'สุขสมบูรณ์'ไทยแลนด์ พาวิลเลี่ยน ตีโจทย์ สังคมอนาคต เอ็กซ์โป 2025

มหกรรมการจัดงานแสดงนิทรรศการระดับนานาชาติ หรือเอ็กซ์โป(Expo) มุ่งเน้นการนำเสนอนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน และดีกว่าสำหรับมนุษยชาติจัดขึ้นเป็นประจำทุก 5 ปี ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การนิทรรศการนานาชาติ (Bureau of International des Exposition: BIE)
เอ็กซ์โป 2025 จัดขึ้นที่เกาะยูเมะชิมะ เมืองโอซากา ภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่น  Expo 2025 Osaka, Kansai, Japan จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 เม.ย.- 13 ต.ค. 2568 ภายใต้แนวคิด "Designing Future Society for Our Lives การออกแบบสังคมแห่งอนาคตเพื่อชีวิตที่ดี"
158 ประเทศที่เข้าร่วมต่างนำความโดดเด่นของประเทศตามแนวคิดหลักของเอ็กซ์โปมาโชว์

ไทยระบบนิเวศ...สุขสมบูรณ์

ประเทศไทย "ตีโจทย์" และออกแบบเป็นเรื่องของ "สุขสมบูรณ์" หากผู้คนในสังคมมีสุขที่สมบูรณ์ทั้งกายและใจ ก็จะเป็นสังคมแห่งอนาคตที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่า อยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน

การนำเสนอของ "ไทยแลนด์ พาวิลเลียน" ในเอ็กซ์โป 2025 จึงมุ่งเน้นไปที่การสะท้อนให้สังคมโลกรับรู้ถึงความพร้อมเรื่องการดูแลสุขภาพและรักษาพยาบาล กับการเป็น "เวลเนสและเมดิคัลฮับ(Wellness&Medical Hub)หรือศูนย์กลางสุขภาพโลกของประเทศไทย ซึ่งมีองค์ประกอบต่างๆมากมายที่เชื่อมร้อยเข้าสู่การดูแลสุขภาพ

นพ.กรกฤช ลิ้มสมมุติ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) ให้สัมภาษณ์ว่า ไทยแลนด์ พาวิลเลียน เน้นย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism)  เนื่องจากประเทศไทยมีความโดดเด่นเรื่องการดูแลสุขภาพกายที่ดีที่ประเทศไทยมีความโดดเด่นอยู่แล้วในด้านการแพทย์ แต่ยังมีตลาดที่ใหญ่กว่าคือผู้ที่ไม่ป่วย เพื่อให้เข้ามาดูแลสุขภาพ รับบริการเวลเนสในไทยด้วย 

"ระบบนิเวศของประเทศไทย เช่น การต้อนรับขับสู้ของคนไทย บรรยากาศ สถานที่ และอาหาร เป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่ทำให้ผู้มาเยือนมีความสุขและคลายความเครียดจากสภาวะเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก ประเทศไทยจึงมีครบทุกด้านในการเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ เรียกว่า ไทยแลนด์สุขสมบูรณ์"นพ.กรกฤชกล่าว 
 

ขณะที่การจัดแสดงในงานเอ็กซ์โป 2025 โอซากา  ไม่เพียงให้ชาวต่างชาติทั่วโลกรู้จักประเทศไทยในแง่มุมที่ต้องการนำเสนอ โดยเฉพาะด้านเวลเนส การดูแลสุขภาพ และการแพทย์  ยังคาดหวังว่าจะเกิด Business Matching มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท
ผ่านการจัดทำแพลตฟอร์มที่ผู้เข้าร่วมงานสามารถเข้าถึงผู้ประกอบการไทยได้โดยตรง และอนาคตขับเคลื่อนสู่แผนเวลเนส(Wellness)ระดับชาติต่อไป เป้าหมายเบื้องต้น 1 แสนล้านบาท

1-1,000,000 องค์ประกอบไทยพร้อมดูแลสุขภาพ

ภายในไทยแลนด์ พาวิลเลียน แบ่งการจัดแสดงเป็น 3 โซน นำเสนอความโดดเด่นของประเทศไทยตั้งแต่ 1-1,000,000

• โซนแรก 1 หมุดหมายสุขภาพโลก(Wprld's destination for healcare and wellness)อาคารจัดแสดงเรียกว่า ไทยแลนด์ พาวิลเลียน ออกแบบเป็นสถาปัตยกรรมไทยทรง "จอมแห" เปรียบเสมือน "บ้าน"ที่พร้อมต้อนรับคนจากทั่วโลก โดยมีมาสคอต "น้องภูมิใจ"ที่ได้แนวคิดจาก "แมงสี่หูห้าตา"แฝงความเชื่อเรื่องโชคดี คอยทำหน้าที่ต้อนรับ

• 10 มนต์เสน่ห์ของประเทศไทย (Enchantments of Thailand)  นำเสนออาหารไทยที่อุดมด้วยสมุนไพร ภูมิประเทศ ทรัพยากร สินค้าเกษตรและผลไม้ขึ้นชื่อนานาชนิด วิถีความเป็นอยู่อย่างไทย เทศกาลประเพณีทางวัฒนธรรม และวิถีสุขภาพดีอย่างไทย เช่น ฤาษีดัดตน นวดไทย ที่ได้รับการบันทึกไว้เป็นมรดกโลกปี 2019 สัมผัสประสบการณ์สุดล้ำ

ผ่านประติมากรรมขนาดใหญ่บริเวณพื้นที่ด้านนอกอาคาร
และภายในโรงภาพยนตร์Wisdom of life Immersive Theater

• โซนที่ 2 เริ่มด้วย  100 ศักยภาพสาธารณสุขไทย (Potentialities of Thai Public Health System)นำเสนอเรื่องราวการเป็นศูนย์กลางสุขภาพโลกของไทยผ่านวิดีทัศน์ "Eye Opener" และ วัตถุจัดแสดงกว่า 100 สิ่ง ที่สื่อถึงศักยภาพของระบบสาธารณสุขไทย เช่น หุ่นยนต์ดินสอ โฮมแคร์นวัตกรรมฝีมือคนไทยที่วางจำหน่ายและได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น และกะโหลกศีรษะเทียมจาก 3D printing
• 1,000 สถานบริการทางการเเพทย์ (Medical Facilities) นำเสนอศักยภาพทางการแพทย์และการบริการ ของไทยที่ได้มาตรฐานในระดับสากล ผ่านทัชสกรีนที่สามารถเข้าถึงการรักษา 15 กลุ่มโรค และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่นำเสนอสปา เวลเนส รวมทั้งบริการ
• 10,000 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ นำเสนอด้วย“เกมรังสรรค์เมนูสุขภาพสไตล์คุณ” ผ่าน Art Wall Installation ผู้ชมสามารถเลือกดูเมนูอาหารติดอันดับผ่าน Interactive Table เช่น ผัดกะเพรา ผัดไทย มัสมั่น ฯลฯ ทั้งยังต่อยอดเป็นเมนูฟิวชั่นต่าง ๆ เช่น พิซซ่ากะเพราไข่ดาว เกี๊ยวซ่าผัดไทย สเต็กซอสมัสมั่น รู้จักกับ “สำรับอาหารไทย 4 ภาค” ที่จำลองเมนูสุขภาพของแต่ละภูมิภาคซึ่งรังสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบไทย เช่น น้ำพริกปลาทู(ภาคกลาง)ขนมจีนน้ำเงี้ยว (ภาคเหนือ) แกงอ่อมปลาดุก (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) แกงขมิ้นไตปลา (ภาคใต้)

โซนที่ 3 สร้างประสบการณ์ประทับใจผ่านการลอง ลิ้ม ชิม รสชาติหลากเมนูอาหารไทย เพลิดเพลินไปกับนิทรรศการหมุนเวียน อาทิ การนวดไทย การทำถุงเครื่องหอม และอีกหลากหลายกิจกรรมตลอดระยะเวลาจัดงาน

• 100,000 ผลิตภัณฑ์สร้างภูมิคุ้มกัน พื้นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากประเทศไทย ทั้งเครื่องแต่งกาย ของใช้อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าที่ระลึก ผลิตภัณฑ์หัตถกรรม รวมถึงโปรแกรมท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพที่ทุกคนล้วนเข้าถึงสุขภาพดีในแบบไทยๆได้
• 1,000,000 รอยยิ้มแห่งความประทับใจ พื้นที่รวบรวมล้านความรู้สึกประทับใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ได้มีส่วนร่วมแบ่งปันรอยยิ้มให้กับคนทั่วโลก

และยังสะท้อนให้เห็นว่า "หากเข้ามาท่องเที่ยวและดูแลสุขภาพในประเทศไทยจะได้รับรอยยิ้มกลับไป"

"เวลเนสทัวร์ริสซึม" เป้าหมายไทยแลนด์ พาวิลเลียน

นายอุปถัมป์ นิสิตสุขเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์แมน จำกัดและกิจการร่วมค้า RMA 110 กล่าวว่าไทยแลนด์ พาวิลเลียน นำเสนอได้ดีเรื่องของเวลเนสทัวร์ริสซึม เป็นการสะท้อนว่าประเทศไทยมีสถานที่ดี อากาศที่ดีเหมาะสมตลอดปี อาหารดี คนจิตใจดีโอบอ้อมอารี เพราะฉะนั้น หากมาอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ คือการมาผ่อนคลายมาดูแลร่างกาย ทำให้การขายเรื่องเวลเนสทัวร์ริสซึมไม่จำกัดอยู่เฉพาะวันหยุดของชาวโลกเท่านั้น แต่สามารถมาได้ตลอดทั้งปี มาอยู่นานๆ เพื่อรักษาร่างกายและจิตใจ เมื่อมีเวลาให้มาพักกายใจที่ประเทศไทย
เป้าหมายของไทยแลนด์ พาวิลเลียน 1.ต้องการสื่อสารว่า ทำไมประเทศไทยถึงได้เป็นเมดิคัลและเวลเนสฮับ และ2.ต้องการให้เกิดผลทางเศรษฐกิจ(Economic inpact)  อยากใมีการไปใช้บริการสถานบริการ รพ. หรือเวลเนส รวมถึง เรื่องนวดไทย อาหารไทย และอื่นๆที่ประเทศมีเรื่องดูแลสุขภาพแฝงอยู่ในทุกพื้นที่ไม่จำกัดเฉพาะเมืองท่องเที่ยวเท่านั้น สามารถบริการได้ทั่วไทย เป็นการกระจายรายได้ ช่วยประคองเศรษฐกิจให้ดีขึ้น

พาวิลเลียน ทรงจอมแห กระจกสะท้อนจนเต็มเรือน

สำหรับอาคารจัดแสดงนิทรรศการของประเทศไทยในงานเอ็กซ์โป 2025 โอซากา หรือไทยแลนด์ พาวิลเลียน มีการออกเป็นสถาปัตยกรรมไทย "ทรงจอมแห"

แต่ด้วยลักษณะของ "พื้นที่จัดแสดง"ที่เจ้าภาพวางเป็นแนวลึกและไม่กว้าง ทำให้การก่อสร้างจริงของไทยแลนด์ พาวิลเลียน เป็นเพียง "เรือนไทยครึ่งหลังในแนวลึก"
ทว่าสถาปนิกได้ออกมาในการนำ "กระจก"มาเป็นผนังด้านข้างของตัวอาคาร สร้างการสะท้อนเรือนครึ่งหลังให้กลายเป็น "เรือนไทยเต็มหลัง" สู่สายตาผู้เข้าร่วมงานเอ็กซ์โป ได้อย่างงดงามเหมือนกับการสร้างเรือนไทยทั้งหลัง 

นายอุปถัมป์ กล่าวว่า การก่อสร้างโครงสร้างหลัก เจ้าภาพจัดเอ็กซ์โปกำหนดให้ต้องใช้ช่างของประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น เพื่อให้อาคารสามารถรองรับได้ตามมาตรฐาน เช่น กรณีเกิดแผ่นดินไหว  เป็นต้น  ส่วนกระเบื้องหลังคาสีทองกว่า 3,000 ชิ้นต้องนำมาจากประเทศไทย 
และกระจกมีรายละเอียดด้วยการพริ้นต์สกรีนลายอัตลักษณ์ของไทยแลนด์ พาวิลเลียนด้วย

"เสมือนเป็นการนำเรือนของคนไทยมาจัดวางเพื่อรับแขกทั้งโลก โดยหลังคาที่เป็นสีทอง ออกแบบให้ไม่ตรงแข็ง มีความโค้งเป็นคลื่นเหมือนมีความพริ้วไหว แม้โครงเหล็กกว่า 3,000 ชิ้น ก็สามารถนำมาเรียงต่อกันให้ดูเหมือนผ้าได้ แสดงให้เห็นถึง ดีเอ็นเอ ของความเป็นคนไทยที่มีความอ่อนช้อยงดงามอบอุ่น โอบอ้อมอารีใครมาถึงเรือนชานพร้อมต้อนรับ"นายอุปถัมป์กล่าว 

กว่าไทยแลนด์ พาวิลเลียนจะแล้วเสร็จ

การเดินทางมาถึงวันเปิดให้เข้าชมไทยแลนด์ พาวิลเลียนได้ตรงตามเวลาของผู้จัดเอ็กซ์โปนั้น เรียกว่า "ไม่ง่าย" 
ขณะที่ด้วยข้อจำกัดมากมายบางประเทศก็ไม่สามารถที่จะเปิดพาวิลเลียนได้ แม้ผ่านมาแล้ว 1 เดือนมีตัวอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จเท่านั้น 

สำหรับประเทศไทย รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณโครงการนี้ราว  867 ล้านบาท มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)เป็นเจ้าภาพ โดยได้มีการวางไทม์ไลน์การเตรียมงานตามข้อกำหนดของผู้จัดเอ็กซ์โป

นายอุปถัมป์ เล่าว่า  กรมมีการดำเนินงานตามขั้นตอน กระบวนการมีไทม์ไลน์สอดรับกับเวลาเตรียมการของงานเอ็กซ์โป 2025 โอซากา ซึ่งจะต้องได้ผู้รับจ้างประมาณเดือนมิ.ย. -ก.ค. 2566 เพื่อที่ผู้รับจ้างจะได้นำแบบมาหารือกับบริษัทและสถาปนิกชาวญี่ปุ่นภายในเดือนต.ค.

จากนั้นจะต้องยื่นขออนุญาตก่อสร้างจากเมืองโอซากาอีก 1 เดิอนครึ่งและงานเอ็กซ์โปอีก 1 เดือนครึ่ง จะอยู่บนไทม์ไลน์ที่ชัดเจน

การดำเนินงานเริ่มกดดัน เนื่องจากการประมูลจัดซื้อจัดจ้างครั้งที่ 2 ที่ประกาศให้กิจการร่วมค้าRMA110 ชนะช่วงเดือนมิ.ย.นั้น บริษัทที่แพ้ประมูลได้มีการอุทธรณ์ ทำให้ระยะเวลาการดำเนินงาน ช่วงเดือนก.ค.- ต.ค.2566 หายไป เพราะต้องเข้าสู่กระบวนการอุทธรณ์ ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการทำงานของไทยแลนด์ พาวิลเลียน จากการที่ช้ากว่ากำหนดเวลาที่ทางเอ็กซ์โปกำหนดไปมาก
ประกอบกับเมืองโอซากาและเขตคันไซ เกิดวิกฤติเรื่องของแรงงานขาดแคลน บวกกับประเทศญี่ปุ่นออกกฎหมายห้ามทำโอทีในช่วงงานเอ็กซ์โป รวมถึง วัสดุก่อสร้างเกิดการขาดแคลนจากที่มีโรงงานปิดและบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างญี่ปุ่นเหลือแต่รายย่อยที่มีความยุ่งยากในการติดต่อกับต่างประเทศ ทีมงานจึงพยายามติดต่อประสานอยู่เกือบ 2 เดือน

ท้ายที่สุด ไทยแลนด์ พาวิลเลียนก็สามารถเปิดให้เข้าชมได้ทันตามเวลาเมื่อ 13 เม.ย.2568 ก่อนจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2568

ผ่านมา 1 เดือนมีผู้เข้าชมราว 3 แสนคน คิดเป็นกว่า 10 % ของผู้เข้าชมงานเอ็กซ์โป ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าชมในช่วงเดือนส.ค.นี้

ติดตาม ซีรีส์ เอ็กซ์โป 2025 โอซากา
ตอนที่ 1 'ไทยแลนด์ พาวิลเลียน' เอ็กซ์โป 2025 สิ่งที่กำลังจะเปลี่ยน
ตอนที่ 3 ญี่ปุ่นว้าว “นวดไทย” สะท้อนผ่านไทยแลนด์ พาวิลเลียน