเร็วจะได้รับการรักษาทันท่วงที ก่อนที่สุขภาพร่างกายจะถูกโรคทำร้ายรุนแรง ในปัจจุบันการตรวจสุขภาพประจำปีมีหลายโปรแกรมให้เลือก ซึ่งโดยทั่วไปจะมีการตรวจดังต่อไปนี้
- ตรวจสุขภาพทั่วไปโดยแพทย์
- ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
- น้ำตาลในเลือด
- ไขมันในเลือด
- ตรวจการทำงานของตับ
- ตรวจการทำงานของไต
- ระดับกรดยูริค
- ตรวจปัสสาวะ
- ตรวจอุจจาระ
- ตรวจการทำงานของต่อมไทรอยด์
- ตรวจการทำงานของหัวใจด้วยคลื่นไฟฟ้า
- เอกซเรย์ปอดและหัวใจ
- ตรวจอวัยวะในช่องท้องทั้งหมดด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
- ตรวจมะเร็งเต้านมและอัลตร้าซาวด์เต้านม (ผู้หญิง)
- ตรวจภายในและตรวจมะเร็งปากมดลูก (ผู้หญิง)
การดูแลสุขภาพของคุณพ่อสูงวัย โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่มีแนวโน้มสูงขึ้นและรุนแรงมากขึ้น ทั้งความดันโลหิตสูง อ้วน เบาหวาน นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงในเรื่องของปวดหลัง ปวดเอว ไขข้ออักเสบ โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น ซึ่งปัญหาสุขภาพในวัยสูงอายุเหล่านี้ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้สูงอายุไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงชีพและดำเนินชีวิตในสังคมยากขึ้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำให้ผู้สูงอายุมีอายุยืนยาวขึ้น มีสุขภาพแข็งแรง ชะลอการเกิดโรค ไม่เป็นภาระของบุตรหลาน ช่วยเหลือตนเองได้ทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ
ข้อแนะนำการดูแลสุขภาพคุณพ่อสูงวัย
-
ดูแลให้คุณพ่อพักผ่อนให้เพียงพอวันละ 6- 8 ชั่วโมง
-
ดูแลสุขภาพฟัน ช่องปากอยู่เสมอ
-
แนะนำหรือจัดให้ท่านรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารหวาน มัน เค็ม
-
ออกกำลังกายตามความเหมาะสมของวัย หลีกเลี่ยงการออกกําลังกายที่มีแรงกระแทก เช่นการกระโดด การเดินขึ้นลงบันไดที่สูงมากๆ ความเร็วสูงหรือเปลี่ยนทิศทางเพราะจะหกล้มได้ง่าย
-
ให้ท่านได้พบปะสังสรรค์กับเพื่อนบ้านเพื่อไม่ให้ท่านรู้สึกโดดเดี่ยว
-
ทำให้ท่านรู้สึกมีคุณค่า ไม่เป็นภาระของลูกหลาน
-
พาท่านไปตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
อ้างอิง: caregiverthai







