'อาการบ้านหมุน เวียนหัว' ต้นเหตุของการเกิดโรคอะไร? ได้บ้าง

ใครที่มีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนบ่อยๆ เกิดขึ้นแบบเฉียบพลันที่เมื่อเปลี่ยนท่าทางของศีรษะ เช่น ลุกขึ้น นอนลง ก้มเงย
KEY
POINTS
- อาการบ้านหมุน เวียนศีรษะที่พบได้บ่อยที่สุดมาจากโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน พบได้ประมาณ 20-30% ของผู้ป่วย
- โรคนี้เป็นได้กับทุกเพศ ทุกวัย เกิดได้เอง หายได้เองในบางราย เป็นโรคที่รักษาหายขาด เพียงแต่มีโอกาสเกิดซ้ำได้ โดยโอกาสเกิดซ้ำประมาณ 15-20% ต่อปี
- หากอาการเวียนศีรษะเกิดขึ้นตลอดเวลา หรือ ความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลางอื่น เช่น อ่อนแรง ภาพซ้อน หรือการได้ยินผิดปกติร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์
ใครที่มีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนบ่อยๆ เกิดขึ้นแบบเฉียบพลันที่เมื่อเปลี่ยนท่าทางของศีรษะ เช่น ลุกขึ้น นอนลง ก้มเงย โดยอาการเวียนศีรษะมักเป็นเพียงช่วงสั้น ๆ ไม่เกิน 1 นาที แล้วค่อยๆ หายไปเมื่ออยู่นิ่ง แต่จะกลับมาอีกครั้งเมื่อเปลี่ยนท่าทาง อาการเหล่านี้ เข้าข่ายว่าคุณกำลังเสี่ยง “โรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน” โรคฮิตของคนเวียนหัว
โรคนี้มักไม่พบอาการอื่น ๆ เช่น หูอื้อ การได้ยินผิดปกติ หรืออาการทางระบบประสาทอื่น ๆ และเป็นโรคที่พบมากที่สุดในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการเวียนศีรษะแบบบ้านหมุน โดยจากสถิติมีรายงานว่าพบโรคนี้ 20-30%ในคลินิก และโดยมากมักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายในอัตราส่วน 1:5 – 2:1
อาการบ้านหมุน คือ ความรู้สึกว่าตนเองหมุน หรือสิ่งแวดล้อมรอบตัวหมุน โดยมักเกิดจากความผิดปกติของหูชั้นใน เช่น โรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน หรือน้ำในหูไม่เท่ากัน แต่ก็อาจเกิดจากปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้ เช่น ไมเกรน หรือโรคหลอดเลือดสมอง หากมีอาการบ้านหมุนร่วมกับอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด ควรไปพบแพทย์ทันที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'นั่งทำงานนานๆ'ไม่ขยับตัว เสี่ยงมะเร็ง อันตรายเทียบเท่าสูบบุหรี่
อาการบ้านหมุน มีลักษณะเป็นอย่างไร?
- ความรู้สึกว่าหมุนหรือโคลงเคลง: รู้สึกว่าตัวเองหมุน หรือสิ่งของรอบตัวหมุนไปมา หรือพื้นโยกไปมา
- สูญเสียการทรงตัว: เดินเซ หรือทรงตัวลำบาก
- อาการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นร่วมด้วย: เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หูอื้อ เสียงในหู หรือการกลอกตาผิดปกติ
สาเหตุของอาการบ้านหมุน
- โรคหินปูนในหูชั้นในเคลื่อน (BPPV)
เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากตะกอนหินปูนในหูชั้นในเคลื่อนหลุดออกจากตำแหน่งเดิม ทำให้มีอาการบ้านหมุนเฉียบพลันเมื่อเปลี่ยนท่าทางศีรษะ
- โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน (Meniere's disease)
เกิดจากความผิดปกติของของเหลวในหูชั้นใน ทำให้เกิดอาการบ้านหมุนร่วมกับหูอื้อและการได้ยินลดลง
- โรคเส้นประสาทการทรงตัวอักเสบ (Vestibular neuritis)
เกิดจากการอักเสบของเส้นประสาทการทรงตัวในหูชั้นใน มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส
- โรคเวียนศีรษะไมเกรน
มีอาการบ้านหมุนร่วมกับอาการปวดศีรษะไมเกรน
- โรคหลอดเลือดสมอง
อาจทำให้เกิดอาการบ้านหมุน ร่วมกับอาการทางสมองอื่น ๆ เช่น แขนขาอ่อนแรง ชาครึ่งซีก พูดไม่ชัด
- ปัจจัยอื่นๆ
เช่น ความเครียด การอดนอน ภาวะขาดน้ำ หรือผลข้างเคียงจากยา
รู้จัก “โรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน"
พญ. กนกรัตน์ สุวรรณสิทธิ์ แพทย์ศูนย์หู คอ จมูก โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ กล่าวในบทความว่าโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน (Benign Paroxysmal Positional Vertigo : BPPV) เป็นสาเหตุของอาการเวียนศีรษะที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ป่วยที่มีอาการเวียนศีรษะจากโรคหู พบได้ประมาณ 20-30%ของผู้ป่วยที่มาด้วยความผิดปกติของการเวียนศีรษะ โดยผู้ป่วยจะมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนมักเป็นแบบเฉียบพลัน สัมพันธ์กับท่าทางหรือการขยับศีรษะ
ตะกอนหินปูนหูชั้นใน (otoconia) เป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการทรงตัวของร่างกาย ประกอบด้วยผลึกแคลเซียมคาร์บอเนต และเนื้อโปรตีน (Protein Matrix) เมื่ออายุมากขึ้นผลึกแคลเซียมหรือตะกอนหินปูนหูชั้นในจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่น แข็งขึ้น เปราะง่ายขึ้น การเกิดโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อนนั้นเป็นผลมาจากเปลี่ยนตำแหน่งของตะกอนหินปูนหูชั้นในที่ผิดไปจากตำแหน่งปกติ
สาเหตุของโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน
ส่วนใหญ่เกิดขึ้นแบบไม่มีสาเหตุ มีบางปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน ได้แก่ อุบัติเหตุศีรษะกระแทก โรคทางหูชั้นในบางอย่างที่พบร่วมกับโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน การผ่าตัดหูบางชนิด
มีการศึกษาวิจัยพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลต่อการเกิดโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน เช่น อายุมาก เพศหญิง โรคความดันโลหิตสูง ไขมันโลหิตสูง ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ โรคเบาหวาน กระดูกพรุน ภาวะขาดวิตามินดี เป็นต้น
ขณะที่ ข้อมูลจากโรงพยาบาลรามคำแหง ระบุว่า สาเหตุของโรคพอสันนิษฐานได้ว่าเกิดจาก
- การเคยได้รับอุบัติเหตุทางศรีษะมาก่อนซึ่งพบร้อยละ 47
- การเคยติดเชื้อในหูชั้นในร้อยละ 26
- เส้นประสาทหูอักเสบ คนสูงอายุหรือคนที่นอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน
- ภาวะเครียดและขาดการออกกำลังกาย ทำให้พยาธิสภาพเกิดขึ้นกับอวัยวะที่ควบคุมการทรงตัวรูปเกือกม้าในหูชั้นใน ซึ่งพบในส่วนหลังมากที่สุด (ร้อยละ 90)
- รองลงมาเป็นส่วนที่อยู่ในแนวนอนร้อยละ 5-10 และส่วนที่อยู่ด้านหน้าร้อยละ 1 เชื่อว่าเกิดจากการตกตะกอนของสารที่อยู่ภายใน หรือมีหินปูนจากอวัยวะที่ควบคุมการทรงตัวข้างเคียงหลุดเข้ามาอยู่ภายในอวัยวะรูปเกือกม้า
อาการของโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน
ผู้ป่วยจะมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนมักเป็นแบบเฉียบพลัน โดยอาการบ้านหมุนมักเป็นไม่นาน ประมาณไม่กี่นาที แต่อาจมีอาการมึนศีรษะตามมาได้ อาการบ้านหมุนสัมพันธ์กับท่าทางหรือการขยับศีรษะ เช่น ลุกจากที่นอน พลิกตะแคงตัว ก้มเงย หรือ นอนสระผม เป็นต้น
ในบางครั้งผู้ป่วยจะสามารถระบุข้างที่มีอาการได้ เช่น นอนตะแคงข้างขวาและมีบ้านหมุนซ้ำ ๆ เป็นไม่นาน เมื่อเปลี่ยนข้างอาการดีขึ้นหรือหายไป ทั้งนี้อาการเวียนศีรษะต้องไม่มีความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลางอื่น เช่น อ่อนแรง ภาพซ้อน หรือการได้ยินผิดปกติร่วมด้วย
วินิจฉัยโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน
โรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อนนั้นสามารถวินิจฉัยได้จากประวัติและการตรวจร่างกายที่จำเพาะ การตรวจร่างกายสำหรับการวินิจฉัยโรคอาจกระตุ้นให้ผู้ป่วยมีอาการบ้านหมุนในขณะตรวจร่างกายได้
การรักษาโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน
แม้ว่าโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในจะหายเองได้ในผู้ป่วยบางราย แต่บางครั้งอาการอาจจะคงอยู่นานทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการดำเนินชีวิตประจำวัน หากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน การรักษาหลักคือการทำกายภาพบำบัด ทั้งนี้อาจเป็นการทำกายภาพบำบัดโดยแพทย์หากตรวจพบตากระตุกในขณะตรวจร่างกายที่จำเพาะ
การรักษาชนิดนี้ได้ผลดี สามารถทำให้อาการดีขึ้นได้ถึง 80% ในการรักษาครั้งแรก และหากต้องทำซ้ำ โอกาสหายเพิ่มขึ้นถึง 92% ในการรักษาซ้ำ หรือ อาจจะเป็นการให้คำแนะนำเป็นท่าบริหารที่บ้านเพื่อปรับสภาพสมองให้อาการเวียนศีรษะดีขึ้น ปัจจุบันยังไม่มียาที่จำเพาะต่อโรค โดยทั่วไป ยาที่ผู้ป่วยได้รับนั้นมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดอาการเวียนศีรษะชั่วคราว สำหรับการผ่าตัดมีข้อบ่งชี้ในผู้ป่วยบางรายเท่านั้น
การทำกายภาพบำบัด
วิธีที่ 1 คือการทำกายภาพบำบัดเพื่อเคลื่อนตะกอนหินปูนหรือแคลเซียมออกจากอวัยวะทรงตัวในหูชั้นในที่เป็นรูปเกือกม้า เมื่อตะกอนหินปูนเคลื่อนออกมาแล้วก็จะไม่กระตุ้นให้เกิดอาการเวียนศีรษะอีก วิธีนี้กระทำภายใต้การดูแลของแพทย์ชำนาญการด้านโรคเวียนศีรษะเท่านั้น
วิธีที่ 2 แนะนำให้ผู้ป่วยกลับไปทำกายภาพบำบัดที่บ้าน ซึ่งผู้ป่วยทำได้ด้วยตัวเอง เมื่อทำครั้งแรกจะรู้สึกเวียนศีรษะ แต่พอทำไปนาน ๆ ร่างกายจะปรับตัว ซึ่งอาการจะดีขึ้นตามลำดับ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน
โรคนี้เป็นได้กับทุกเพศ ทุกวัย เกิดได้เอง หายได้เองในบางราย เป็นโรคที่รักษาหายขาด เพียงแต่มีโอกาสเกิดซ้ำได้ โดยโอกาสเกิดซ้ำประมาณ 15-20% ต่อปี
ผู้ป่วยมักมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนชั่วคราวและสัมพันธ์กับท่าทาง หากอาการเวียนศีรษะเกิดขึ้นตลอดเวลา หรือ ความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลางอื่น เช่น อ่อนแรง ภาพซ้อน หรือการได้ยินผิดปกติร่วมด้วย ควรรีบมาพบแพทย์เนื่องจากลักษณะดังกล่าวไม่ใช่อาการปกติของผู้ป่วยโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน เนื่องจากผู้ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบอาจมีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุนร่วมกับมีความผิดปกติของระบบประสาทร่วมด้วยได้
เนื่องจากโรคดังกล่าวไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด จึงยังไม่มีการป้องกันที่สาเหตุ นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายเมื่อหายจากโรคตะกอนหินปูนหูชั้นในเคลื่อน อาจมีอาการโคลง เวียนศีรษะสัมพันธ์กับการขยับศีรษะเร็วๆ อาการดังกล่าวจะค่อยๆ ดีขึ้น แนะนำหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางอย่างที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หรือ พลัดตกหกล้มหากมีอาการดังกล่าว
อ้างอิง: โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ,โรงพยาบาลรามคำแหง







