เหตุที่ ‘บึงกาฬ’ สะเทือน'ระบบสาธารณสุข' วังวน 10 ปียังแก้ไม่ได้

เหตุที่ ‘บึงกาฬ’ สะเทือน'ระบบสาธารณสุข' วังวน 10 ปียังแก้ไม่ได้

แพทย์อินเทิร์นบึงกาฬลาออก 13 คน สะเทือนทั้งระบบ แต่เกิดขึ้นทุกปี ไม่ใช่พื้นที่เดียว เป็นปัญหาเรื้อรังสาธารณสุขกว่า 10 ปียังอยู่ในวังวนเดิม แม้มีหลากหลายข้อเสนอ

KEY

POINTS

  • แพทย์อินเทิร์นจ.บึงกาลาออก 13 คนจาก 21 คน เหลือทำงาน 8 คน  เป็นปัญหาเกิดขึ้นทุกปี  เล็งเสนอเป็น “พื้นที่พิเศษ”เหมือน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
  • แพทย์ลาออก ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะจ.บึงกาฬ แต่เป็นปัญหาเรื้อรังระบบสาธารณสุข เกิดขึ้นทั่วประเทศ แพทยสภาเผย 5 ปัจจัยหลัก
  • แก้ปัญหาแพทย์ลาออก มีข้อเสนอหลากแนวทางจากหลายภาคส่วน  แต่กว่า 10 ปียังอยู่วังวนเดิม สธ.เดินหน้ายกร่างกฎหมายขอแยกสธ.ออกจากก.พ. หวังบริหารจัดการกำลังคน ค่าตอบแทน ความก้าวหน้าในตำแหน่งได้เอง 

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พบว่า  ปีที่ผ่านมาจำนวนแพทย์อินเทิร์น มาอยู่ที่ จ.บึงกาฬ 16 คน โดยอยู่ที่ รพ.บึงกาฬ เพื่อฝึก 9 เดือน และอีก 3 เดือนไปอยู่ รพ.ชุมชน ซึ่งในจำนวนนี้ ณ ตอนนี้แสดงความจำนงขอลาออกไป 10 คน ก็จะเหลือ 6 คนที่จะอยู่ทำงานปีที่ 2 ต่อ

นอกจากนี้ ยังมีเด็กที่วางแผนว่า ปี 2 และปีที่ 3 จะให้มาอยู่บึงกาฬ อีก 5 คน โดยฝากฝึกไว้ที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี เนื่องจากรพ.บึงกาฬ รับฝึกเด็กได้มากที่สุดคือ 16 คน เมื่อครบ 1 ปีก็จะต้องกลับมาอยู่รพ.ชุมชนในบึงกาฬ โดยมีลาออก 3 คนจะเหลือ 2 คน ที่จะกลับมารพ.ชุมชนในปีที่ 2

แพทย์อินเทิร์นบึงกาฬลาออก 13 คน

เท่ากับว่า ในปีที่ 2 จะมีแพทย์อินเทิร์นมาอยู่รพ.ชุมชน ในจ.บึงกาฬรวม 8 คน จากเดิมที่มี 21 คน ออกไป 13 คน 

ทว่า แพทย์อินเทิร์น จ.บึงกาฬ ลาออก ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นเป็นปีแรก แต่เรียกว่าได้ว่า “แทบจะเกิดขึ้นทุกปี” แต่ละปีจะมีแพทย์อินเทิร์นลาออกอย่างน้อย 4-5 คน และเมื่อใช้ทุนครบ 3 ปีก็ลาออกเกือบทั้งหมดเพื่อไปศึกษาต่อเฉพาะทาง

ด้วยปัญหาเฉพาะของบริบทพื้นที่ คือ เป็นจังหวัดน้องใหม่ ไม่ค่อยมีแพทย์จากโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท (CPIRD)  จึงเป็นจังหวัดที่ต้องได้รับการจัดสรรแพทย์ที่จบจากการเข้าเรียนผ่านกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย(กสพท.) เป็นส่วนใหญ่

บวกกับเป็นจังหวัดใหม่ที่อยู่ไกล ไม่ใกล้ภูมิลำเนา  ทำให้เด็กส่วนกลางหรือพื้นที่อื่นจับสลากและไปลงที่จ.บึงกาฬ เป็นตัวเลือกท้ายๆก่อน 3 จังหวัดชายแดนใต้  

ชงบึงกาฬเป็นพื้นที่บริหารพิเศษ

แนวทางการแก้ปัญหาให้กับ จ.บึงกาฬ นพ.ภูวเดช สุระโคตร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า เตรียมจะเสนอผ่าน คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (อ.ก.พ.สป.สธ.) เพื่อให้จ.บึงกาฬเป็นพื้นที่บริหารแบบพิเศษ โดยใช้หลักเกณฑ์เหมือน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากดำเนินการตรงนี้ก็จะเป็นแรงจูงใจให้แพทย์

ปัจจุบัน มีพื้นที่พิเศษ คือ จ.แม่ฮ่องสอน จ.ตาก เช่น อำเภออุ้มผาง อำเภอท่าสองยาง และ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยการเป็นพื้นที่พิเศษ มีค่าตอบแทนอัตราพิเศษ การนับระยะเวลาการใช้ทุน ระยะเวลาการศึกษาต่อจะแตกต่างจากพื้นที่ปกติ นอกจากนี้ เตรียมหารือแพทยสภา ขอเพิ่มสัดส่วนแพทย์เพิ่มพูนทักษะหรือแพทย์อินเทิร์น มาฝึกในพื้นที่จ.บึงกาฬเพิ่มจำนวนมากขึ้น เช่น เดิมได้ 16 คน ขอเพิ่มเป็น 24 คน เป็นต้น


เหตุที่ ‘บึงกาฬ’ สะเทือน\'ระบบสาธารณสุข\' วังวน 10 ปียังแก้ไม่ได้

ภาพรวม 10 ปี แพทย์ลาออก

ที่สำคัญ “แพทย์ลาออก” ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะของพื้นที่จ.บึงกาฬเท่านั้น แต่เป็น “ปัญหาเรื้อรังระบบสาธารณสุข”ที่เกิดขึ้นมาไม่น้อยกว่า 10 ปี

ข้อมูลการลาออกของแพทย์กระทรวงสาธารณสุขช่วง 10 ปีย้อนหลังตั้งแต่ปี 2556 -2565 ซึ่งมีแพทย์บรรจุ จำนวน 19,355 คน ส่วนแพทย์ลาออกแบ่งเป็น

  • แพทย์ใช้ทุนปีแรก ลาออก อยู่ที่ 226 คน เฉลี่ยปีละ 23 คน
  • แพทย์ใช้ทุนปีที่ 2 ลาออก 1,875 คนคิดเป็น 9.69 % เฉลี่ยปีละ 188 คน
  • แพทย์ใช้ทุนปีที่ 3 ลาออก 858 คน  4.4 % เฉลี่ยปีละ 86 คน
  • แพทย์ลาออกหลังพ้นภาระใช้ทุน 1,578 คน  8.1 %  เฉลี่ยปีละ 158 คน

ภาพรวมเฉลี่ยการลาออกของแพทย์ปีละ 455 คน รวมถึงเกษียณอายุราชการปีละ 150-200 คนรวมประมาณปีละ 655 คน

ทั้งนี้ แพทย์ที่เรียนคณะแพทยศาสตร์ในโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท(CPIRD) อัตราการคงอยู่ในระบบ  80-90 %  ส่วนเข้าเรียนผ่านกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย(กสพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรรม(อว.)  อัตราคงอยู่ในระบบราว  70 %

และแม้ว่าจะมีข้อกำหนดให้แพทย์อินเทิร์นที่ลาออกก่อนใช้ทุนครบ 3 ปีจะต้องชดใช้ค่าปรับ แต่แพทย์อินเทิร์นที่ลาออกก็เลือกแนวทางนี้ ซึ่งค่าปรับจะอยู่ที่ประมาณ 4 แสนบาท หากใช้ทุนแล้ว 1 ปี ก็จะเหลือ 2 แสนกว่าบาท

5 ปัจจัยที่มีผลแพทย์รลาออก  

สาเหตุสำคัญของแพทย์ลาออก อ้างอิงจากที่ แพทยสภา โดยนพ.ภาสกร วันชัยจิระบุญ  กรรมการและผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา ได้ทำการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลแพทย์จบใหม่หรือแพทย์เพิ่มพูนทักษะทุกคนที่ใช้ทุนในทุกกระทรวง ก่อนการไปปฏิบัติงานจริงเมื่อปี 2564  พบว่า 3.5% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีแผนจะลาออกตั้งแต่ก่อนปฏิบัติงาน

ส่วน ปัจจัยที่มีผลต่อการลาออก  5 อันดับแรก

1.สภาพแวดล้อมการทำงาน ถูกเอาเปรียบโดยผู้ร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชา และวัฒนธรรมการทำงานที่มีการกลั่นแกล้ง 61.4% 

 2.ภาระงานหนักเกินไป ชั่วโมงทำงานยาวนาน มีความรับผิดชอบสูงเกินไปสำหรับแพทย์จบใหม่  51.7%

3.เงินเดือนและค่าตอบแทนต่ำ ไม่สมดุลกับภาระงานและความรับผิดชอบ และไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพในบางพื้นที่  42.9%
4.ไม่มีทุนในสาขาที่ต้องการ  ต้องรอนานเกินไป ไม่มีทุนในสาขาที่สนใจ  29.5 %

5.สถานที่ทำงานไม่ตรงความต้องการ  ห่างไกลภูมิลำเนา  ขาดสิ่งอำนวยความสะดวก 35.3 %

ทางแก้ปัญหา แพทย์ลาออก

การแก้ปัญหาเรื้อรัง เรื่อง “แพทย์ลาออก”นี้มีความพยายามดำเนินการมากว่า 10 ปีแต่ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จทั้งระบบ ซึ่งที่ผ่านมาข้อเสนอหลากหลายแนวทางจากหลายภาคส่วน 

แพทยสภาชง 4 ข้อ  

จากการสำรวจของแพทยสภามีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 4 เรื่องสำคัญ ได้แก่  

1.ปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงาน  สร้างวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีมที่ดี  ป้องกันการกลั่นแกล้งและการเอาเปรียบในที่ทำงาน มีระบบจัดการข้อเรียกร้องที่มีประสิทธิภาพ

 2.ภาระงาน กำหนดชั่วโมงทำงานที่เหมาะสม  กระจายงานอย่างเป็นธรรม เพิ่มอัตรากำลังในจุดที่มีปัญหา

3.ค่าตอบแทน ปรับค่าตอบแทนให้สอดคล้องกับภาระงาน  สร้างแรงจูงใจทางการเงิน มีสวัสดิการที่เหมาะสม 

4.ระบบทุนแพทย์ประจำบ้าน ลดระยะเวลารอทุน  เพิ่มจำนวนทุนในสาขาที่ขาดแคลน มีความยืดหยุ่นในเรื่องสถานที่
เหตุที่ ‘บึงกาฬ’ สะเทือน\'ระบบสาธารณสุข\' วังวน 10 ปียังแก้ไม่ได้

ศึกษา 5 รูปแบบใหม่จ้างงาน

สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.)ศึกษาวิจัยเรื่อง “การออกแบบการจ้างงานและสิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ที่ตอบสนองต่อความต้องการในอนาคตเพื่อสร้างแรงจูงใจกำลังคนสุขภาพของภาครัฐ” ได้เป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 5 ประเด็น เป็นทางเลือกรูปแบบการจ้างงานสำหรับวิชาชีพสุขภาพ ดังนี้

1. จ้างงานแบบยืดหยุ่น โดยเพิ่มตัวเลือกการจ้างงานที่เป็นแบบไม่ประจำและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น

2.จ้างงานนอกเวลาแบบเอกชน โดยเพิ่มรูปแบบการจ้างงานบุคลากรแบบเอกชนในการให้บริการนอกเวลา

3.จ้างงานผ่านเขตสุขภาพ เปลี่ยนผู้จ้างบุคลากรสาขาเฉพาะทาง เป็นเขตสุขภาพแทนโรงพยาบาล

 4. จ้างงานผ่านหน่วยบริการนอกระบบของรัฐ โดยขยายการอุดหนุนงบประมาณด้านสาธารณสุขไปที่หน่วยบริการเอกชนด้วย
5. ปรับงบประมาณจ้างงาน โดยปรับเปลี่ยนการให้งบการจ้างบุคลากรในโรงพยาบาลจากงบรายหัวเป็นเงินงบประมาณ

แยกสธ.ออกจากก.พ.

แนวทางสำคัญที่สธ.ผลักดัน โดยผลการรับฟังความคิดเห็น กว่า 92 % เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยเพียง  7.31 % เพราะมองว่าไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้เชื่อได้ว่าสามารถแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ จะเกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างสายงานมากขึ้น

นั่นคือ “การแยกกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)ออกจากก.พ.” โดยมีการยก(ร่าง)พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการสาธารณสุข พ.ศ..  ซึ่งจะส่งผลให้สธ.สามารถบริหารจัดการด้วยวิธีเฉพาะของกระทรวงฯ ทั้งการจัดสรรกำลังคน มาตรการในการสร้างแรงจูงใจเพิ่มขึ้นเพื่อให้บุคลากรยังคงอยู่ในระบบ เรื่องค่าตอบแทน และความก้าวหน้าในตำแหน่ง เป็นต้น 

ขณะนี้ (ร่าง)พ.ร.บ.ดังกล่าว สธ.ได้ยื่นเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(ครม.) แล้ว อยู่ระหว่างสอบถามไปยังหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง อาทิ ก.พ. และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เป็นต้น   

ปรับปรุงแพทย์เพิ่มพูนทักษะ

นอกจากนี้ ในวันที่ 17 เม.ย.2568 สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สป.สธ.) เตรียมทำหนังสือถึงแพทยสภา เพื่อขอให้ทบทวนปรับปรุงโครงการแพทย์เพิ่มพูนทักษะหรือหมออินเทิร์น ให้สอดคล้องสถานการณ์ปัจจุบัน

นพ.ภูวเดช กล่าวว่า ควรมีการปรับรูปแบบของการฝึกเพิ่มพูนทักษะแพทย์ใหม่ โดยยังคงมาตรฐานของแพทยสภาและตอบสนองการให้บริการตามนโยบายของสธ.ไปพร้อมกัน ที่สำคัญคือ สามารถแก้ไขความขาดแคลนแพทย์ในระบบสาธารณสุขได้อย่างตรงจุด และประชาชนยังได้รับบริการที่ดีมีประสิทธิภาพสูงสุด

“อาจให้มีการฝึกเพิ่มพูนทักษะให้เรียบร้อยก่อนเรียนจบและจัดสรรให้หน่วยงานต่างๆ ซึ่งเมื่อสธ.จัดสรรแพทย์จบใหม่ไปตามความขาดแคลนของพื้นที่แล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการอบรมเรียนรู้เหมือนกับข้าราชการวิชาชีพอื่นๆ ที่บรรจุใหม่”