'มาสเตอร์' เผยเทรนด์ศัลยกรรม ยกคิ้ว ดึงหน้า ย้อนวัยมาแรง ปี 2023

'มาสเตอร์' เผยเทรนด์ศัลยกรรม ยกคิ้ว ดึงหน้า ย้อนวัยมาแรง ปี 2023

มาสเตอร์ เผยเทรนด์ศัลยกรรม ปี 2023 เสริมจมูก ยังครองอันดับ 1 ขณะที่ ศัลยกรรมมาแรง ได้แก่ การยกคิ้ว - ดึงหน้า - ดึงคอ ด้วยเทคโนโลยี และเทคนิคที่ทันสมัย ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจและปลอดภัยมากขึ้น

Key Point : 

  • การเปิดกว้างในเรื่องศัลยกรรมมากขึ้นในปัจจุบัน ประกอบกับการที่คนยุคใหม่หันมาดูแลสุขภาพ และภาพลักษณ์ให้ดูดี ผลักดันให้อุตสหากรรมศัลยกรรมและความงามเติบโต
  • 5  อันดับ การทำศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด อันดับ 1 ยังคงเป็น การเสริมจมูก ถัดมา คือ ทำตา ดูดไขมัน ส่องกล้องยกคิ้ว และการทำหน้าอก 
  • ในปี 2023 นี้ ศัลยกรรมที่มาแรง คือ การทำศัลยกรรม ยกคิ้ว - ดึงหน้า - ดึงคอ เพื่อย้อนวัย ซึ่งเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้น ส่งผลให้คนเชื่อมั่นกับผลลัพธ์และความปลอดภัย 

 

 

อุตสาหกรรมศัลยกรรมความงามในไทยปัจจุบัน นับว่ามีการเติบโตและเป็นที่นิยมอย่างมาก คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดสูงถึง 40,000 ล้านบาท ในปี 2023 โดยการศัลยกรรมที่ครองอันดับ 1 ยังคงเป็นการเสริมจมูก ในขณะที่ศัลยกรรมย้อนวัย เป็นหนึ่งในเทรนด์ของโลกที่กำลังมาแรง ไม่จำกัดเพศ อายุ อาชีพ เนื่องจากเทคนิคและเทคโนโลยีที่พัฒนามากขึ้นทำให้คนเริ่มเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและผลการรักษา

 

การดูแลตัวเองมากขึ้นของคนยุคใหม่ กินอาหารเพื่อสุขภาพ หรือแต่งตัวตามเทรนด์ ทำให้ตัวเองมีภาพลักษณ์ที่ดูดีอยู่เสมอ รวมถึงการเปิดกว้างเรื่องศัลยกรรมมากขึ้นจากสมัยก่อน เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดความงามเติบโต

 

\'มาสเตอร์\' เผยเทรนด์ศัลยกรรม ยกคิ้ว ดึงหน้า ย้อนวัยมาแรง ปี 2023

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

 

'รศ.นพ.ถนอม บรรณประเสริฐ' หนึ่งในคณะแพทย์ของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช กล่าวในงานสัมภาษณ์กลุ่ม เปิดเทรนด์ศัลยกรรม 2023 ระบุว่า ปัจจุบันการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยม 5 อันดับ ในประเทศไทย ได้แก่ 

อันดับ 1 การเสริมจมูก ทั้งการเสริมใหม่และแก้เปลี่ยนสไตล์ แต่ไม่แนะนำให้แก้หลายครั้งเพราะอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ 

อันดับ 2 การทำตา ไม่ว่าจะเป็นการทำตาสองชั้น เปิดหัวตา เปิดหางตา 

อันดับ 3 ดูดไขมัน ส่วนใหญ่จะเป็นบริเวณท้อง ขา และแขน 

อันดับ 4 การส่องกล้องยกคิ้ว ซึ่งมาแรงในปีนี้

อันดับ 5 การทำหน้าอก จากเดิมจะเป็นเพียงการเสริม แต่ระยะหลังเริ่มมีการตัดแต่ง รวมถึงการตัดหนังหน้าท้อง และสุขภาพทางเพศทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

 

\'มาสเตอร์\' เผยเทรนด์ศัลยกรรม ยกคิ้ว ดึงหน้า ย้อนวัยมาแรง ปี 2023

 

ยกคิ้ว - ดึงหน้า ผ่านกล้องเอนโดสโคป

 

สำหรับ โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช บริการที่ได้รับความนิยมอันดับ 1 ยังเป็นไปตามเทรนด์ คือ การเสริมจมูก ขณะที่ การทำศัลยกรรม ยกคิ้ว - ดึงหน้า - ดึงคอ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมความงาม ถือเป็นหัตถการที่ฮอตฮิตอันดับ 2 เพราะนอกจากจะทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เทคนิคทางการแพทย์ปัจจุบันยังปลอดภัย และเป็นธรรมชาติ ด้วยเทคนิคเฉพาะของโรงพยาบาลฯ ในการยกคิ้ว - ดึงหน้า ผ่านกล้องเอนโดสโคป ช่วยทำให้แผลเล็ก บวมช้ำน้อย ฟื้นตัวไว และไร้รอยแผลบนใบหน้า

 

รศ.นพ.ถนอม อธิบายต่อไปว่า โดยปกติการดึงหน้าเทคนิคเดิมจะใช้วิธีการผ่าตัด ดึงผิวหนังในบริเวณส่วนที่หย่อนคล้อยให้ตึงกระชับ ไม่ได้ดึงไปถึงส่วนลึกของชั้นกล้ามเนื้อผิวหนังภายในบริเวณใบหน้า เนื่องจากวิธีดังกล่าวเป็นการผ่าตัดที่ง่ายและรวดเร็ว แต่ใบหน้าอาจกลับมาหย่อนคล้อยเหมือนเดิมในระยะเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้น ในปีนี้ ทางโรงพยาบาลฯ จึงเพิ่มการทำศัลยกรรม ยกคิ้ว - ดึงหน้า - ดึงคอ เทคนิคใหม่ปี 2023 ที่เราเรียก ‘ปฏิบัติการโกงอายุ’

 

 

เป็นการผสมผสานระหว่างเทคนิคการดึงหน้าด้วยวิธีผ่าตัดแบบส่องกล้อง เข้ากับการผ่าตัดดึงหน้าในชั้นกล้ามเนื้อ ถึงระดับ SMAS เพื่อจะสามารถดึงชั้นกล้ามเนื้อที่ลึกที่สุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น โดยเพิ่มเทคนิค FACIAL FAT CONTOURING เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาจุดบกพร่องบนใบหน้าเฉพาะจุดของแต่ละบุคคล ด้วยการจัดแต่ง แก้ไขไขมัน ของผู้ที่ทำศัลยกรรมเอง ให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ทั้งนี้ การผสมผสานเทคนิคทั้ง 3 ดังกล่าว ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ และผลลัพธ์ยาวนาน

 

ศัลยกรรม หัตถการส่งผลต่อจิตใจ

 

สำหรับ การผ่าตัดดึงหน้า ยกคิ้ว ต้องดูผลราว 3–6 เดือน หากเทคนิคที่ทำแล้วได้ผลผ่านไป 6 เดือนจะยังเห็นผลอยู่ และจะอยู่ได้ยาวนานกว่า 3-5 ปี ขณะเดียวกัน ความยากที่สุดของการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า คือ การแก้ทั้งองค์ประกอบ ซึ่งไม่ได้หมายถึงการดึงหน้าอย่างเดียว แต่มีเรื่องของโครงสร้างกระดูก ตา จมูก ปาก และเรื่องของคุณภาพของผิวหนัง

 

“สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำศัลยกรรม คือ คนไข้ต้องพอใจ เพราะการทำหัตถการศัลยกรรมความงามไม่ใช่โรค แต่เป็นหัตถการที่แก้ที่จิตใจคนไข้ หากทำแล้วคนไข้มีความสุข นี่คือสิ่งที่เราต้องการ แต่หากผ่าแล้วคนไข้นอนไม่หลับ กลายเป็นทุกข์ ซึมเศร้า ก็ไม่ใช่ ดังนั้น ก่อนผ่าตัดต้องทำการวางแผนด้วยกัน เชื่อว่าในอนาคต ศัลยกรรม ยกคิ้ว - ดึงหน้า แบบผ่าตัดส่องกล้องจะเป็นที่นิยมเทียบเท่ากับการเสริมจมูก และทำตาสองชั้นอย่างแน่นอน”  รศ.นพ.ถนอม กล่าว

 

\'มาสเตอร์\' เผยเทรนด์ศัลยกรรม ยกคิ้ว ดึงหน้า ย้อนวัยมาแรง ปี 2023

 

อนึ่ง โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ปัจจุบัน มีอาคารสำนักงานและอาคารบริการทางการแพทย์บนพื้นที่ 7,200 ตารางเมตร พื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 12,000 ตารางเมตร มีห้องผ่าตัด 17 ห้อง และเตียงพักฟื้น 37 เตียง ทีมแพทย์ 42 คน มีพนักงานทุกระดับรวมกว่า 700 คน

 

พร้อมกับเปิดศูนย์ ศัลยกรรม ดึงหน้า ยกคิ้ว Face Lift Center by Masterpiece Hospital โดยเฉพาะ เพื่อรองรับลูกค้าทั้งจากคนไทยและต่างประเทศ เพื่อผลักดันเป็นศูนย์ศัลยกรรม ดึงหน้า ยกคิ้ว Face Lift Center by Masterpiece Hospital สู่มาตรฐานระดับโลก

 

ข้อควรรู้ ก่อนทำศัลยกรรม

 

รศ.นพ.ถนอม อธิบายว่า ข้อจำกัดของการยกคิ้ว คือ คนไข้บางคนอาจทำไม่ได้เนื่องจากไปตัดหนังตามา หากยกคิ้วจะทำให้ปิดตาไม่ลง รวมถึงในบางรายที่มีโรคประจำตัว เช่น กลุ่มโรคหัวใจ กลุ่มที่จำเป็นต้องทานยาต้านเกล็ดเลือด เพราะหากทำต้องหยุดยายาวทำให้โรคที่เป็นไม่นิ่ง รวมถึงกลุ่มแผลหายยากอย่างเบาหวานรุนแรง

 

“สำหรับคนที่สนใจทำศัลยกรรม แนะนำให้สอบถามข้อมูล พูดคุยกับแพทย์ และคนไข้มีสิทธิ์เลือกหลายๆ โรงพยาบาล ศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจทำ เพราะหากทำไปแล้วบางครั้งก็มีความเสี่ยงที่เราไม่คาดคิด เนื่องจากเป็นการผ่าตัด ย่อมมีความเสี่ยง แต่ความเสี่ยงจะลดลงเมื่อแพทย์มีความรู้ ประสบการณ์ และคำนึงถึงความปลอดภัยของคนไข้เป็นหลัก ไม่สวยยังไม่สำคัญเท่ากับเป็นอันตราย เพราะฉะนั้นต้องไม่อันตราย ต้องประเมินเพื่อความปลอดภัย” รศ.นพ.ถนอม กล่าว