'สมศักดิ์'ดัน 'แพทย์แผนไทย'ติดเพดานบน 3 ชาติต้องการ'นวดไทย'มาก

เมื่อวันที่28 เม.ย.2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ ที่โรงพยาบาลสกลนคร จ.สกลนคร ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 ประกอบด้วย นครพนม สกลนคร และมุกดาหาร ในวันที่ 29 เม.ย.

โดยเป็นประธานพิธีเปิดมหกรรมการแพทย์แผนไทยและนวดไทย เขตสุขภาพที่ 8 มหัศจรรย์มรดกไทย สมุนไพรและนวดไทย ก้าวไกลระดับโลก “Amazing Heritage of Thai Herbs and Traditional Massage - Reaching Global Wellness” และจัดตั้งวิทยาลัยการนวดไทยแห่งประเทศไทย เขตสุขภาพที่ 8 พร้อมติดตามดำเนินงานของศูนย์มะเร็ง เครื่องเร่งอนุภาค Linear Accelerator (LINAC)  มีอสม.และผู้ร่วมงานกว่า 2,500 คน 
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)มีนโยบายที่จะยกระดับ การแพทย์แผนไทย สมุนไพรไทย การนวดแผนไทย  ให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และผลักดันให้เข้าสู่ตลาดโลก เพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจสุขภาพ สู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ  เพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ ซึ่งศาสตร์ด้านการแพทย์แผนไทย เป็นหนึ่งความภูมิใจที่เรานำเสนอ สู่สายตาของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

ในงาน Expo 2025 ที่ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 13 เมษายน ถึง 13 ตุลาคม 2568 ซึ่งเป็นสิ่งที่เชิดชูทำให้คนเข้ามาชมและรับการสาธิตการนวดเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ตนพยายามผลักดันนวดไทยให้มีคุณภาพ มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อให้มีค่าแรงเพิ่มขึ้น และสามารถส่งออกไปทำงานยังต่างประเทศ

"ขณะนี้มีความต้องการ การนวดไทย 7 ด้านเป็นอย่างมาก อาทิ ซาอุดิอาระเบียน โอมาน จีน ซึ่งประเทศเหล่านี้ร้องขออยากให้เราส่งนวดไทยไปประเทศของเขาอย่างน้อย 100 – 200 คน"

ขณะเดียวกันสกลนคร ยังขับเคลื่อนเรื่องแพทย์แผนไทย สมุนไพร เพราะจังหวัดสกลนคร เป็นจังหวัดที่ได้มีการส่งเสริมการปลูกสมุนไพรที่ได้มาตรฐาน สอดรับกับการนวดไทย วันนี้เราจะทำให้แพทย์แผนไทยติดเพดานบนเหมือนกันแพทย์แผนปัจจุบัน ทำให้รายได้เพิ่มขึ้น โดยการเพิ่มสกิลให้กับหมอนวดไทย 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า นโยบายคนไทยห่างไกล NCDs ที่มีพี่น้อง อสม. เป็นกลไกสำคัญในการถ่ายทอดความรู้ เกี่ยวกับการดูแลรักษาสุขภาพให้แก่พี่น้องประชาชน จนเห็นผลการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม

ส่วนการเร่งรัดและผลักดันร่าง พ.ร.บ.อสม. ซึ่งเป็นกฎหมายสร้างความมั่นคง และทำให้อสม.มีที่ยืน หากสามารถเข้าสภาฯ ภายในเดือนหน้าได้จะสบายเลยสำหรับพี่น้อง อสม. แต่แม้กฎหมายยังไม่ผ่านสภาฯ สถาบันทางการเงินให้กู้เงินได้รายละ 1 แสนบาท หากผ่านออกมาเป็นกฎหมาย ก็คาดว่าจะกู้ได้รายละ 3 แสนบาทเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ถ้าพี่น้อง อสม. สามารถเชิญชวนประชาชนนับคาร์บ เข้าใจการบริโภคคาร์โบไฮเดรตอย่างเหมาะสม ลดการเจ็บป่วย จะทำให้มีเงินเหลือจำนวนมาก และส่วนหนึ่งก็จะเข้าบัญชีพี่น้องอสม. พร้อมกันนี้ อยากเชิญชวน อสม. ที่ได้เข้าอบรมการนวด 150 ชั่วโมงแล้ว มาต่อยอดเพิ่มความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน 7 กลุ่มอาการ จะได้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย