'Longevity และ Healthspan'  อยู่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ

'Longevity และ Healthspan'  อยู่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ

ปัจจุบันคนทั่วโลกมีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 73.6  ปี แต่ในจำนวนนั้นเป็นช่วงที่สุขภาพดีเพียงประมาณ 63.6 ปีเท่านั้น

KEY

POINTS

  • อาหารคือยาวิเศษ ออกแรงให้มีพลัง นอนหลับให้เพียงพอ ส่งผลต่อต่ออายุขัยโดยรวมของคนเรา
  • คนที่มองโลกในแง่ดี มีสติรู้เท่าทันอารมณ์ และจัดการความเครียดได้ดีมักแก่ช้ากว่า
  • หัวใจ Longevity และ Healthspanยังอยู่ที่ตัวเรา  การจะมีชีวิตยืนยาวและมีความสุขนั้นไม่มีสูตรลัดมหัศจรรย์ 

ปัจจุบันคนทั่วโลกมีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 73.6  ปี แต่ในจำนวนนั้นเป็นช่วงที่สุขภาพดีเพียงประมาณ 63.6 ปีเท่านั้น นั่นหมายความว่าคนส่วนใหญ่ต้องทุกข์ทรมานกับความเจ็บป่วยเกือบ 10 ปีสุดท้ายของชีวิต! สำหรับประเทศไทยเอง แม้อายุขัยเฉลี่ยจะสูงราว 77 ปี แต่ช่วงชีวิตที่มีสุขภาพดีก็เฉลี่ยเพียงประมาณ 67 ปี ยังมีช่วง “ป่วยก่อนตาย” ราว 10 ปี ไม่ต่างกันนัก

ดังนั้นโจทย์สำคัญของยุคนี้ไม่ใช่แค่การทำอย่างไรให้เราอยู่ได้นานขึ้น แต่คือ ทำอย่างไรให้เราอยู่ดีมีสุขได้ยืนยาวที่สุด หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือการเพิ่ม Healthspan ให้เข้าใกล้ Lifespan มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

Longevity ไม่ได้หมายถึงแค่อายุที่ยืนยาวแต่เพียงตัวเลข แต่คือการมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ แข็งแรง กระฉับกระเฉง และเต็มไปด้วยความหมาย เพราะการอยู่ไปอีกหลายสิบปีโดยเจ็บป่วยเรื้อรัง ไม่ได้ทำให้ชีวิตมีคุณค่าเท่ากับการที่เราสามารถใช้ทุกวันอย่างสดใส มีพลังใจ และทำสิ่งที่รักได้เต็มที่

ดังนั้น Longevity จึงไม่ใช่เรื่องของ “จำนวนปี” เท่านั้น แต่คือ “คุณภาพของปีที่เราได้ใช้” อย่างแท้จริง เป้าหมายสูงสุดคือการมี“อายุยืนแบบสุขภาพดีทั้งกายและใจ” จนวาระสุดท้ายของชีวิต การที่ตัวเลข Lifespan และ Healthspanเท่ากัน หมายถึงการจากโลกไปอย่างสงบ สุขภาพยังดีจวบจนวินาทีสุดท้าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

'Longevity' สุขภาพยั่งยืนมีคุณภาพ ความมั่นคงแบบใหม่ของทุกวัย

ถอดบทเรียน ‘Longevity’ แห่งกรุงโซล เปลี่ยนสุขภาพ สู่ไลฟ์สไตล์ประจำเมือง

มิติทางกาย: ดูแลร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง

อาหารคือยาวิเศษ การบริโภคอาหารไทยแบบดั้งเดิมที่หลากหลาย เน้นผักสด สมุนไพร และอาหารหมักดองธรรมชาติ (ที่อุดมด้วยโพรไบโอติก) สามารถช่วยบำรุงสุขภาพลำไส้และส่งเสริมภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการมีสุขภาพดีในระยะยาว

ออกแรงให้ชีวิตมีพลัง การออกกำลังกายสม่ำเสมอเปรียบเสมือนยาอายุวัฒนะที่หาได้ง่ายที่สุด เมื่อร่างกายได้ขยับและหัวใจได้สูบฉีด เราจะรักษามวลกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและการเผาผลาญ รวมถึงช่วยควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกินเกณฑ์ อีกทั้งการออกกำลังยังเป็นการลดความเครียดที่มีประสิทธิภาพ

การศึกษาพบว่าพฤติกรรมออกกำลังกายส่งผลระดับพันธุกรรมได้ ผ่านกลไก Epigenetics ที่ไปปรับการทำงานของยีนบางตัวให้ดีขึ้น ลดการเปลี่ยนแปลงของ DNA ที่เกิดจากภาวะเครียดลงได้ พูดง่ายๆ คือแม้กรรมพันธุ์จะให้ยีนมาแบบใด แต่การออกกำลังกายและการดูแลตัวเองสามารถ “เปิด” ยีนดี“ปิด” ยีนที่เป็นโทษได้ส่วนหนึ่ง ทำให้ร่างกายเราอ่อนเยาว์กว่าวัย เปรียบเสมือนการชะลอความแก่ในระดับเซลล์นั่นเอง

'Longevity และ Healthspan'  อยู่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ

เคล็ดลับการนอนให้มีคุณภาพ

นอนหลับให้เพียงพอ การนอนคือช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมฟื้นฟูตัวเอง พบว่าคนที่สุขภาพกายใจดีจะสามารถนอนหลับลึก (deep sleep) ได้ราว 1.5-2 ชั่วโมงจากการนอน 8 ชั่วโมง ทุกคืน

เคล็ดลับการนอนให้มีคุณภาพนอกจากจัดสภาพแวดล้อมห้องนอนให้มืดสงบและเข้านอนให้ตรงเวลาแล้ว การค่อยๆ “ผ่อนเกียร์ชีวิต” ให้ช้าลงก่อนนอน เตรียมพร้อมสู่การหลับลึกอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้เครื่องช่วย อย่าง สมุนไพรที่มีสรรพคุณกล่อมประสาทอ่อนๆ เช่น การจิบชาคาโมไมล์หรือน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งหรือขมิ้นชันก่อนนอน กลิ่นหอมของดอกมะลิหรือดอกลาเวนเดอร์ในห้องนอน

รวมถึงการนวดผ่อนคลายด้วยน้ำมันสมุนไพรไทยช่วยให้ร่างกายและสมองสงบ หลับสบายขึ้น ซึ่งทางการแพทย์ยืนยันว่าการนอนดีส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน การทำงานของสมอง และอายุขัยโดยรวมของเรา

'Longevity และ Healthspan'  อยู่ยืนยาวอย่างมีคุณภาพ

มิติทางใจ : ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว

สุขภาพใจที่ดีคืออีกขาของการมีชีวิตยืนยาวอย่างมีคุณภาพ คนที่มองโลกในแง่ดี มีสติรู้เท่าทันอารมณ์ และจัดการความเครียดได้ดีมักแก่ช้ากว่า“ความเครียด” เป็นศัตรูตัวฉกาจของทั้งสุขภาพใจและกาย ในภาวะเครียดเรื้อรัง ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนความเครียด (เช่น คอร์ติซอล) ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความดันโลหิตสูง ภูมิต้านทานต่ำลง และเร่งการอักเสบระดับเซลล์ ส่งผลให้อวัยวะต่างๆ เสื่อมไวขึ้น

นักวิทยาศาสตร์ยังพบด้วยว่าความเครียดยังสัมพันธ์กับการหดสั้นลงของเทโลเมียร์ (Telomere) ซึ่งเป็นปลอกหุ้มปลายโครโมโซมที่ทำหน้าที่ปกป้องเซลล์จากความเสื่อม และเมื่อเทโลเมียร์สั้นถึงระดับหนึ่ง เซลล์ก็จะหยุดแบ่งตัว ส่งผลให้เนื้อเยื่อทั่วร่างกายเริ่มเสื่อมลงตามอายุ การมีจิตใจที่เครียดตลอดเวลาจึงทำให้ไม้บรรทัดนี้หดสั้นเร็วกว่าอายุจริง กล่าวคือแก่ก่อนวัย นั่นเอง 

วิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ด้าน Longevity ที่เสริมพลังอายุวัฒนะ

ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เพียงไม่กี่ทศวรรษ เราค้นพบสิ่งสำคัญต่างๆ เช่น โพรไบโอติกในลำไส้ ที่ทำให้รู้ว่า“จุลินทรีย์” ในร่างกายเรามีบทบาทมหาศาลต่อภูมิคุ้มกันและโรคภัย, การค้นพบเทโลเมียร์ กุญแจป้องกันความเสื่อมระดับเซลล์, ความก้าวหน้าด้านพันธุศาสตร์และจีโนมิกส์ ที่ถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์ทั้งชุดออกมาเป็น พิมพ์เขียวของชีวิต ได้สำเร็จ, ตลอดจนศาสตร์Epigenetics ที่ศึกษาว่ายีนของเรา แสดงออก อย่างไรและถูกปรับเปลี่ยนได้โดยสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมการใช้ชีวิต

การตรวจสุขภาพเชิงลึกสมัยใหม่หลายแห่งในไทยที่นำหลัก Epigenetics มาประเมิน“อายุชีวภาพ” ควบคู่กับอายุจริง พร้อมทั้งวิเคราะห์ว่าการใช้ชีวิตทุกวันนี้ส่งผลให้ร่างกายแก่เกินวัยหรืออ่อนกว่าวัยเพียงใด และระบบต่าง ๆ ของร่างกายเสื่อมไปมากน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้วางแผนปรับพฤติกรรมเฉพาะบุคคลให้เหมาะสม

อีกศาสตร์คือเรื่องไมโครไบโอม (Microbiome) หรือชุมชนจุลินทรีย์ในร่างกาย โดยเฉพาะในลำไส้ใหญ่ การศึกษาพบว่าลักษณะการจัดองค์ประกอบของแบคทีเรียในลำไส้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก่ชราอย่างมาก เช่น ผู้สูงอายุที่ยังแข็งแรงกระฉับกระเฉงและไม่มีโรคเรื้อรัง มักมีรูปแบบไมโครไบโอมที่หลากหลายและสมดุลต่างจากผู้สูงอายุที่สุขภาพทรุดโทรมหรือมีภาวะเปราะบาง (frailty) ซึ่งมักพบความหลากหลายของจุลินทรีย์ต่ำกว่า

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Big Data ที่กำลังเข้ามาปฏิวัติวงการแพทย์เชิงป้องกันและการดูแลสุขภาพระยะยาว ปัจจุบันโรงพยาบาลและคลินิกด้าน Wellness ชั้นนำของไทยเริ่มใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพมหาศาลของคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม, ผลตรวจเลือด, รูปแบบการนอน, ข้อมูลโภชนาการ, ข้อมูลไมโครไบโอม ฯลฯ เพื่อประเมินความเสี่ยงโรคและอายุชีวภาพอย่างแม่นยำขึ้น และให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองที่จำเพาะบุคคลมากขึ้น

เทคโนโลยี Digital Twin หรือการสร้าง “ฝาแฝดดิจิทัล” ของสุขภาพแต่ละคนก็อยู่ไม่ไกล ซึ่งหมายถึงแบบจำลองเสมือนจริงที่ AI จะช่วยจำลองสภาวะสุขภาพของเราในคอมพิวเตอร์ และทดสอบคาดการณ์ได้ว่า หาก เราปรับเปลี่ยนบางอย่าง (เช่น เปลี่ยนอาหาร ออกกำลังเพิ่ม กินยาป้องกันบางชนิด) สุขภาพและอายุขัยของเราจะดีขึ้นเพียงใด เทคโนโลยีนี้จะเป็นเสมือน“ผู้ช่วยส่วนตัวเพื่ออายุยืน”ช่วยหมอวางแผนการดูแลสุขภาพเชิงรุกให้ผู้คนก่อนจะป่วยจริงๆ ได้อย่างแม่นยำ 

ในทำนองเดียวกัน AI ยังถูกนำมาใช้ในการวิจัยหายาอายุวัฒนะใหม่ๆ วิเคราะห์โครงสร้างโปรตีนและสารออกฤทธิ์ต่างๆ อย่างรวดเร็ว รวมถึงออกแบบโปรแกรมฟื้นฟูสุขภาพเฉพาะบุคคลอีกด้วย แน่นอนว่าบทบาทของหมอผู้รักษาก็จะเปลี่ยนไป จากเดิมที่หมอเป็นผู้วินิจฉัยสั่งการรักษาอย่างเด็ดขาด กลายมาเป็น“โค้ชสุขภาพ” หรือที่ปรึกษาที่ช่วยแนะนำคนไข้เคียงข้างไปตลอดเส้นทางมากขึ้น โดยมี AI และฐานข้อมูลเป็นตัวช่วยสำคัญในเบื้องหลัง 

ชีวิตยืนยาวอย่างมีความหมายเริ่มที่ตัวเรา 

หัวใจของ Longevity และ Healthspan ก็ยังอยู่ที่ตัวเรา  การจะมีชีวิตยืนยาวและมีความสุขนั้นไม่มีสูตรลัดมหัศจรรย์ แต่คือการเลือกดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ วัน ทั้งกายและใจ ดังคำกล่าวที่ว่า“การดูแลสุขภาพวัดกันเป็นรายวัน ไม่ใช่โหมใช้ชีวิตหนักๆ ทั้งปีแล้วหวังชดเชยด้วยการพักผ่อนเพียงไม่กี่วัน”

ทุกอย่างที่เราทำวันนี้คือการลงทุนเพื่อสุขภาพในอีกสิบยี่สิบปีข้างหน้า เป็นการต่ออายุให้ตัวเราในอนาคตทีละเล็กทีละน้อย ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไรก็ยิ่งเห็นผลชัดเจนขึ้นเท่านั้น การลงมือดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่เราจะได้“อยู่ยืนยาว แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือต้องอยู่ดี” ในทุกๆ วันของชีวิต

อ้างอิง/References

1. The Cloud. (2025, August 26).Interview with Dr. Tanupol Virunhagarun (Dr. Amp) on Wellness, Lifespan vs Healthspan. The Cloud.

2. Institute for Health Metrics and Evaluation (IHME), Norwegian Institute of Public Health. Global Burden of Disease Study 2021 (GBD 2021) Mortality and Life Expectancy Forecasts 2022-2050. Seattle, United States of America: Institute for Health Metrics and Evaluation (IHME), 2024

3. BDMS Wellness Clinic. (n.d.).Epigenetics and the impact of exercise on gene expression. BDMS Wellness Clinic.

4. Duke University School of Medicine. (2023, March).Gut microbiome diversity and healthy aging: Evidence from human and animal studies. Duke Health.