'มะเร็งรังไข่' เรื่องที่ผู้หญิงต้องรู้ เข้าใจอาการ ความเสี่ยง

'มะเร็งรังไข่' เรื่องที่ผู้หญิงต้องรู้ เข้าใจอาการ ความเสี่ยง

'มะเร็งรังไข่' พบมากเป็นอันดับที่ 6 ของ 'โรคมะเร็ง' ในผู้หญิงทั้งหมด และโดยทั่วไปโอกาสการเกิดมะเร็งเยื่อบุผิวรังไข่ตลอดชีพ อยู่ที่ประมาณ 1% ซึ่งพบบ่อยในช่วงอายุ 55-65 ปี ในปัจจุบันยังไม่มีการตรวจคัดกรองที่ได้ผลแม่นยำ และยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

เนื่องในวันที่ 8 พฤษภาคม ของทุกปี เป็น 'วันมะเร็งรังไข่สากล' World Ovarian Cancer Day เพื่อร่วมรณรงค์เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ เป็นเสมือนเกราะป้องกันภัย และวิธีป้องกันดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากมะเร็งชนิดเยื่อบุผิวรังไข่

 

แพทย์หญิงศันสนีย์ อังสถาพร สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งวิทยานรีเวช ศูนย์สุขภาพหญิง โรงพยาบาลนวเวช ได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นสาระความรู้ พร้อมคำอธิบายที่เข้าใจได้ง่ายเกี่ยวกับมะเร็งรังไข่ที่เกิดจากเยื่อบุผิว เพื่อประโยชน์สำหรับผู้หญิง ซึ่งจากข้อมูลของ องค์การอนามัยโลก WHO ในปี 2020 พบว่าในประเทศไทย มะเร็งรังไข่ เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับที่ 6 ของโรคมะเร็งในผู้หญิงทั้งหมด และโดยทั่วไปโอกาสการเกิดมะเร็งเยื่อบุผิวรังไข่ตลอดชีพ อยู่ที่ประมาณ 1% ซึ่งพบบ่อยในช่วงอายุ 55-65 ปี

 

ปัจจัยเสี่ยง เกิดจากอะไร 

 

มะเร็งชนิดเยื่อบุผิวรังไข่ เกิดจากเซลล์ของรังไข่ที่เป็นมะเร็งเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่ร่างกายไม่สามารถควบคุมได้

ปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งชนิดเยื่อบุผิวรังไข่ ได้แก่

1. ไม่มีบุตร

2. เริ่มมีประจำเดือนมาเร็ว หรือประจำเดือนหมดช้า

3. มีน้ำหนักตัวมาก

4. ได้รับฮอร์โมนเอสโตรเจนจากภายนอกโดยไม่ได้รับโปรเจสเตอโรน

5. มีพันธุกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งรังไข่ เช่น BRCA1/2 mutation, Lynch syndrome

6. ใช้สาร talc

 

\'มะเร็งรังไข่\' เรื่องที่ผู้หญิงต้องรู้ เข้าใจอาการ ความเสี่ยง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

อาการของมะเร็งชนิดเยื่อบุผิวรังไข่

ผู้ป่วยที่วินิจฉัยเป็นโรคมะเร็งรังไข่ อาจไม่มีอาการนำมาก่อนในระยะแรก หรือในกลุ่มที่มีอาการ อาจมาด้วยอาการ

  • ปวดท้องน้อย
  • คลำก้อนได้ที่ท้องน้อย
  • ท้องโตมีน้ำในช่องท้อง
  • แน่นท้อง ท้องอืด
  • เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย
  • ปวดหลัง หรือขับถ่ายปัสสาวะ อุจจาระผิดปกติไปจากเดิม

 

ลดความเสี่ยง ได้อย่างไร 

 

ในปัจจุบันยังไม่มีการตรวจคัดกรองที่ได้ผลแม่นยำ และยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคมะเร็งรังไข่ เเต่ความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งชนิดเยื่อบุผิวรังไข่ สามารถลดลงได้ในกรณี ดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่ตัดท่อนำไข่
  • ผู้ที่มีบุตร 1 คน ความเสี่ยงลดลง 30-40%
  • ผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิด มากกว่าหรือเท่ากับ 5ปี ความเสี่ยงลดลง 50%
  • ผู้ที่ทราบว่าครอบครัวมีประวัติโรคมะเร็งรังไข่, มะเร็งเต้านม หรือมียีนที่เพิ่มความเสี่ยง หากเข้ารับการตรวจทางพันธุกรรมก่อนที่จะเกิดโรค อาจมีเเนวทางในการป้องกันโรคมะเร็งรังไข่ได้

 

แม้จะไม่มีวัคซีนป้องกันโรค หรือการตรวจคัดกรองที่เฉพาะเจาะจง แต่ในทางการแพทย์เองก็ยังแนะนำให้ผู้หญิงเข้ารับการตรวจคัดกรองทางนรีเวชด้วยการคลำมดลูกและรังไข่ และ/หรือมีการ Ultrasound ร่วมด้วย ในทุก ๆ ปี เพื่อที่จะสามารถวินิจฉัยความผิดปกติได้ตั้งเเต่ระยะต้น และเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็ว

 

 

การวินิจฉัยมะเร็งชนิดเยื่อบุผิวรังไข่

 

ประกอบด้วยกันหลายอย่าง ทั้งอาการนำของผู้ป่วย การตรวจร่างกายเบื้องต้น เเละตรวจภายใน ลักษณะและตำแหน่งของก้อนที่พบในอัลตราซาวด์ หากตรวจเเล้วพบว่าอาการและผลการตรวจเข้าได้กับโรคมะเร็งรังไข่ ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจเพิ่มเติม เช่น การส่งตรวจค่ามะเร็ง การทำเอกซเรย์ปอด และการตรวจรังสีวินิจฉัยที่ละเอียดขึ้นต่อไป เช่น CT, MRI

 

การรักษา

 

การรักษาหลักของโรคมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุนั้นจะเป็นการผ่าตัด เพื่อนำเนื้อมะเร็งออกไปให้ได้มากที่สุด และเพื่อบอกระยะของโรค ประกอบไปด้วย การตัดมดลูกและรังไข่ ต่อมน้ำเหลือง ไขมันที่คลุมช่องท้อง น้ำในช่องท้อง และตัดชิ้นเนื้อในบริเวณที่สงสัย ซึ่งการผ่าตัดในแต่ละรายอาจไม่เหมือนกัน จะขึ้นอยู่กับระยะของโรค เเละการประเมินของแพทย์ผู้ทำการรักษา ส่วนในกลุ่มที่อายุน้อย หรือยังไม่มีบุตร สามารถผ่าตัด โดยเก็บรักษามดลูกและรังไข่ในด้านที่ปกติไว้กับผู้ป่วยได้ ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็ง เเละระยะของโรค

 

เมื่อทำการผ่าตัดเรียบร้อยแล้วชิ้นเนื้อที่ได้จากการผ่าตัดจะถูกนำส่งตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อใช้ในการวินิจฉัย และเพื่อใช้พิจารณาการรักษาเพิ่มเติมต่อไปว่าผู้ป่วยจะต้องได้รับยาเคมีบำบัดหรือไม่ ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรค และความพร้อมด้านสุขภาพของผู้ป่วย ปัจจุบันมีคำแนะนำให้ผู้ป่วยที่วินิจฉัยเป็นโรคมะเร็งรังไข่ชนิดเยื่อบุ ควรเข้ารับคำปรึกษาด้านการตรวจทางพันธุกรรมทุกราย หากมีความเสี่ยงเเละตรวจพบความผิดปกติ จะทำให้สามารถกำหนดแนวทางการรักษาได้ดียิ่งขึ้น พบว่าอัตราการรอดชีพ 5 ปี ในระยะที่ 1, 2, 3 และ 4 อยู่ที่ 92, 75, 29 และ 11%

 

การติดตามหลังการรักษา

 

หลังรับการรักษาครบตามแผนที่กำหนด จะมีการนัดตรวจร่างกาย และตรวจติดตามค่ามะเร็งเป็นระยะๆ ทุก ๆ 2-4 เดือน เป็นเวลา 2 ปี จากนั้น ทุก ๆ 3-6 เดือน เป็นเวลา 3 ปี จากนั้นทุก ๆ 1 ปี ส่วนการตรวจติดตามทางรังสีวินิจฉัยจะขึ้นอยู่กับอาการ และการตรวจร่างกายของผู้ป่วยเป็นหลัก