รพ.พระรามเก้า ลุย Expo Osaka ชูจุดแข็ง 'ปลูกถ่ายไต' แก้ปัญหาญี่ปุ่นคิวยาว

รพ.พระรามเก้า ลุย Expo Osaka ชูจุดแข็ง 'ปลูกถ่ายไต' แก้ปัญหาญี่ปุ่นคิวยาว

ภายใต้นโยบาย Medical Hub ที่ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในทุกรัฐบาล ประเทศไทยได้นำเสนอจุดแข็งด้านการแพทย์สู่เวทีโลก

KEY

POINTS

  • การนำเสนอศักยภาพของโรงพยาบาลขนาดกลางอย่างพระรามเก้าในงาน World Expo 2025 Osaka Kansai เป็นการสื่อสารว่าการรักษาพยาบาลมาตรฐานระดับโลก
  • โรงพยาบาลในประเทศไทยสามารถ เข้าถึงได้ง่ายและไม่ได้มีค่าใช้จ่ายสูงมากเสมอไป ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสดึงดูดผู้ป่วยในกลุ่มชนชั้นกลางที่มีกำลังทรัพย์ระดับหนึ่ง 
  • โดยเฉพาะ กลุ่มโรคที่ยากและซับซ้อน ซึ่งต้องรอคิวนานในประเทศ  เช่น การปลูกถ่ายไต การดูแลอาการปวดและฟื้นฟู (ศูนย์ Fix & Fit) เป็นต้น

ภายใต้นโยบาย Medical Hub ที่ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในทุกรัฐบาล ประเทศไทยได้นำเสนอจุดแข็งด้านการแพทย์สู่เวทีโลก ในงาน World Expo 2025 Osaka Kansai ที่เกาะยูเมะชิมะ เมืองโอซากา ภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 13 เม.ย.- 13 ต.ค. 2568 ภายใต้แนวคิด “Designing Future Society for Our Lives การออกแบบสังคมแห่งอนาคตเพื่อชีวิตที่ดี”

เป้าหมายสำคัญของประเทศไทย คือ การสะท้อนให้ทั่วโลกเห็นถึงศักยภาพและองค์ประกอบของไทยในการเป็นหมุดหมายเรื่องการดูแลสุขภาพและบริการทางการแพทย์ (Wellness&Medical Hub) เนื้อหาที่นำเสนอจาก 1-1,000,000 ประกอบด้วย สถาปัตยกรรมไทยทรงจอมแห ภูมิประเทศ ทรัพยากร อาหารเพื่อสุขภาพ ประเพณีวัฒนธรรม ศักยภาพสาธารณสุขไทย สถานบริการทางการแพทย์ ผลิตภัณฑ์สุขภาพ และวิถีสุขภาพดีอย่างไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ไทยปักธง 'ศูนย์กลางสุขภาพโลก' ขาย 'อนาคตที่สุขภาพดี' ให้คนทั่วโลก

4 ทุ่มตั้งสติ ทดสอบสมาธิ ‘TikTok’ เปิดฟีเจอร์ฮีลใจ แก้ปัญหาวัยรุ่นป่วยจิต

สร้าง Brand Awareness และ Recognition ระดับโลก

การนำเสนอบริการและเทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อสร้างการรับรู้และดึงดูดผู้ป่วยต่างชาติกลุ่มใหม่ ของโรงพยาบาลพระรามเก้า ครึ่งหลังของเดือนสิงหาคมนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงศักยภาพด้านการแพทย์ของไทย และของโรงพยาบาลให้ชาวโลกได้รับรู้มากขึ้น

เป้าหมายหลักคือการ สร้าง Brand Awareness และ Recognition ในระดับโลก ทำให้โรงพยาบาลพระรามเก้า เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับทัดเทียมโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำอื่นๆ ในประเทศไทย 

ไม่ได้มุ่งเป้าเฉพาะกลุ่มชาวญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ต้องการ เปิดตลาดสู่ชาวโลก เพื่อดึงดูด ผู้ป่วยกลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะ กลุ่มชนชั้นกลาง (Medium Class) ที่อาจเข้าใจว่าการมารักษาที่ไทยมีค่าใช้จ่ายสูงมาก งานนี้จะเป็นการสื่อสารว่า การรักษาพยาบาลที่มีมาตรฐานระดับโลกในประเทศไทยนั้น เข้าถึงได้ง่ายและไม่ได้มีค่าใช้จ่ายสูงมากเสมอไป

รพ.พระรามเก้า ลุย Expo Osaka ชูจุดแข็ง 'ปลูกถ่ายไต' แก้ปัญหาญี่ปุ่นคิวยาว

เจาะลึก Pain Point ชาวญี่ปุ่น

สำหรับชาวญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าสำคัญของโรงพยาบาลพระรามเก้า เดิมทีเป็นกลุ่ม Expat ที่พำนักในไทย แต่ปัจจุบันเริ่มขยายไปถึงกลุ่มที่เดินทางมารับการรักษาโดยตรง เนื่องจากปัญหาที่ชาวญี่ปุ่นมักเผชิญในระบบสาธารณสุขของตนเองและทำให้พวกเขามองหาทางเลือกในการรักษาในไทย ได้แก่ ระยะเวลาการรอคอยและคิวที่ยาวนาน รวมถึง ความยุ่งยากในการเข้าถึงแพทย์เฉพาะทาง (Specialist) เนื่องจากต้องผ่านการพบแพทย์ทั่วไปก่อนและต้องรอการส่งต่อ นอกจากนี้ ข้อจำกัดด้านเวลาทำการของสถานพยาบาลบางแห่งในญี่ปุ่นก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง

“นพ. วิทยา วันเพ็ญ”รองกรรมการผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ”  ว่าการเข้าร่วมงาน Expo ครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะจัดแสดงในช่วงครึ่งหลังของเดือนสิงหาคม เป็นโอกาสที่โรงพยาบาลพระรามเก้าจะได้แสดงศักยภาพเพื่อให้ชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นและคนทั่วโลกได้รู้จักมากขึ้นมีศักยภาพเทียบเท่าโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำในประเทศไทยและสามารถให้บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการ (Match With Their Needs)

รพ.พระรามเก้า ลุย Expo Osaka ชูจุดแข็ง 'ปลูกถ่ายไต' แก้ปัญหาญี่ปุ่นคิวยาว

ศูนย์เปลี่ยนถ่ายไตไฮไลท์สำคัญ

โดยหนึ่งในไฮไลท์สำคัญที่นำเสนอประกอบด้วยศูนย์หัวใจ (Heart Center) ที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคหัวใจที่ซับซ้อน เช่น การซ่อมหรือเปลี่ยนลิ้นหัวใจ และหัตถการอื่นๆ โดยมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและศูนย์เปลี่ยนถ่ายไต (Kidney Transplant Center)ซึ่งเป้าหมายระยะยาวต้องการที่จะเป็น “ศูนย์เปลี่ยนถ่ายไตของโลก”ซึ่งปัจจุบัน โรงพยาบาลพระรามเก้าเป็นอันดับ 1 ด้านการเปลี่ยนถ่ายไตในกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนของประเทศไทย ในแง่จำนวนเคสที่ทำได้สูงที่สุด และเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกที่เริ่มให้บริการด้านนี้

ด้วยระบบและกระบวนการเปลี่ยนถ่ายไต มีโปรโตคอลสำหรับญาติ ผู้บริจาค และผู้ป่วย สามารถให้บริการทั้งผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยชาวต่างชาติมักนำผู้บริจาคของตนมาเอง ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายไตใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนหากทุกอย่างพร้อม ผู้ป่วยที่ได้รับการเปลี่ยนถ่ายไตโดยทั่วไปสามารถอยู่ได้อีกประมาณ 10-20 ปี และกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ

รพ.พระรามเก้า ลุย Expo Osaka ชูจุดแข็ง 'ปลูกถ่ายไต' แก้ปัญหาญี่ปุ่นคิวยาว

ศูนย์ฟื้นฟู แก้เครียด-ออฟฟิศซินโดรม

นอกจากนี้ยังมีศูนย์ฟิกซ์ แอนด์ ฟิต (Fix & Fit Center) เป็นศูนย์ดูแลอาการปวด (Pain Center) และศูนย์ฟื้นฟู (Rehab Center)ที่คาดว่าจะได้รับความสนใจโดยเฉพาะกลุ่มชาวญี่ปุ่นที่มีความเครียดจากการทำงานสูงและมักประสบปัญหาออฟฟิศซินโดรม อาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรังมีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างครบครัน เช่น สระว่ายน้ำ ไอซ์แลป และอุปกรณ์ทางการแพทย์ระดับ Medical Grade สามารถรองรับกลุ่มชาวญี่ปุ่นที่เตรียมตัวมาเกษียณและต้องการการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจในประเทศไทยได้อีกด้วย 

“ที่ศูนย์ฟื้นฟูฯจะมีเครื่อง TMS (Transcranial Magnetic Simulation) เป็นเครื่องกระตุ้นแม่เหล็กไฟฟ้า มีทั้งรุ่นเบา (rTMS) สำหรับนวดกล้ามเนื้อ/ปวดเรื้อรัง และรุ่น Deep (dTMS) สำหรับกระตุ้นสมองเพื่อรักษาภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้าซึ่งตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพจิตที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มชาวญี่ปุ่น แต่จะไม่ได้นำไปโชว์ที่งานโดยตรง”

นพ. วิทยา กล่าวว่าการนำเสนอศักยภาพของโรงพยาบาลขนาดกลางอย่างพระรามเก้าในงาน World Expo 2025 Osaka Kansai ครั้งนี้เป็นการสื่อสารว่าการรักษาพยาบาลมาตรฐานระดับโลกในประเทศไทยนั้น เข้าถึงได้ง่ายและไม่ได้มีค่าใช้จ่ายสูงมากเสมอไป ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสดึงดูดผู้ป่วยในกลุ่มชนชั้นกลางที่มีกำลังทรัพย์ระดับหนึ่ง 

และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบาย Medical Hub ของประเทศสร้างรายได้เข้าประเทศทั้งจากการรักษาพยาบาลและบริการต่อเนื่อง เช่น โรงแรม อาหาร และชอปปิง พร้อมยกระดับสถานะของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางทางการแพทย์ที่แข็งแกร่งและเข้าถึงได้  นอกเหนือจากค่ารักษาพยาบาลแล้ว ยังมีรายได้จากการท่องเที่ยว การช้อปปิ้ง และที่พักของญาติผู้ป่วยที่เดินทางมาด้วย ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ

รพ.พระรามเก้า ลุย Expo Osaka ชูจุดแข็ง 'ปลูกถ่ายไต' แก้ปัญหาญี่ปุ่นคิวยาว

ดึงกลุ่ม Medium Class

สำหรับความคาดหวังและแผนต่อยอดจากงาน World Expo เป้าหมายหลักคือการสร้าง Brand Awareness และ Recognition ในระดับโลก หวังว่าผู้ที่ได้รู้จักโรงพยาบาลผ่านงาน Expo จะได้ลองมาใช้บริการ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรคไตจากต่างประเทศ สามารถเริ่มต้นจากการทำ Telemedicine ได้ 

“การไปในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เจาะกลุ่มชาวญี่ปุ่น แต่ต้องการให้คนทั่วโลกทราบถึงศักยภาพของไทยและเป็นโอกาสที่ดีสำหรับโรงพยาบาลขนาดกลางอย่างพระรามเก้าที่ได้ไปอยู่บนเวทีใหญ่ระดับโลก สามารถรองรับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ที่ไม่ใช่กลุ่ม Super Ultra Rich แต่เป็นกลุ่ม Medium Class ที่มีกำลังทรัพย์ระดับหนึ่งได้” 

รองกรรมการผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวด้วยว่าสำหรับผู้ป่วยต่างชาติ ในอดีตมีกลุ่มผู้ป่วยหลักคือ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม) จีน และญี่ปุ่น ปัจจุบันกลุ่มผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง (Middle East) ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีที่ผ่านมา และกลายเป็นกลุ่มอันดับหนึ่งในปี 2024 นี้ ตามมาด้วยพม่าและจีน

รพ.พระรามเก้า ลุย Expo Osaka ชูจุดแข็ง 'ปลูกถ่ายไต' แก้ปัญหาญี่ปุ่นคิวยาว

โรงพยาบาลตั้งเป้าหมายที่จะขยายกลุ่มลูกค้าไปยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ทั้งในยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย โดยเน้นการให้บริการแบบครบวงจร (Integrated Service) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ป่วยและญาติอย่างเต็มที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมของผู้ป่วยปัจจุบันรายได้จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติคิดเป็นประมาณ 20 ถึง 25% ของรายได้ทั้งหมดของโรงพยาบาล

ไตรมาสแรกของปี 2025 กลุ่มผู้ป่วยหลักเรียงตามรายได้คือ อาหรับ เมียนมา จีน ส่วนในปี 2024 เป็นกลุ่ม เมียนมา จีน กัมพูชา การเติบโตของตลาดอาหรับส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตลาดและการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในประเทศอื่นๆ เช่น เมียนมา โรงพยาบาลเริ่มมีผู้ป่วยจากประเทศอื่นๆ เข้ามา เช่น มีเคสแรกของการปลูกถ่ายไตจาก บังคลาเทศ และคาดหวังว่าในอนาคตจะมีผู้ป่วยสำหรับการปลูกถ่ายไตจากประเทศที่หลากหลายมากขึ้น เช่น อเมริกา ยุโรป และออสเตรเลีย

ทั้งนี้เหตุผลที่ชาวต่างชาติมาใช้บริการ ผู้ป่วยต่างชาติส่วนใหญ่มักจะมาเพื่อรักษา กลุ่มโรคที่ยากและซับซ้อน ซึ่งอาจรักษาได้ยากหรือต้องรอคิวนานในประเทศ โดยเฉพาะในด้านที่โรงพยาบาลเชี่ยวชาญ เช่น การปลูกถ่ายไต..โรคหัวใจที่ซับซ้อนการดูแลอาการปวดและฟื้นฟู (ศูนย์ Fix & Fit) การดูแลภาวะทางจิตใจและสมอง (ด้วยเครื่อง TMS)... และการผ่าตัดกระดูกสันหลัง นอกจากนี้ ยังมีการมาเพื่อตรวจสุขภาพทั่วไปและส่องกล้องด้วย การบริการที่เป็นเลิศ ความเชี่ยวชาญของบุคลากร และความสะดวกสบายของระบบการรักษา (เช่น ระบบ Home Care และ Telemedicine) ก็เป็นปัจจัยดึงดูดด้วยเช่นกัน

รพ.พระรามเก้า ลุย Expo Osaka ชูจุดแข็ง 'ปลูกถ่ายไต' แก้ปัญหาญี่ปุ่นคิวยาว

ข้อจำกัดการพบแพทย์ประเทศญี่ปุ่น

ระยะเวลาการรอคอยและคิวที่ยาวนานการเข้าถึงแพทย์เฉพาะทาง (Specialist):ผู้ป่วยส่วนหนึ่งไม่สามารถวอล์คอินเข้าไปพบแพทย์เฉพาะทางได้โดยตรงต้องเข้าพบแพทย์ทั่วไป (General Medicine) ก่อน แพทย์ทั่วไปจะเป็นผู้พิจารณาว่าอาการของผู้ป่วยจำเป็นต้องพบแพทย์เฉพาะทางหรือไม่ และจะเป็นผู้ส่งต่อไป มีช่วงเวลาที่ต้องรออยู่ระหว่างการอยู่กับแพทย์ทั่วไปก่อนที่จะได้ไปพบแพทย์เฉพาะทาง

การหาหมอในญี่ปุ่นมีความยุ่งยากซับซ้อนพอสมควร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ โรงพยาบาลหลายแห่ง (รวมถึงคลินิกแพทย์ทั่วไป) อาจไม่ได้เปิดตลอด 24 ชั่วโมงบางทีอาจจะ เปิดแค่ช่วง 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นเท่านั้น มีเพียงโรงพยาบาลใหญ่ๆ เท่านั้นที่จะดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

ความยุ่งยากเหล่านี้ทำให้การเข้าถึงการรักษาในญี่ปุ่น ค่อนข้างลำบาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับระบบในประเทศไทยบางส่วน เช่น ระบบ Home Careที่มี Telemedicine 24 ชั่วโมงเพื่อแก้ปัญหาการรอคอยและการเข้าถึงการรักษาที่ยากลำบากนี้

ในกรณีที่ต้องได้รับยาบางชนิด (เช่น ยาแก้แพ้) ก็ ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ ซึ่งหมายถึงต้องผ่านขั้นตอนการพบแพทย์ก่อนจึงจะได้รับยาได้

รพ.พระรามเก้า ลุย Expo Osaka ชูจุดแข็ง 'ปลูกถ่ายไต' แก้ปัญหาญี่ปุ่นคิวยาว

รพ.พระรามเก้า ลุย Expo Osaka ชูจุดแข็ง 'ปลูกถ่ายไต' แก้ปัญหาญี่ปุ่นคิวยาว

รพ.พระรามเก้า ลุย Expo Osaka ชูจุดแข็ง 'ปลูกถ่ายไต' แก้ปัญหาญี่ปุ่นคิวยาว