‘ททท.’ ชู 8 มาตรการท่องเที่ยวปลุกโลว์ซีซัน! โหม ‘ไทยเฟสติวัล’ 5 ประเทศเอเชีย
ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. รายงานต่อ เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวฯ คนใหม่ ในที่ประชุมมอบนโยบายแก่ผู้บริหารส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์การมหาชนในสังกัด เมื่อ 8 พ.ค. ว่า ททท. มี 'มาตรการการตลาดการท่องเที่ยวระยะสั้น' ช่วงโลว์ซีซัน รวม 8 มาตรการด้วยกัน
มาตรการที่ 1 ตอกย้ำภาพลักษณ์จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวคุณภาพยอดนิยมระดับโลก (Keeping Thailand Top of Mind) ส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างมีความหมาย (Meaningful Travel) สู่การบอกต่อเรื่องราวไม่รู้จบ “Your Story Never End” มีคุณค่าน่าจดจำ ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ ควบคู่กับการพัฒนาแบรนด์ท่องเที่ยวไทยสู่ “การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ” ให้เป็นจุดขายใหม่ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวแห่งอนาคต ผ่านช่องทางระดับนานาชาติ อาทิ ซีเอ็นเอ็น, บีบีซี, ยูโรนิวส์, บลูมเบิร์ก, ซีเอ็นเอ, เน็ตฟลิกซ์ และยูทูป
มาตรการที่ 2 ขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ใช้จ่ายสูง (Increasing Market Share) ร่วมมือกับ “เครือข่ายพันธมิตร” ทั้งในและนอกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น แบรนด์ด้านแฟชัน ซูเปอร์คาร์ ไพรเวตเจ็ต และอสังหาริมทรัพย์ พร้อมรักษาปริมาณที่นั่งโดยสารเครื่องบินตลาดหลัก และเพิ่มเส้นทางบินในตลาดศักยภาพ
มาตรการที่ 3 เพิ่มศักยภาพและผลักดันผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวไทย (Accelerating Sustainability) ให้พร้อมก้าวเข้าสู่การส่งเสริมตลาด “การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน” ผ่านโครงการ STAR (Sustainable Tourism Acceleration Rating) ขณะเดียวกันมุ่งผลักดันการเพิ่มแรงงานภาคบริการ ลดต้นทุน ส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุน และให้ความสำคัญกับขีดความสามารถในการรองรับนักท่องเที่ยว (Carrying Capacity)
มาตรการที่ 4 ยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าและบริการท่องเที่ยวไทย (Value-adding to Thainess Experience) สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าท่องเที่ยวด้วยอัตลักษณ์แห่งความเป็นไทยกลุ่ม “ซอฟต์พาวเวอร์” (Soft Power) ทั้ง 5F ครอบคลุม Food Film Festival Fashion และ Fight เพื่อสร้างมูลค่าและการใช้จ่ายด้วยการสร้างประสบการณ์ เช่น โครงการ Be My Guest และ Be a Better Thai Host
มาตรการที่ 5 ผลักดันการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้าไทยมากขึ้น (Facilitating The Ease of Traveling) พร้อมอำนวยความสะดวกให้การเดินทางรวดเร็วยิ่งขึ้นเพื่อช่วงชิงตำแหน่งทางการตลาด ด้วยการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดนักท่องเที่ยวโลกในช่วงไฮซีซัน ด้วยมาตรการ “ยกเว้นวีซ่า” (วีซ่าฟรี)
มาตรการที่ 6 ขยายระยะเวลาการท่องเที่ยวในประเทศไทยให้นานขึ้น (Extending Length of Stay) นำเสนอโปรโมชันร่วมกับผู้ประกอบการ ควบคู่กับการออกแบบกิจกรรมเพื่อการท่องเที่ยว ด้วย “อีเวนต์” ระดับท้องถิ่นหรือสากลเพื่อ “กระตุ้นระยะเวลาพำนัก” กระจายพื้นที่และช่วงเวลาเดินทาง เช่น Food, Beach, Music & Muay Thai Festival รวมถึงงานวิจิตร 5 ภาค และกิจกรรมเชิงศรัทธาและความเชื่อ
มาตรการที่ 7 เติมเต็มอุปทานส่วนเกิน สนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ด้วยตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทย (Supporting SMEs with Domestic Focus) ในช่วงโลว์ซีซัน เช่น โครงการ “รัฐทัวร์ ทั่วไทย” และโครงการ “รถทัวร์ทั่วไทย”
และมาตรการที่ 8 บริหารภาพลักษณ์ให้เป็นไปในเชิงบวกอย่างต่อเนื่อง (Strengthening The Brand Image) เพื่อส่งมอบประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ปลอดภัย เตรียมสู่การทำตลาดช่วงไฮซีซัน โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวหลัก
ทั้งนี้ในช่วงที่เหลือของปี 2567 ททท.เตรียมจัดกิจกรรม “ไทย เฟสติวัล 2024” ในภูมิภาคเอเชีย 5 ประเทศ เริ่มที่ “จีน” ระหว่างวันที่ 13-16 มิ.ย. จัดที่เมืองคุนหมิง ในห้างสรรพสินค้าถงเต๋อ นำเสนออาหารไทย ผลไม้ไทย และการแสดงศิลปวัฒนธรรม คาดมีผู้เข้าร่วมงาน 50,000-100,000 คน ต่อด้วย “ญี่ปุ่น” ระหว่างวันที่ 15-16 มิ.ย. ร่วมกับสถานทูตกรุงโตเกียว จัดงานที่โคะโตะได พาร์ค เมืองเซนได จ.มิยางิ ด้วยธีม Must Faith ศรัทธาและความเชื่อ เช่น พระพิฆเนศสีชมพู วัดสมานรัตนาราม จ.ฉะเชิงเทรา และ Must Join – Thai Show การแสดงศิลปวัฒนธรรม ประสบการณ์การท่องเที่ยวสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เช่น กิจกรรมการอาบน้ำช้าง คาดมีผู้เข้าร่วมงาน 40,000 คน
ส่วน “ไต้หวัน” ระหว่างวันที่ 20-21 ก.ค. ร่วมกับหน่วยงานอื่นจัดงานที่ห้างสรรพสินค้าเมกะซิตี้ สาขาป่านเฉียว นครนิวไทเป นำเสนอธีมงาน “Amazing Thailand Soft Power” ประกอบด้วยอาหารไทย ภาพยนตร์และซีรีส์วายทั้งแนวบอยเลิฟและเกิร์ลเลิฟ รวมไปถึงมวยไทย เทศกาลไทย ที่จะมาชูไฮไลต์งานสงกรานต์กับลอยกระทง และแฟชันไทยที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างกางเกงช้าง และผลิตภัณฑ์ผ้าไทยอื่นๆ คาดมีผู้เข้าร่วมงาน 100,000 คน
“เกาหลีใต้” ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.-ต.ค. จัดที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำฮัน กรุงโซล วางธีมจัดงานแบบผสมผสานได้ทุกประเภทของซอฟต์พาวเวอร์ โดยประเภทที่โดดเด่นที่สุดในตลาดนักท่องเที่ยวเกาหลีตอนนี้คืออาหารไทย คาดมีผู้เข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 50,000 คนต่อวัน และ “เวียดนาม” ตั้งแต่เดือน ต.ค.-พ.ย. ที่ศูนย์วัฒนธรรมเยาวชน โฮจิมินห์ พื้นที่ในร่มและกลางแจ้งขนาด 1,800 ตารางเมตร จัดด้วยธีมงานเทศกาลลอยกระทง คาดมีผู้เข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 5,000 คน
ฐาปนีย์ เปิดเผยว่า นอกจากนี้ ททท. เตรียมคิกออฟโครงการ “72 สิ่งที่ต้องทำเมื่อมาไทย” ช่วงต้นเดือน ก.ค.นี้ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา ในวันที่ 28 ก.ค. 2567 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซันด้วย เบื้องต้นจะต่อยอดจากกลยุทธ์ “5 สิ่งที่ต้องทำเมื่อมาไทย” (5 Must Do in Thailand) ได้แก่ มวยไทย อาหารไทย วัฒนธรรมไทย ผ้าไทย และโชว์ไทย หลังตกผลึกจากการประชุมระดมสมองภาคการท่องเที่ยวไทยเมื่อกลางเดือน มี.ค. และรัฐบาลประกาศให้เป็นหนึ่งใน 5 กลยุทธ์หลักภายใต้วิสัยทัศน์ “IGNITE TOURISM THAILAND” เมื่อต้นเดือน เม.ย. เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายใหญ่ “ศูนย์กลางการท่องเที่ยวของโลก”