ถอดบทเรียน ‘Longevity’ แห่งกรุงโซล เปลี่ยนสุขภาพ สู่ไลฟ์สไตล์ประจำเมือง

ถอดบทเรียน Longevity ที่ขับเคลื่อนโดยภาครัฐ จาก Wrist Doctor 9988 ของเกาหลีใต้ มาสู่ “ฟิตเนสคนละครึ่ง” ในไทย เพราะสุขภาพดี คือ ภารกิจที่รัฐบาลต้องร่วมดูแลประชาชน
KEY
POINTS
- กรุงโซลริเริ่มโครงการ "A Healthier Seoul 9988" เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีอายุยืนยาวอย่างมีคุณภาพ (Longevity) โดยเปลี่ยนเรื่องสุขภาพให้เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเมืองที่ทุกคนเข้าถึงได้
- ใช้มาตรการจูงใจผ่านโครงการ "Wrist Doctor 9988" โดยแจกสมาร์ทแบนด์เพื่อสะสมแต้มจากการเดินออกกำลังกาย ซึ่งสามารถนำไปใช้แทนเงินสดในร้านค้าและโรงพยาบาลได้
- แผนงานระดับเมืองครอบคลุมการสร้างศูนย์ออกกำลังกายฟรี, เพิ่มเมนูสุขภาพในร้านอาหาร, ตั้งศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และออกแบบพื้นที่สาธารณะเพื่อส่งเสริมสุขภาพโดยรวม
ประเด็น Longevity หรือ “การมีอายุยืนอย่างมีคุณภาพ” ที่กำลังกลายเป็นคำฮิตที่ได้ยินและได้เห็นแทบทุกที่ และกำลังกลายเป็น แฟชั่นและสัญลักษณ์สถานะของคนรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมกับข้อกังขาที่ว่า มีแต่คนรวยที่ทำได้?
เมื่อก่อน การถือกระเป๋าแบรนด์เนม หรือ การขับซูเปอร์คาร์ คือการประกาศสถานะทางสังคม แต่ทุกวันนี้ ไลฟ์สไตล์สุขภาพดีในรูปแบบเข้าถึงได้เฉพาะ กลับกลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องหมายแห่งความหรูหราของคนยุคใหม่
ไม่ว่าจะเป็นเมมเบอร์ยิมราคาหลักล้านต่อปี, โปรแกรม Longevity สุดหรูที่รวมทุกอย่างตั้งแต่การตรวจเลือดอย่างละเอียด, โค้ชการนอน, โภชนาการส่วนบุคคล ไปจนถึงการบำบัดด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย
หรือแม้กระทั่งแกดเจ็ตสุขภาพอย่าง นาฬิกา หรือ แหวนอัจฉริยะ ก็ถูกยกให้เป็น “must-have” ที่ทุกคนในคลับนี้ต้องมี
นำมาสู่ข้อถกเถียงในวงกว้างว่า หรือจะมีแต่ “คนรวย” เท่านั้น ที่จะสามารถเข้าถึงบั้นปลายชีวิตที่มีคุณภาพ อายุยืนยาวแบบสุขภาพดี
กรุงเทพธุรกิจ จะพาผู้อ่านไปสำรวจแผนสุขภาพของกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ “A Healthier Seoul 9988” บนเป้าหมายที่จะขยายอายุขัยสุขภาพดีของประชาชนในเมืองหลวงเพิ่มขึ้น 3 ปีภายในปี 2030 กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า สุขภาพดีอาจไม่ใช่เรื่องของเงินทองเสมอไป แต่คือการออกแบบสังคมให้ทุกคนเข้าถึงสุขภาพดีได้จริง
ถอดบทเรียน Longevity จาก ‘เกาหลีใต้’
กรุงโซล ถือเป็นหนึ่งในเมืองตัวอย่างของโลก ที่เปลี่ยนการดูแลสุขภาพจาก “เรื่องส่วนบุคคล” ให้กลายเป็น “โครงสร้างของเมือง” อย่างจริงจัง
เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นผ่านโครงการ "On Seoul Health On" ที่เปิดตัวนำร่องเมื่อปี 2021 หลังการระบาดของโควิด-19 เมื่อประชาชนชาวเกาหลีใต้ใช้บริการส่งอาหารเดลิเวอรีมากขึ้น เคลื่อนไหวน้อยลง ส่งผลให้อัตราโรคอ้วนและโรคเรื้อรัง เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง กรุงโซลจึงเปิดตัวโปรแกรมนี้ขึ้น พร้อมแจกสมาร์ทแบนด์ 5 หมื่นชิ้นให้ประชาชนในเฟสแรก (อายุ 19 - 64 ปี) เพื่อใช้บันทึกการเดิน, ออกกำลังกาย และการทานอาหาร
ในปีถัดมา ได้เปลี่ยนชื่อโครงการเป็น "Wrist Doctor 9988" เพื่อสื่อถึงเป้าหมายสำคัญ คือ ต้องการให้พลเมืองมีสุขภาพแข็งแรงและกระฉับกระเฉงไปจนถึงอายุ 99 ปี รับสมัครผู้เข้าร่วมเพิ่มอีก 180,000 คน และขยายกลุ่มผู้มีสิทธิ์เป็นผู้ที่มีอายุ 19 - 69 ปี
9988 คำอวยพรแบบเกาหลี
เลข 99 = ขอให้อายุยืนถึง 99 ปี
เลข 88 = ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงและใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉงเหมือนตอนอายุ 88 ปี
รวมกันแล้วจึงสื่อถึงความปรารถนาให้ประชาชนทุกคน “มีอายุยืนยาวและใช้ชีวิตอย่างมีพลัง” ซึ่งตรงกับเป้าหมายของนโยบายที่อยากให้คนโซลมี Healthy Longevity หรืออายุยืนอย่างมีคุณภาพนั่นเอง
ทั้งนี้ผู้ที่สวมสมาร์ทแบนด์แล้วเดินได้วันละ 8,000 ก้าว (หรือ 5,000 ก้าวสำหรับผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไป) จะได้รับแต้มสะสมได้สูงสุด 100,000 แต้มต่อปี
แต้มเหล่านี้ใช้แทนเงินสดได้จริงใน โรงพยาบาล, ร้านขายยา, ร้านสะดวกซื้อ หรือแม้แต่ ซื้อตั๋วปั่นจักรยานสาธารณะ “Ttareungi”
ปัจจุบัน มีผู้เข้าร่วมแล้วมากกว่า 2 ล้านคน และ มีก้าวสะสมรวมทะลุ 3.4 ล้านล้านก้าว
นอกจากนี้ เกาหลีไม่ได้หยุดอยู่ที่เรื่อง “ก้าวเดิน” เพียงอย่างเดียว แต่ยังขยายบริการเป็นแพลตฟอร์มสุขภาพครบวงจร เช่น การเทรนนิ่งออกกำลังกาย, การดูแลสุขภาพจิต ,บริการโภชนาการ ไปจนถึงการติดตามภาวะเมตาบอลิกซินโดรม เป็นต้น
Seoul 9988 Plan: เมืองสุขภาพระดับนโยบาย
นอกจาก Wrist Doctor 9988 แล้ว เกาหลียังผลักดันแผน “A Healthier Seoul 9988” โดยตั้งเป้าเพิ่ม “อายุคาดเฉลี่ยสุขภาพดี” ของชาวโซลขึ้นอีก 3 ปี หรือ จาก 70.8 ปี เป็น 74 ปี และเพิ่มอัตราการออกกำลังกายขึ้น 3 จุดเปอร์เซ็นต์ จาก 26.8% เป็น 30%
แผนงานนี้ ดำเนินการผ่าน 4 เสาหลักสำคัญ ได้แก่
- เป็นเมืองที่ออกกำลังกายได้ทุกวัน: เปิด “Physical Fitness Certification Center” ทุกเขต เพื่อวัดสมรรถภาพและให้คำปรึกษาเรื่องการออกกำลังกายแบบฟรี
- เมืองอาหารสุขภาพ: รณรงค์เปลี่ยนข้าวขาว เป็นธัญพืช หรือข้าวกล้อง ร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อกว่า 15,000 แห่งต้องมีเมนูสุขภาพเป็นทางเลือก
- เมืองผู้สูงอายุสุขภาพดี: ตั้งศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ (Healthy Longevity Center) ให้บริการทั้งแพทย์,พยาบาล, นักโภชนาการ และผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายครบวงจร
- เมืองที่ออกแบบมาเพื่อสุขภาพจริงๆ: มีการตั้งเก้าอี้พักสุขภาพ (health rest benches), สนามกีฬาเสมือนจริง (VR Sports Room) และเปิดโรงยิมของโรงเรียนให้คนในชุมชนใช้บริการได้
ผลที่เกิดขึ้นคือ โซลไม่เพียงแต่ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข แต่ยังเปลี่ยน “สุขภาพ” ให้กลายเป็น ไลฟ์สไตล์ประจำเมือง ที่ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่จำกัดว่าคุณรวยหรือจน
เทรนด์โลก: สุขภาพกลายเป็น “Luxury Lifestyle”
ในอีกมุมหนึ่งของโลก “Longevity” กำลังกลายเป็นแฟชั่นของคนมีฐานะ หลังโควิด-19 หลายคนหันมาโฟกัสเรื่องสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีฐานะที่พร้อมจ่ายแพงเพื่อลงทุนกับสุขภาพ เข้าถึงเทคโนโลยีและการแพทย์แถวหน้า ตั้งแต่คลินิกที่ตรวจวิเคราะห์สุขภาพแบบละเอียดถึงระดับ DNA ไปจนถึงรีสอร์ท Wellness ที่จ้างโค้ชและนักบำบัดส่วนตัวครบวงจร
แต่ต่อให้มีการลงทุนกับบริการเหล่านี้มากแค่ไหน สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญต่างย้ำเหมือนกันคือ กุญแจสู่ Longevity ไม่ได้อยู่ที่เงิน หรือ แกดเจ็ตล้ำสมัย แต่อยู่ที่การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการกินดี ออกกำลังกาย ลดความเครียด และนอนหลับให้เพียงพอ
ไทย: เดินหน้าโมเดล “Healthy City”
ย้อนกลับมาดูที่บ้านเรา ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศเดินหน้า “Healthy City Model” เพื่อทำให้เมืองและชุมชนกลายเป็นพื้นที่ที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดีอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น การเพิ่มพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนและออกกำลังกาย, การยกระดับคุณภาพอาหารและน้ำให้ปลอดภัย หรือแม้กระทั่งการสร้าง Green Health Hotel และ Green & Clean Hospital ที่ตั้งเป้าจะมีเมืองสุขภาพดีมากถึง 250 แห่งทั่วประเทศ
อีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ของไทยคือ การลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อย่าง เบาหวาน, ความดัน และโรคหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย
แนวทางใหม่ที่ถูกหยิบมาคุยกันคือการใช้มาตรการ “3:5:5” ที่ผสมผสานทั้งเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม กลไกการคลัง และเครดิตทางสังคม เพื่อสร้างแรงจูงใจให้คนปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ
ไอเดียที่น่าสนใจ เช่น “ฟิตเนสคนละครึ่ง” ให้รัฐช่วยอุดหนุนค่าสมัครฟิตเนสบางส่วน หรือ “หวยสุขภาพ” ที่ผูกการออมเงินกับกิจกรรมทางกาย เช่น เดินสะสมก้าวแล้วนำแต้มไปลุ้นรางวัลได้
ขณะเดียวกัน หลายพื้นที่ก็เริ่มทดลองแนวทางสร้างสรรค์ เช่น กรุงเทพมหานครที่เปิด “สวน 15 นาที” บนที่ดินรกร้าง เพื่อให้คนเดินหรือออกกำลังกายได้ใกล้บ้าน หรือบางจังหวัดที่ทำโครงการ Calories Credit Challenge เปลี่ยนพลังจากการออกกำลังกายเป็นแต้มสะสมเพื่อใช้แลกสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
ทั้งหมดนี้สะท้อนภาพให้เห็นว่า สุขภาพดีไม่ได้อยู่แค่ในยิมหรูหรือแกดเจ็ตแพงๆ แต่สามารถทำได้จริง หากเมือง ชุมชน และนโยบายถูกออกแบบให้เอื้อต่อการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ
อ้างอิง english.seoul , m.koreaherald , anamai ,biz.chosun , vogue , nationalhealth







