‘ธุรกิจออนไลน์เพื่อวัยเก๋า’ พร้อมจ่ายถ้าตอบโจทย์ โดย วริศรา กลีบบัว

ในขณะที่การเข้าถึงออนไลน์ในประเทศไทยมีสูงถึง 68.3% ของประชากรทั้งประเทศ โดยส่วนใหญ่ของประชากรที่ใช้งานสินค้าและบริการออนไลน์คือ กลุ่มช่วงอายุ 35 - 44 ปี
KEY
POINTS
- ธุรกิจออนไลน์ เป็นตลาดที่มีความ Royalty สูงและเป็นตลาดที่มีการเติบโตในการใช้ออนไลน์ หรือเรียกว่า ‘มาช้าแต่มานะ’ นั่นคือ ‘ตลาดผู้สูงอายุ’
- "เชื่อใจ เปิดใจ เข้าใจ และจริงใจ" หลัก 4 ใจ ที่นักการตลาดและเจ้าของสินค้า สามารถนำไปใช้ในการวางแผนทางการตลาด
- ผู้สนใจตลาด 50+ ควรต้องมีการปรับมุมมองจากกลุ่มที่ไม่เท่าทันเทคโนโลยี เป็นกลุ่มที่พร้อมเรียนรู้แทน
ในขณะที่การเข้าถึงออนไลน์ในประเทศไทยมีสูงถึง 68.3% ของประชากรทั้งประเทศ โดยส่วนใหญ่ของประชากรที่ใช้งานสินค้าและบริการออนไลน์คือ กลุ่มช่วงอายุ 35 - 44 ปีโดยกลุ่มช่วงเจน Y เจน Z เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของหลากหลายแบรนด์สินค้าและบริการ เนื่องจากยังมีความสามารถในการสร้างรายได้และเข้าถึงง่ายตลาดนี้จึงเป็นตลาดที่มีความดุเดือดในทุกอุตสาหกรรม
แต่ทราบหรือไม่ว่ามีตลาดหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในธุรกิจออนไลน์ เป็นตลาดที่มีความ Royalty สูงและเป็นตลาดที่มีการเติบโตในการใช้ออนไลน์ หรือเรียกว่า ‘มาช้าแต่มานะ’ นั่นคือ ‘ตลาดผู้สูงอายุ’ จากสถิติ ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการว่า การเติบโตในการเข้าถึงสินค้าและบริการทางอินเทอร์เน็ตผ่านกลุ่มดังกล่าวจะต่อเนื่องมากขึ้น ถึง 5.3% ในช่วงปี 2024 - 2029 ซึ่งหมายถึงลูกค้าที่อุตสาหกรรมต่างๆ สามารถเข้าถึงได้และยังใหม่กับการทำการตลาด
ขณะเดียวกัน ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) โดยมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเพิ่มมากกว่า 20% ของประชากรทั้งประเทศภายในปี 2030 จากรายงานของสภาพัฒน์ (NESDC) ซึ่งหมายความว่าทุกธุรกิจในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะหลีกเลี่ยงการบริการกลุ่มผู้สูงอายุไม่ได้อีกต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'TU Care & Ageing Society' ธรรมศาสตร์กำแพงพิงหลัง ‘สังคมสูงวัย’
เลือกกิน'อาหารเพื่อสุขภาพ'ทานอย่างไร? แก่ไปแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย
หลัก 4 ใจ ที่นักการตลาดและเจ้าของสินค้านำไปใช้
ในขณะที่โลกมีความเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางดังกล่าว สินค้าที่นำเสนอต่อกลุ่มวัยเกษียณกลับมีการขยายตัวน้อยลง โดยสินค้าส่วนใหญ่ยังคงเน้นกลุ่มผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงเป็นส่วนใหญ่ เช่น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ อุปกรณ์การแพทย์ และบ้านพักคนชราเท่านั้น
ทำให้นักการตลาดอาจมองข้ามกลุ่มหลังเกษียณที่ยังมีแรงและสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ซึ่งก็คือกลุ่มที่กำลังจะเข้ามาเป็นกลุ่มประชากรหลักในไม่ช้า เนื่องจากยังมีกำลังกาย มีกำลังความคิด และที่สำคัญ มีกำลังซื้ออย่างมาก
จึงขอนำเสนอหลัก 4 ใจ ที่นักการตลาดและเจ้าของสินค้า สามารถนำไปใช้ในการวางแผนทางการตลาด สำหรับผู้สูงอายุได้
1.เชื่อใจ การทำให้กลุ่มสูงวัยมีความเชื่อใจ การอธิบายให้ผู้สูงอายุเข้าใจเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของสินค้าและบริการ การให้ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ในการอธิบายให้เกิดความชัดเจนและน่าเชื่อถือเกี่ยวกับสินค้าและบริการ แม้กลุ่มผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความภักดีในสินค้าและบริการที่ใช้เดิมเนื่องจากใช้กันมายาวนานและต่อเนื่อง แต่หากมีสิ่งใหม่ ความรู้ใหม่ ที่ทำให้สามารถได้รับสิ่งที่ดีขึ้นอย่างพิสูจน์ได้ก็มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงการใช้งานได้
2.เปิดใจ การทำการตลาดกับวัยเกษียณ จะต้องมีการให้และการรับ การให้ของฟรีอาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป เนื่องจากกลุ่มที่ได้รับอาจไม่ใช่กลุ่มลูกค้าที่สนใจสินค้าจริง ดังนั้นการให้ความรู้หรือโอกาสในการทดลองใช้งาน เป็นสิ่งสำคัญในการเปิดใจ ลูกค้ากลุ่มนี้เชื่อในกลุ่มคนที่เป็น KOL เฉพาะกลุ่ม เช่น คุณหมอ อาจารย์ หรือกลุ่มเพื่อนที่ใกล้ชิด ดังนั้นการใช้ Platform ที่เป็นลักษณะที่มีความน่าเชื่อถือจึงมีความสำคัญในการเปิดใจกลุ่มเป้าหมายนี้ และที่สำคัญการยิงโฆษณาอย่างเดียวสามารถสร้างการรับรู้ได้แต่ยังไม่สามารถเปิดใจเพื่อเปลี่ยนแปลงได้
3.เข้าใจ การเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของสินค้าและผลิตภัณฑ์โดยความเข้าใจแบบเหมารวมเกี่ยวกลุ่มผู้สูงวัย มักเกิดขึ้นจากการแบ่งแยกกลุ่มลูกค้าโดยอายุ แต่ในความเป็นจริงการแบ่งกลุ่มผู้สูงอายุควรแบ่งโดยใช้ช่วงของความสามารถในการทำกิจกรรม เช่นกลุ่มที่ยังมีความสามารถในการออกไปทำกิจกรรมเอง ตัดสินใจในการดำเนินชีวิตหรือเลือกกิจกรรมเอง กับกลุ่มที่เริ่มมีภาวะติดบ้าน ออกจากบ้านค่อนข้างลำบาก ทั้งสองกลุ่มมีความต้องการในการบริโภคต่างกัน
นอกจากนั้นยังมีเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจและสังคมที่ต่างกัน การเข้าถึงเทคโนโลยีที่ต่างกัน โดยในปัจจุบันผู้ที่เริ่มเกษียณในชุมชนเมืองช่วง 2-3 ปียังมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 57-62 ปี มีความคุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยีมากขึ้นเมื่อเทียบกับผู้เกษียณในยุคก่อนเนื่องจากการปรับตัวหลังจากช่วงสถานการณ์โควิด เป็นต้น การออกแบบ UX/UI ของแอพพลิเคชั่นต่างๆ สามารถนำเสนอได้หลากหลายมากขึ้น
4.จริงใจ ผู้สูงอายุเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในชีวิตมากและหลากหลาย การอธิบายเงื่อนไขการดำเนินการตรงๆ ถึงการใช้งานหรือประโยชน์ที่สินค้าและบริการได้รับอย่างชัดเจนจะทำให้ผู้สูงอายุสบายใจและกล้าดำเนินการในแอพพิเคชั่นหรือการขายสินค้าและบริการมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการโดนมิจฉาชีพหลอกลวง ทำให้เมื่อมีความซับซ้อนและไม่ชัดเจนในการออกแบบและข้อมูลทำให้ผู้สูงอายุ ผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะยกเลิกหรือไม่วางใจในแบรนด์สินค้านั้นๆ
จากหัวข้อทั้ง 4 ใจ ผู้สนใจตลาด 50+ ควรต้องมีการปรับมุมมองจากกลุ่มที่ไม่เท่าทันเทคโนโลยี เป็นกลุ่มที่พร้อมเรียนรู้แทน โดยเฉพาะในการออกแบบแอปฯ ควรออกแบบให้เข้าใจง่าย มีการใช้ภาษาพูด หรือใช้สัญลักษณ์แทนตัวหนังสือมากขึ้น มีวิดีโอสาธิตแทนคู่มือยาวๆ และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องสื่อสารด้วยความจริงใจ
จากข้อมูลดังกล่าว นั่นหมายความว่าทุกธุรกิจในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะหลีกเลี่ยงการบริการกลุ่มผู้สูงอายุไม่ได้อีกต่อไป ผู้ที่ปรับตัวทันจะได้เปรียบทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ส่วนผู้ที่มองข้ามความต้องการของกลุ่มนี้ ก็อาจตกขบวนของการเติบโตในยุคที่ ‘อายุยืน’ กลายเป็นเรื่องปกตินั่นเอง







