อัปสกิล 'นวดไทย' Soft Power มัดใจต่างชาติ

อัปสกิล 'นวดไทย' Soft Power มัดใจต่างชาติ

“นวดไทย” ตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้แห่งมวลมนุษยชาติ หลังโควิด-19 เรียกได้ว่า การนวดไทยกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง จากทั้งคนที่ชื่นชอบการนวด และ นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมเยียนประเทศไทย รวมถึงคนรุ่นใหม่ หันมาสนใจอาชีพนี้มากขึ้น

KEY

POINTS

  • “นวดไทย” หรือ “Nuad Thai, Traditional Thai Massage” ได้รับการขึ้นทะเบียน ในบัญชีรายชื่อตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้แห่งมวลมนุษยชาติ จาก องค์การยูเนสโก
  • ปัจจุบัน “นวดไทย” เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ หลังโควิด-19 ที่ลูกค้าเริ่มมองหาร้านนวดที่ได้มาตรฐาน รวมถึง คนรุ่นใหม่เริ่มให้ความสนใจอาชีพนี้มากขึ้น ทำให้มาตรฐานงานนวดสูงขึ้นตามไปด้วย
  • อย่างไรก็ตาม ความต้องการของตลาดแรงงาน ถือว่าหมอนวดยังไม่เพียงพอ และการอัปสกิล เช่น ทักษะภาษาอังกฤษ ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะยกระดับนวดไทยให้มากยิ่งขึ้น

“นวดไทย” หรือ “Nuad Thai, Traditional Thai Massage” ได้รับการขึ้นทะเบียน ในบัญชีรายชื่อตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้แห่งมวลมนุษยชาติ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2562 ภายใต้อนุสัญญา ว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ค.ศ. 2003 ขององค์การยูเนสโก

 

การขึ้นทะเบียนในครั้งนี้จะเป็นการสร้างความตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของนวดไทยในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในระดับสากล รวมถึงเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ เข้าถึง พัฒนา และสงวนรักษาศาสตร์ด้านการนวดไว้ให้แก่ชนรุ่นหลัง

 

ปัจจุบัน “นวดไทย” เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ และ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมเยียนประเทศไทย โดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ลูกค้าเริ่มมองหาร้านนวดที่ถูกสุขลักษณะ ร้านเปิดอย่างถูกต้อง มาตรฐานการนวด และสถานที่ตั้ง รวมถึง คนรุ่นใหม่ที่เรียนจบปริญญาตรี เริ่มให้ความสนใจอาชีพนวดไทยมากขึ้น ทำให้มาตรฐานงานนวดสูงขึ้นตามไปด้วย

 

"นวดไทย” ยังขาดแคลนแรงงาน

“ครูพร – พรพรรณ สร้อยทอง” อาจารย์ประจำโรงเรียนสิริลดา นวดไทยเละสปา ศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ให้สัมภาษณ์ กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า อาชีพนวดไทย สปา หากเทียบกับเมื่อก่อนได้รับความนิยมมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ความต้องการของตลาดแรงงาน ถือว่าตอนนี้หมอนวดยังไม่เพียงพอ ขาดแคลนทั้งในส่วนของผู้ที่ประกอบอาชีพร้านนวดทั่วไป รวมถึง การส่งแรงงานออกสู่ต่างประเทศ เพราะเทรนด์สุขภาพมาแรง

 

อัปสกิล \'นวดไทย\' Soft Power มัดใจต่างชาติ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ขณะเดียวกัน หลังโควิด-19 นักท่องเที่ยวค่อนข้างนิยมมาสายสุขภาพ การนวดเป็นการปรับสมดุลสุขภาพได้ดี ไม่ว่าจะเรื่องของอารมณ์ สุขภาพภายใน ช่วยให้ผ่อนคลายจากการทำงาน ดังนั้น พอเข้าสู่สภาวะปกติ คนจึงเริ่มกลับมาใช้บริการทั้งคนที่นวดประจำ และ คนที่ทดลองนวด ทำให้อัตราผู้ใช้บริการมากขึ้น

 

ทางสถาบันฯ มีนโยบายเร่งผลิตบุคลากรในสาขาวิชาชีพนี้ เพื่อป้อนสู่ตลาดแรงงาน ในปี 2566 มีการผลิตลูกศิษย์ไปแล้วมากกว่า 140 คน กว่าครึ่งออกสู่ต่างประเทศ และเข้าสู่ระบบทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานราว 80 กว่าคน ซึ่งการเข้าสู่ระบบการสอบมาตรฐาน จะเป็นสิ่งที่นายจ้างดูในลำดับต้นๆ ของการสมัครงาน

 

“การนวดเพื่อสุขภาพ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ให้บริการเป็นหลัก ฉะนั้น ผู้ที่เข้าสู่ตลาดแรงงานต้องมองถึงมาตรฐานความปลอดภัยเช่นกัน เวลาที่เราเรียนและสอบมาตรฐาน จึงมีทั้งข้อห้าม ข้อควรระวัง ที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้และปฏิบัติ รวมถึงการนวดที่ต้องมาจากมาตรฐานตำรา หลักสูตร และต้องดูเรื่องความปลอดภัย”

 

คนรุ่นใหม่ หันมาสนใจมากขึ้น

ทั้งนี้ ระดับผู้ให้บริการนวด มีทั้งหมด 3 ระดับ ได้แก่ “ระดับ 1” การสอบมาตรฐานกำหนดว่าผู้สอบจะต้องมาจากผู้เรียนที่จบหลักสูตรนวดเพื่อสุขภาพ 150 ชั่วโมงขึ้นไปเป็นพื้นฐาน หลังจากนั้นจะก้าวเข้าสู่ “ระดับ 2” จบหลักสูตร 330 ชั่วโมง หรือ 375 ชั่วโมง สามารถทำตำแหน่งผู้ช่วยแพทย์ แก้อาการได้ และ “ระดับ 3” เรียกว่าระดับอัตโนมัติ คือ ผู้ผ่านระดับ 1-2 และมีใบประกอบโรคศิลปะ

 

อัปสกิล \'นวดไทย\' Soft Power มัดใจต่างชาติ

 

ครูพร อธิบายว่า ระดับ 3 แบ่งเป็น สาย ข. คือ ปริญญาตรีสาขาแพทย์แผนไทย หรือ แพทย์แผนไทยประยุกต์ ส่วน สาย ก. เป็นกลุ่มทางเลือก เช่น ผู้ที่อายุมาก เรียน 4 สาขา คือ ผดุงครรภ์ นวดไทย เภสัชฯ เวชกรรม และสอบใบประกอบโรคศิลปะ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทางภาครัฐสนับสนุนสำหรับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญอย่างแพทย์พื้นบ้าน เข้าสู่แพทย์แผนไทยสาย ก. เพื่อที่จะได้ทัดเทียมแพทย์สาย ข. จึงทำให้การนวดไทยเฟื่องฟู

 

ปัจจุบัน เรียกได้ว่า อาชีพนวดไทย เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สามารถทำเงินและเป็นทางเลือกสำหรับคนรุ่นใหม่ โรงเรียนสิริลดา นวดไทยเละสปา ซึ่งเปิดมาได้ราว 2 ปี มีคนที่จบปริญญาตรีให้ความสนใจเข้ามาเรียนและนักเรียนที่จบไปต่างมีรายได้ดี โดยเฉพาะในช่วงไฮซีซั่น เฉลี่ยเดือนละมากกว่า 30,000 บาท หากรวมทิปบางคนได้มากกว่า 50,000 บาทต่อเดือน

 

อัปสกิล แรงงาน 

ทั้งนี้ “ครูพร” มองว่านอกจากทักษะในด้านการนวดแล้ว ทักษะอื่นๆ ที่ต้องมี คือ บุคลิกภาพ ไหวพริบปฏิภาณ ทำตัวเป็นน้ำที่ไม่เต็มแก้ว พร้อมที่จะเรียนรู้ รวมถึงด้านจิตใจ ต้องอดทนอดกลั้น เพราะต้องเจอลูกค้าที่หลากหลาย และที่สำคัญ คือ ภาษา ซึ่งในคลาสของครูจะพยายามสอนภาษาอังกฤษควบคู่ไปด้วย เพื่อจะได้สื่อสารกับต่างชาติได้

 

ล่าสุด กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จับมือ มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม Up-Skill ภาษาอังกฤษให้แคดดี้และพนักงานนวดไทย จุดกระแสซอฟพาวเวอร์รับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ ตั้งเป้า 300 คน นำร่อง 3 จังหวัด กรุงเทพ ชลบุรี และปทุมธานี โดยในพื้นที่ชลบุรีจะมีการเปิดอบรมหลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่ออาชีพ : พนักงานนวดและสปา ช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2567 ที่โรงเรียนสิริลดานวดไทยและสปา อีกด้วย

 

“คาดหวังผู้เรียนจะนำไปเป็นพื้นฐานในการปฏิบัติระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ทุกคนต้องฝึกฝน แต่อย่างน้อยการที่เขาผ่านโปรแกรมหลักสูตรเหล่านี้ ถือว่าเป็นแรงกระตุ้นให้เขาได้สัมผัสว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด และในอนาคตอยากพัฒนาหมอนวด 2 ภาษา ทั้ง ภาษาอังกฤษ และ ภาษาจีน เพราะทั้งสองภาษาเหมือนมาคู่กัน ประเทศไทย หากตอบโจทย์การทำงานได้ถูกต้องก็ Win เศรษฐกิจก็จะเฟื้องฟู หากสามารถทำให้หมอนวดไทยพูดภาษาจีนได้ เชื่อว่าคนจีนจะเข้าสู่ร้านนวดไทยมากขึ้น”

 

ครูพร กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่อยากให้ภาครัฐสนับสนุน คือ เรื่องของรายได้ “แรงงาน” เพราะหากรายได้เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย สมดุลในสังคม ความเหลื่อมล้ำก็จะน้อยลง รวมถึง ระยะเวลาการขึ้นทะเบียน รูปแบบเอกสารให้กระชับ ลดขั้นตอน จะช่วยให้คนที่จะเข้าสู่อาชีพได้เร็วขึ้น

 

อัปสกิล \'นวดไทย\' Soft Power มัดใจต่างชาติ

 

เรื่องเล่าจาก “ครู”

ปัจจุบัน “ครูพร” ถือเป็นผู้ให้บริการนวดไทยระดับ 3 พ่วงตำแหน่ง ผู้ทดสอบฝีมือแรงงาน สาขานวดไทยระดับ 1 และ ระดับ 2 กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน และได้รับรองคุณวุฒิวิชาชีพ สาขาวิชาชีพธุรกิจเสริมสวยและเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย สาขาให้บริการสปา อาชีพสปาเทรนเนอร์ ระดับ 5 จากสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน)

 

แต่หากย้อนกลับไปในจุดเริ่มต้น ครูพร เล่าว่า ความจริงแล้วเรียนจบด้านสิ่งทอ ผ้าและเครื่องแต่งกาย ออกแบบลายผ้า เคยเปิดร้านนวดไทยมากว่า 10 ปีในย่านสนามเป้า จากร้านเล็กๆ ขยายจนเป็นร้านใหญ่ และได้รับความนิยมล้นหลามโดยฐานลูกค้ากว่า 95% เป็นต่างชาติ จนมาเจอสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ร้านต้องปิดตัวลง

 

ความรู้ทางด้านแพทย์พื้นบ้าน เสมือน DNA สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ปู่ย่าตาทวด เป็นสายนวด หมอยา สมุนไพร และคุณยายเป็นหมอตำแยโบราณ ด้วยความที่ไม่อยากให้สิ่งที่สืบทอดสูญหาย จึงเข้ามาสู่การเรียนที่ถูกต้อง และสอบใบประกอบโรคศิลปะ เพื่อจะได้ถ่ายทอดสิ่งที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ การที่ได้มาเป็นครู จึงเป็นการถ่ายทอดความรู้ เพื่อไม่ให้สูญหาย

 

“หลังจากที่ร้านปิดตัวลง มองว่า อยากถ่ายทอดให้กับคนรุ่นต่อไปด้วยหลักของวิชาที่ถูกต้อง ในวัย 50 ปี หากไม่มีแรงนวดแล้วเราจะทำอะไร และจะปล่อยให้วิชาหายไปพร้อมกับเราหรือ ?”

 

ปัจจุบัน ครูพร ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่กรุงเทพฯ และยังคงดูแลลูกค้าประจำที่เคยใช้บริการที่ร้าน โดยให้บริการแบบเดลิเวอรี่นัดหมายล่วงหน้า รวมถึงไปเดินทางไปสอนที่ จ.ชลบุรี และ สนับสนุนอาชีพปลูกสมุนไพรผู้สูงอายุที่บ้านเกิด จ.สุรินทร์ เพื่อแปรรูป นำมาใช้ในการสอนนวดไทย เช่น ลูกประคบ อบตัว ยาหม่อง รวมถึงส่งออกไปยังต่างประเทศ และอยู่ระหว่างการศึกษาในระดับ ป.ตรี อีก 1 ใบ ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม ที่ ม.ราชภัฏสวนสุนันทา อีกด้วย

 

“ตอนนี้เป็นยุคของสังคมสูงวัย คนสูงวัยอยู่บ้านว่างๆ พอพูดเรื่องสมุนไพรคนวัยนี้จะชอบ แค่ทำวันละ 1-2 ชั่วโมงเขาก็มีความสุข มีเพื่อน เขาได้ทำงานและรู้สึกว่ามีคุณค่า ผู้สูงอายุบางคนมีเงินเยอะ แต่เขากลัวไม่มีคุณค่า อีกทั้ง ยังเป็นตัวอย่างให้นักเรียนได้เห็นว่า การใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติสามารถลดต้นทุน และสร้างมูลค่า สร้างคุณค่าให้กับของในบ้าน”

 

ครูพร กล่าวทิ้งท้ายว่า ทุกวันนี้เวลาไปนวดให้ลูกค้าเก่าๆ ที่ให้บริการมากว่า 10 ปี ก็เหมือนไปหาญาติผู้ใหญ่ หาพี่หาน้อง ทำให้เรามีความสุขกับการทำงาน ในอนาคตอยากให้อนุรักษ์การนวดไทย ท้วงท่า ลีลาการนวด กริยามารยาทที่ไม่มีประเทศไหนทำได้เหมือนไทย อยากให้คนรุ่นใหม่เข้ามาสู่วงการนวดอย่างถูกต้อง ถูกหลักตำรานวดไทย นำไปปฏิบัติ บำบัดได้จริง และให้การนวดไทย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้คนไทยได้รักษา 

 

อัปสกิล \'นวดไทย\' Soft Power มัดใจต่างชาติ