สุดปัง! GPO โชว์ Plant-Based ใน WORLD EXPO ดันสมุนไพรไทยสู่เทรนด์โลก

“ไทยพาวิลเลียน” ในงาน WORLD EXPO 2025 OSAKA, KANSAI, JAPAN นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ระหว่าง วันที่ 13 เมษายน – 13 ตุลาคม 2568” ที่ประเทศไทยได้เข้าร่วม มีผู้เข้าชมงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ซึ่งถือเป็นโอกาสของประเทศไทยในการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมทางการแพทย์ของประเทศ

สถาบันด้านสุขภาพสากล หรือ Global Wellness Institute (GWI) คาดการณ์ว่าปี 2568 เศรษฐกิจสุขภาพทั่วโลกจะมีมูลค่าอย่างน้อย 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 230 ล้านล้านบาท ประเทศไทยเล็งเห็นโอกาสในการสร้างเม็ดเงินมหาศาลจากเศรษฐกิจสุขภาพ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Ignite Thailand ในด้านการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ ซึ่งเป็น 1 ใน 13 หมุดหมายสำคัญ ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่13 (พ.ศ.2566-2570)

รัฐบาลมีนโยบายยกระดับเศรษฐกิจสุขภาพในทุกด้าน รวมถึงผลักดันให้ไทยมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพโลก (Medical and Wellness Hub) เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

รง.ผลิตสารตั้งต้นยา(API) ลดนำเข้า-ความมั่นคงทางยาไทย

กำไร & ความมั่นคงทางยา ภาระกิจ (อภ.) 'ไทยแลนด์เฟริส'

“Plant based” งานWORLD EXPO 2025

“องค์การเภสัชกรรม (อภ.) หรือ GPO” หนึ่งในหน่วยงานที่ได้รับคัดเลือกจากกระทรวงสาธารณสุขให้เข้าร่วมจัดงาน ในส่วนของนิทรรศการชั่วคราว (Temporary Exhibition) ของอาคารจัดแสดงนิทรรศการไทย (Thailand Pavilion) ระหว่างวันที่ 20 มิถุนายน- 1 กรกฎาคม 2568  

“พญ.มิ่งขวัญ สุพรรณพงศ์”  ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม(อภ.) กล่าวว่า การไปร่วมจัดงานครั้งนี้ อภ.ได้มีการเตรียมความพร้อม โดยมอบหมายให้ทีมธุรกิจต่างประเทศ และเภสัชกรเข้าร่วม เพื่อนำเสนอยา ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และเครื่องสำอาง ที่ผลิตและคิดค้นจากนักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างอภ.กับหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถึงเป็นการให้ความรู้ และการแนะนำสมุนไพรไทยให้เป็นที่รู้จักแก่ชาวญี่ปุ่น และต่างชาติมากขึ้น

“หน้าที่ อภ.คือช่วยสนับสนุนระบบสาธารณสุขไทย ในด้านยาและเวชภัณฑ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพที่นำความรู้ในแบบฉบับตะวันตกที่เป็นจุดแข็งขององค์การเภสัชกรรม ผสมผสานกับภูมิปัญญาด้านสมุนไพรไทยที่เป็นศาสตร์แห่งตะวันออก สร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ Plant Based ที่มีคุณภาพเพื่อนำเสนอสู่ประชาชนทั่วโลก ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งให้กับระบบสาธารณสุขไทย ดังนั้น ในงาน WORLD EXPO 2025 อภ.จะนำผลิตภัณฑ์ Plant Based ไปนำเสนอ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอภ.และแบ่งปันส่งต่อให้กับทุกคน เพื่อการมีสุขภาพดี”พญ.มิ่งขวัญ กล่าว

ผสมผสานภูมิปัญญาไทยกับเทคโนโลยี

ศูนย์วิจัยธนาคารกรุงไทย (Krungthai COMPASS) คาดการณ์ตลาด Plant-Based Food ในประเทศไทยมีแนวโน้มสูงถึง 4.5 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ในปี 2024 โดยมองว่าตลาดอาหารจากพืชหรือเนื้อจากพืชนี้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจของผู้ประกอบการในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมและธุรกิจผลิตอาหาร เพื่อรองรับเทรนด์อาหารโลกที่ทำให้มีทางเลือกในการบริโภคเพิ่มมากขึ้น และสะดวกต่อการใช้ชีวิตในยุคนี้

พญ.มิ่งขวัญ กล่าวว่าจากที่ผู้คนให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพ และสนใจผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติมากขึ้น อภ.ได้มีการดำเนินโครงการ “PLANTXGPO” ภายใต้แนวคิด GPO PLANT BASED MEDICINE มุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรของอภ. และร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ทั้งรัฐ เอกชน ในการที่จะเพิ่มมูลค่าสมุนไพรไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ ด้วยการวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศและตลาดต่างประเทศ

ผลิตภัณฑ์ "Plant based” ของอภ.มีทั้งที่เป็นยา ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง โดยเฉพาะ Antiox Curmin probiotics และ Curmin Lift series ซึ่งอภ.ได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนในการดำเนินการเรื่องนี้ อย่าง ความร่วมมือกับสถาบัน เค อะโกร-อินโนเวท ภายใต้มูลนิธิกสิกรไทย พัฒนายาและผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสุขภาพจากพืช

ภายใต้ชื่อ นันท์ จีพีโอ - โกลบิเน็กซ์ เป็นผลิตภัณฑ์จากสารสกัดขมิ้นชัน สำหรับช่วยลดความรุนแรงของภาวะเครียดออกซิเดชัน และใช้เสริมการรักษาเพื่อลดความรุนแรงของภาวะเหล็กเกินและภาวะอักเสบ ในผู้ป่วยโรคเบต้าธาลัสซีเมีย ซึ่งทุกคนสามารถไปชมได้ที่งาน WORLD EXPO 2025

โชว์ยา เวชภัณฑ์ วัคซีน รองรับความต้องการผู้ป่วย

พญ.มิ่งขวัญ กล่าวอีกว่า นอกจากผลิตภัณฑ์ Plant-Based แล้ว อภ.ได้นำผลิตยา,เวชภัณฑ์ และวัคซีน ครอบคลุมกลุ่มโรคต่าง ๆ มากกว่า 200 รายการ ไปนำเสนอการวิจัยและพัฒนายาและเวชภัณฑ์ วัคซีน โดยประสานความร่วมกับพันธมิตร กับภาครัฐและเอกชนภายในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อให้ทันต่อสถาณการณ์การใช้ยา เวชภัณฑ์ วัคซีน รองรับความต้องการใช้ยาของผู้ป่วย ในประเทศอย่างเพียงพอ

พร้อมทั้งแบ่งปันให้เพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียน จัดหา สำรอง กระจายยาและเวชภัณฑ์ ในภาวะปกติและฉุกเฉิน การสำรองและกระจายสินค้าที่มีมาตรฐาน WHO GSDP สร้างการเข้าถึงยาแก่ประชาชนในราคาที่เป็นธรรม ด้วยร้านขายยาคุณภาพ

ทั้งนี้ อภ.มีภารกิจดำเนินการผลิตยาในเชิงสังคม อาทิ ผลิตภัณฑ์ยาต้านไวรัสเอดส์ เช่น ยา TEDAVIR ยา TENO-EM เป็นต้น

ยาอดบุหรี่ หรือ ผลิตภัณฑ์วัคซีน ได้แก่ วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนโควิด 19 ยาจากสมุนไพร เช่น Anti Ox บรรเทาอาการปวดในโรคข้อเข่าเสื่อม สารสกัดแห้งจากเถาวัลย์เปรียง บรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่างและอาการปวดเข่าจากโรคข้อเข่าเสื่อม ผลิตภัณฑ์ GPO PHYTOPLEX CAPSULE แก้น้ำเหลืองเสีย ผลิตภัณฑ์พรมมิ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเคอร์มิน โปรไบโอติกส์ ยาจีพีโอแอลวัน ยาขับเหล็กสำหรับผู้ป่วยธาลัสซีเมีย เป็นต้น

"บูธของอภ. จะมีการเปิดให้ความรู้ และช่องทางธุรกิจให้แก่ผู้เข้าร่วมงานทั้งประชาชนทั่วไป ผู้ประกอบการ หรือหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนของต่างประเทศ ซึ่งในแต่ละวันคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้เข้าร่วมงาน ที่หวังว่าจะได้รู้จักประเทศไทยมากขึ้น รู้เรื่องของสมุนไพรไทย สารสกัดสมุนไพรไทยที่มีงานวิจัยรองรับและได้เห็นศักบภาพด้านสุขภาพของประเทศไทย ดังนั้น อยากเชิญชวนให้ทุกคน ไปเยี่ยมชมไทยพาวิลเลียน และบูธอื่นๆ ภายในงาน จะทำให้ได้ความรู้ ประสบการณ์จากประเทศต่างๆ ซึ่งแต่ละประเทศมีการนำเสนอเนื้อหาที่ดี และน่าสนใจอย่างมาก” พญ.มิ่งขวัญ กล่าว

รู้จัก 3 หมวด ผลิตภัณฑ์PLANTXGPO

PLANTXGPO เป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่อภ.ได้เร่งดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศและตลาดต่างประเทศอย่างตรงจุด ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้แนวคิด GPO PLANT BASED MEDICINE แบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 3 หมวดย่อย ประกอบด้วย

1. หมวดยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารสำคัญจากพืชเป็นหลัก (Plant based drugs and supplements) ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ใช้ด้านการกีฬา(sport medicine) อาทิสเปรย์พ่นและบาล์มเพื่อคลายกล้ามเนื้อ (spray and balm for muscle relaxing )ผลิตภัณฑ์สมุนไพรสารสกัดขมิ้นชันสูตรเสริมความแข็งแรงของกระดูกและข้อ (Ca-Curmin) ผลิตภัณฑ์สมุนไพรบำรุงร่างกายผลิตภัณฑ์สมุนไพรสารสกัดจากกะหล่ำปลีและหม่อนที่มีสารสำคัญที่ช่วยในการชะลอวัย (plant based NMN+Reserverato supplements) และผลิตภัณฑ์สมุนไพรเม็ดเคี้ยวเพื่อให้เกิดความสดชื่น (BAT-Bio activating tablets) เป็นต้น

2. Plant based Cosmetics - Hair serum ใช้สารสกัดจากจมูกข้าว และแก่นมะหาด ซึ่งมีสารสำคัญที่ช่วยบำรุงหนังศีรษะและเพิ่มการเจริญเติบโตของ hair follicle keratinocytes, ผลิตภัณฑ์ Luminous Botanic oilets serum ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้สารสกัดสำคัญจากเกสรดอกบัวหลวง และ exosome ของดอกกุหลาบ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการบำรุงผิวและชะลอวัย 

3. Spa herbal preparations ซึ่งได้แก่ผลิตภัณฑ์ลูกประคบ และน้ำมันหอมระเหย