'น้ำเมา' สินค้ากลุ่ม 1 ก่อมะเร็ง ภาคปชช.ซัดมติ 'ปลดล็อกเวลาขาย-ดื่ม' ไร้ความชอบธรรม

นายชูวิทย์ จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มีมติปลดล็อกเวลาขายและดื่มว่า เครือข่ายภาคประชาชน จะติดตามข้อมูลและประเมินเอง เรื่องนี้เป็นเรื่องความชอบธรรม เป็นเรื่องความเป็นความตาย

"อย่างกรณีขยายผับบาร์ตี 4 มีข้อมูลพบกว่า 10 % เมาแล้วขับเพิ่มขึ้น อย่างตัวเลขที่บอกว่ามีการจับจ่ายใช้สอยมูลค่าสูงถึง 6 แสนล้านบาท จะเป็นไปได้อย่างไร"นายชูวิทย์กล่าว 

เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะกระทบต่อฐานเสียงเลือกตั้งครั้งหน้าอีกไม่กี่เดือนหรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า คนดื่มคงชอบ แต่ก็มีประมาณ 20 % ขณะที่คนไม่ดื่มมีจำนวนมากเช่นกัน ดังนั้น ตัวเลขของจริงจะออกมาเรื่อยๆ การเจ็บตายจากการเมาแล้วขับจะออกมา ข้อมูลเหล่านี้สุดท้ายก็จะกลับไปสู่รัฐบาลที่ออกนโยบายให้ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัดสินใจลงไป

ไม่ผิดกม. แต่ไร้ความชอบธรรม

ถามว่าจะฟ้องศาลปกครอง เรื่องมติที่ออกมาจากกรรมการไม่ครบองค์ประชุมหรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า  เท่าที่ดู พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับใหม่ เปิดช่องไว้ให้กรรมการในส่วนราชการโดยตำแหน่ง สามารถพิจารณาได้  ในทางกฎหมายไม่ผิด แต่มิติของความชอบธรรมไม่มี เพราะโดยหลักการ เมื่อจะออกกฎหมายต้องรับฟังทั้งหมด ต้องให้มีกรรมการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ต้องเป็นไปตามกระบวนการขั้นตอนที่ควรเป็น ไม่ใช่เร่งรีบออกมาตรการให้มีผลบังคับใช้

“ส่วนการผ่อนปรนให้นั่งดื่มได้อีก 1 ชั่วโมงหลังเที่ยงคืน เรื่องนี้ควรทำเฉพาะร้านนั่งดื่ม ต้องระบุให้ชัดเจน ไม่ควรพูดกว้างๆ ที่สำคัญการผ่อนปรนควรทำเป็นพื้นที่ อย่างพื้นที่ท่องเที่ยว  และต้องมีความพร้อม ในการควบคุมดูแล เพราะเจ้าหน้าที่ที่จะไปตรวจก็ไม่เพียงพอ มีผลกระทบแน่ ซึ่งภาคประชาชนมีเครือข่ายจะไปตรวจสอบทั้งหมด และจะนำเสนอข้อมูลเพื่อรอดูว่า 6 เดือนข้างหน้าจะมีการประเมินจริงหรือไม่”นายชูวิทย์กล่าว

ตอบสนองเศรษฐกิจมากกว่าสุขภาพ

ด้าน นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการเครือข่ายองค์กรงดเหล้า  กล่าวว่า  เรื่องนี้ชัดเจนว่า หลายจุดเพื่อตอบสนองด้านเศรษฐกิจมากกว่าผลกระทบด้านสุขภาพและสังคม อย่างการเปิดผับตี 4 ก็ชัดเจน แม้เราจะออกมายืนยันว่า ควรพิจารณายกเลิก แต่ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ รัฐบาลมองว่า เศรษฐกิจมีความสำคัญกว่าหรือไม่ 

คิดว่ารอบนี้ก็ไม่ต่างกันที่ระบุว่า จะมีการประเมินอีก 6 เดือนข้างหน้า แต่ก็ต้องมาดูว่าจะมีผลอย่างไร ต้องอิงข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลวิจัยเป็นสำคัญ โดยเตรียมรณรงค์ในพื้นที่ทำเป็นเวทีสาธารณะ เพื่อเป็นข้อมูลของคนในพื้นที่ว่าคิดเห็นอย่างไร

“ยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยที่ปลดล็อกเวลาขายสุรา ทุกพื้นที่ ควรทำเป็นเฉพาะโซน ทำพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ ยังดีกว่า และช่วงที่เปิด 6 เดือนนี้ก็ต้องมาดูว่า จะเตรียมการอย่างไร เจ้าหน้าที่พอหรือไม่ที่จะมาตรวจสอบ อย่างกรณีนั่งดื่มหลังเที่ยงคืนไป 1 ชั่วโมงนั้น ต้องมาดูว่าให้นั่งดื่มพื้นที่ไหน ร้านของชำ ต้องกำหนดหรือไม่  จริงๆต้องแยกประเภทว่า ร้านไหนทำหรือไม่ทำด้วย” นายธีระกล่าว

น้ำเมาสินค้ากลุ่ม 1 ก่อมะเร็ง 

เมื่อถามว่าการปลดล็อกเวลาขายเหล้า ถือว่า ย้อนแย้งเชิงนโยบายที่ไทยขับเคลื่อนเป็นเวลเนสฮับ นายธีระ กล่าวว่า หลายอย่างย้อนแย้งโดยตัวมันเอง  สธ. อยากให้คนสุขภาพดี แต่การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ในรายการสินค้าที่ก่อให้เกิดมะเร็งกลุ่มที่ 1 เหมือนบุหรี่ ดังนั้น สายสุขภาพมีข้อมูลยืนยันหลายอย่าง  

"2-3 ปีที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก(WHO)ก็ยืนยันว่า ไม่มีปริมาณการดื่มที่ปลอดภัยสำหรับสุขภาพ คำที่บอกว่า ดื่มบ้างสุขภาพดีนั้น ไม่เป็นความจริง" นายธีระกล่าว