'Diip' พลิกเกม 'ผลิตภัณฑ์ CBD' ทางเลือกใหม่สู้เครียด-นอนไม่หลับ
CBD ถูกมองว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีศักยภาพอย่างมากในตลาดไทย เนื่องจากมีประโยชน์หลากหลายที่ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพ
KEY
POINTS
- CBD มีประโยชน์ด้านสุขภาพ ทั้งช่วยเรื่องความเครียด การคิดมาก และการนอนหลับที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของคนในสังคม
- ผลิตภัณฑ์ CBD สร้างมูลค่าตลาด มากกว่า 10,000 ล้านบาท โดยมีคนวัยทำงาน-สูงวัยเป็นกลุ่มเป้าหมาย
- เร่งให้ความรู้เชิงลึก สร้างความเข้าใจ CBD ไม่ใช่ยาเสพติด สนับสนุนช่องทางจำหน่าย กฎหมายเอื้อต่อซัพพลายเชน เปิดโอกาสผลิตภัณฑ์ CBD ไทยโตก้าวกระโดด
ข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาดและการให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก Precedence Research ระบุว่ามูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับผู้บริโภคที่ใช้ CBD ทั่วโลกในปี 2568 อยู่ที่ 23.94 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตถึงประมาณ 77.48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2577 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 14.01% ตั้งแต่ปี 2568 ถึง 2577
ส่วนมูลค่าตลาดในอเมริกาเหนือในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 12.77 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำลังขยายตัวที่อัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 14.02% ในช่วงเวลาคาดการณ์ การกำหนดขนาดตลาดและการคาดการณ์คำนวณจากรายได้ (ล้านดอลลาร์สหรัฐ/พันล้าน) โดยใช้ปี 2567 เป็นปีฐาน
ตั้งแต่ ปี 2567 มีการใช้ CBD ในภาคการแพทย์มากขึ้น ซึ่งตลาดผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับผู้บริโภคที่ใช้ CBD ทั่วโลกนั้นแตกแขนงจำนวนมาก โดยมีบริษัทหลายแห่ง เช่น Charlotte's Web, Medterra, PlusCBD และ green roads ซึ่งเป็นเพียงบางแบรนด์ที่ผลิตน้ำมัน CBD แคปซูล CBD เยลลี่ CBD และผลิตภัณฑ์ CBD สำหรับใช้ภายนอก
ขณะที่ ตลาด CBD ในประเทศไทยปี 2568 ยังคงมีศักยภาพที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์มูลค่าตลาดกัญชา-กัญชงจะอยู่ที่ราว 5 หมื่นล้านบาท (อ้างอิงข้อมูลปี 2566-2567) หรือ 4.2-4.3 หมื่นล้านบาท (อ้างอิงข้อมูลปี 2568) และแม้ว่าจะมีประเด็นเรื่องนโยบายที่ยังไม่ชัดเจน แต่ CBD ยังคงเป็นสารสกัดที่ได้รับความสนใจทั้งด้านการแพทย์ เภสัชวิทยา และเวชสำอาง ทำให้ไทยยังคงมีโอกาสในการเป็นศูนย์กลางผลิตภัณฑ์กัญชากัญชงเพื่อสุขภาพในระดับภูมิภาค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ตลาด CBD ในไทยมากกว่าหมื่นล้านบาท
“ศกลภพ กิตติวราวุฒิ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท กู๊ด เนเบอร์สไบโอเทคโนโลยี จำกัด (GNB)ไขข้อสงสัย ความเข้าใจ และการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ CBDในประเทศไทย กล่าวว่าปัจจุบันภาพรวมตลาด CBD ในไทย ยังไม่มีการวิจัยเฉพาะ แต่โดยทั่วไปแล้ว CBD จะถูกจัดรวมอยู่ในกลุ่มกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งมีมูลค่าตลาด มากกว่า 10,000 ล้านบาท ส่วนตลาด CBD ในต่างประเทศมีมูลค่าสูงถึงหลายแสนล้านบาท
“Diip เป็นผลิตภัณฑ์ CBD ที่ทางบริษัทวางตำแหน่งในกลุ่มอาหารเสริม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปัญหาการนอนหลับ ซึ่งตลาดอาหารเสริมที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับมีมูลค่าประมาณ 16% ของตลาดอาหารเสริมในไทยโดยรวมที่มีมูลค่ากว่า 83,000 ล้านบาท โดย Diip จะมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายรองรับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงาน และผู้สูงอายุ ทั้งในไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ”
ช่วงแรกผลิตภัณฑ์ CBD จะเน้นในรูปแบบน้ำมัน (oil) อาจจะไม่เป็นที่คุ้นเคยสำหรับผู้บริโภคชาวไทย ทำให้เกิดความกังวลในการใช้งาน บริษัทจึงได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบกัมมี่ (gummy) ซึ่งเป็นที่นิยมในตลาดอาหารเสริม เพื่อผู้บริโภคได้เปิดใจลองใช้ CBD มากขึ้น โดยปัจจุบันกัมมี่คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของตลาด นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ในรูปแบบแคปซูล
ลดความเครียด แก้ปัญหานอนไม่หลับ
กรรมการผู้จัดการบริษัท GNB อธิบายต่อว่าCBD มีประโยชน์ด้านสุขภาพหลากหลาย ทั้งช่วยเรื่องความเครียด การคิดมาก และการนอนหลับที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของคนในสังคม โดยข้อมูล ResMed’s 2025 Global Sleep Survey เผยว่ากว่า 61% ของคนไทยมีปัญหาการนอนหลับ โดย 65% ให้เหตุผลว่าเป็นผลมาจากความเครียด
สอดคล้องกับรายงานของ กรมสุขภาพจิต ที่พบว่าคนวัยทำงานถึง 40% กำลังเผชิญภาวะเครียดสูง และ 17% มีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้า นอกจากนี้ แรงกดดันด้านการเรียน การทำงาน และการเงิน ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้คนรุ่นใหม่เข้าสู่ภาวะหมดไฟ ซึ่งปัญหานี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพการทำงานของประชากรในระยะยาว
“Diip มีความแตกต่างจากเมลาโทนินหรือยานอนหลับ ซึ่ง CBD ช่วยลดความเครียดและทำให้ร่างกายผ่อนคลาย นำไปสู่การพักผ่อนที่มีคุณภาพมากขึ้น ไม่ใช่แค่หลับลึกแต่ตื่นมาไม่งัวเงีย และหลายคนมักจะมีข้อกังวลและเข้าใจผิดเกี่ยวกับ CBD ว่าสามารถใช้รักษาโรคมะเร็งได้ ทั้งที่ CBD ไม่ใช่ยาครอบจักรวาลและไม่สามารถรักษามะเร็งได้โดยตรง แต่ช่วยบรรเทาผลข้างเคียงจากการทำเคมีบำบัด เช่น คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ทำให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ นอกจากนั้นในต่างประเทศสามารถช่วยรักษาอาการลมชักในเด็กได้”
วัยทำงาน-สูงวัย กลุ่มเป้าหมายหลัก
ศกลภพ กล่าวอีกว่าการปรับเปลี่ยนของกฎหมายกัญชานั้น ไม่ได้กระทบต่อการผลิต CBD แต่สิ่งที่กระทบคือความเข้าใจของผู้คน ที่ยังมองว่า CBD เป็นเรื่องผิดกฎหมาย ทำให้ในปีที่ผ่านมา การขายผลิตภัณฑ์ CBD ออนไลน์ประสบปัญหาเนื่องจากแพลตฟอร์มต่างๆ ตรวจจับคำว่า "CBD" และจำกัดการโปรโมต ทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่ปี2568 แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เริ่มเปิดกว้างมากขึ้น ทำให้ยอดขายออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว
“ลูกค้าออฟไลน์ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต กระบี่ พัทยา สำหรับลูกค้าออนไลน์ 90-95% เป็นคนไทย อายุ 30 ปีขึ้นไป จนถึงอายุ 80 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่มักจะเป็นกลุ่มวัยทำงาน และสูงวัยที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ เช่น ตื่นกลางดึก หลับไม่ลึก หรือมีปัญหาความเครียด ดังนั้น บริษัทคาดว่ายอดขายจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด 10 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน และ 20-30% ต่อเดือนในปัจจุบัน เนื่องจากการเปิดกว้างของช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ มีความเชื่อว่า CBD จะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทุกคนมีติดบ้านในอนาคต”
รับรองมาตรฐาน และความปลอดภัย
“Diip” ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด โดยบริษัมมีฟาร์มออร์แกนิกมาตรฐาน GACP มีโรงงานผลิตมาตรฐาน GMP, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.), ISO 22000 ซึ่งควบคุมทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทำให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทุก Batch การผลิตและผลิตภัณฑ์ทั้งหมดได้รับการจดแจ้งจาก อย. อย่างถูกต้อง และที่สำคัญได้รับการรับรองความปลอดภัยและปริมาณสาร THC ที่ไม่เกินเกณฑ์ (0.0002%)
กรรมการผู้จัดการบริษัท GNB กล่าวว่าCBD มีศักยภาพที่จะเข้าแทนที่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นๆ ในตลาด โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับและความเครียด เนื่องจาก CBD มีประโยชน์ที่กว้างขวางกว่าผลิตภัณฑ์เฉพาะทางอื่นๆ แต่ทั้งนี้ ความท้าทายหลักและโอกาสในการเติบโต คือการให้ความรู้แก่สาธารณชนเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของ CBD การแยกแยะความแตกต่างระหว่าง CBD และ THC รวมถึงภาพลักษณ์เชิงลบของกัญชา หากลูกค้าได้ลองใช้และเห็นผล กว่า 90% จะกลับมาซื้อซ้ำ
3 ด้าน ภาครัฐควรเข้ามาสนับสนุน
ศกลภพ กล่าวด้วยว่าผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ CBD ของไทย มีโอกาสการเติบโตอย่างมาก แต่ต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 3 ด้านหลัก ได้แก่
1. การให้ความรู้เชิงลึก ต้องสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับ CBD ที่ไม่ใช่ยาเสพติด และแตกต่างจาก THC/กัญชาโดยรวม
2. สนับสนุนช่องทางการจำหน่าย ช่วยผู้ประกอบการในการเจรจากับแพลตฟอร์มออนไลน์และให้ความรู้แก่เภสัชกร เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่จดแจ้งถูกต้องสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น
3. กฎหมายที่เอื้อต่อซัพพลายเชน ภาครัฐควรออกกฎหมายที่ส่งเสริมการปลูกและการผลิตภายในประเทศ เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก
แม้ปัจจุบันจะเน้นตลาดในประเทศเป็นหลักเนื่องจากการแข่งขันสูงและต้นทุนการผลิตในต่างประเทศที่ต่ำกว่า แต่บริษัทก็มองหาโอกาสในการส่งออกไปยังประเทศที่กัญชาถูกกฎหมายในอนาคต เช่น ออสเตรเลียและญี่ปุ่น หากสามารถจัดการเรื่องต้นทุนและการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งได้
อย่างไรก็ตาม CBD ไม่ได้ใช้แค่ก่อนนอน แต่สามารถใช้ระหว่างวันเพื่อลดความเครียด เพิ่มสมาธิในการทำงานหรือเล่นกีฬา หรือช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย ทำให้เป็นการใช้งานที่ครอบคลุมทั้งกลางวันและกลางคืน อาทิ CBD Oil สามารถใช้ได้ทุกเวลา เหมาะสำหรับลดความเครียด ดูดซึมเร็ว
CBD Gummy มีทั้งสูตร Daily (ใช้ได้ทุกเวลา), Morning (สำหรับกลางวัน) และ Night (สำหรับกลางคืน) กัมมี่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผู้บริโภคเปิดใจลองใช้ CBD มากขึ้น เนื่องจากรูปแบบที่คุ้นเคยและไม่น่ากลัว และCBD Capsule ที่มีปริมาณเข้มข้นสำหรับใช้กลางคืน
โดยปัจจุบัน Diip มีวางจำหน่ายในร้านค้ากว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงร้านขายยาหลักๆ (เช่น Boots, Watsons, P&F, Health Up, Doctor Pharma, Safe & Save) ร้านค้าปลีก (เช่น Villa Market, Beautrium) และร้านขายกัญชาที่น่าเชื่อถือบางแห่ง (รองรับนักท่องเที่ยวที่คุ้นเคยกับการหา CBD ในร้านเหล่านี้
