รพ.ขอนแก่น ขาดสภาพคล่อง เงินบำรุงติดลบสะสมกว่า 1,200 ล้าน

ปลัดสธ.เผยเหตุรพ.สธ.ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ขณะที่รพ.ขอนแก่นเงินติดลบกว่า 1,200 ล้านบาท วาง 7 นโยบายแก้ปัญหา คาด 3-6 เดือน รพ.ขอนแก่นการเงินหมุนเวียนดีขึ้น 6-12 เดือนมีรายได้เพิ่มขึ้น และระยะยาวช่วยลดหนี้สะสม 30-50%
KEY
POINTS
- รพ.สธ.ขาดสภาพคล่อง เงินบำรุงรพ.ติดลบ “ปัญหาเรื้อรัง” แก้ตรงนั้น เกิดตรงนี้ ปลัดสธ.ระบุสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาสะสมต่อเนื่อง
- รพ.ขอนแก่น สถานการณ์เงินขาดสภาพคล่อง เงินบำรุงติดลบสะสม 1,237 ล้านบาท วาง 7 นโยบายแก้ปัญหา เน้นใช้งบคุ้มค่า บริการดี ระบบโปร่งใส โดยเพิ่มรายได้จากบริการเฉพาะทางคุณภาพสูง เบิกจ่ายแม่นยำถูกระเบียบ ลดใช้ยา/แล็บ/เอกซเรย์ซ้ำซ้อน จ่ายค่าตอบแทนตามภาระงานอย่างเป็นธรรม
- คาด 3-6 เดือน รพ.ขอนแก่นการเงินหมุนเวียนดีขึ้น 6-12 เดือนมีรายได้เพิ่มขึ้น และระยะยาวช่วยลดหนี้สะสม 30-50%
โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข(รพ.สธ.)ขาดสภาพคล่อง โดยเงินบำรุงรพ.ติดลบ อาจเรียกได้ว่าเป็น “ปัญหาเรื้อรัง” แก้ตรงนั้น เกิดตรงนี้ เพราะมีรพ.เจอวิกฤติทุกปีทั้งรพ.ชุมชน รพ.ทั่วไป รพ.ศูนย์ เว้นแต่ช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 เท่านั้น ที่เงินบำรุงซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณประจำปี ที่หน่วยงานได้รับนำไปใช้ในการดำเนินงานมีสถานะเป็นบวก
สาเหตุรพ.สธ.ขาดสภาพคล่อง
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า รายได้หลักของโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข(รพ.สธ.)ทั่วประเทศที่นำมาใช้จ่ายในการพัฒนาบริการประชาชน มาจากเงินค่ารักษาพยาบาลที่เรียกเก็บจากกองทุนสุขภาพต่างๆ
โดยส่วนใหญ่มาจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งยังต่ำกว่าต้นทุนค่ารักษาพยาบาลจริงอยู่มาก รวมทั้งยังมีบางส่วนที่เรียกเก็บไม่ครบถ้วนหรือเรียกเก็บไม่ได้ ทำให้เกิดการขาดสภาพคล่องสะสมต่อเนื่อง และส่งผลกระทบต่อการพัฒนาและการจัดบริการประชาชนในที่สุด แนวทางแก้ไขจึงมี 2 ส่วนสำคัญ
- การเพิ่มรายได้ ด้วยการพัฒนาศักยภาพการบริการในกลุ่มผู้รับบริการนอกระบบหลักประกันสุขภาพ รวมทั้งพัฒนาระบบเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลที่ครอบคลุม
- ลดรายจ่ายที่เกินความจำเป็น อาทิ รวมคลังยา/วัสดุการแพทย์ย่อย ลดการตรวจเอกซเรย์/แล็บซ้ำ เป็นต้น
รพ.ขอนแก่น เงินติดลบ 1,237 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อ้างอิงจากรายงานกสถานการณ์ทางการเงินของหน่วยบริการสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ณ 30 พ.ย.2567 มีหน่วยบริการที่มีจำนวนเงินบำรุงติดลบสูง 10 อันดับแรก รวม 1,974.4 ล้านบาท มากที่สุด คือ รพ.ขอนแก่น เงินบำรุงติดลบ 874.2 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จนถึงเดือนมี.ค. 2568 รพ.ขอนแก่น ขาดสภาพคล่องรวม 1,237 ล้านบาท
พบปัญหาหลายส่วน เช่น การจ้างลูกจ้างที่เพิ่มขึ้นกว่า 22% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีต้นทุนบริการที่สูงขึ้นมาก แม้จะมีศักยภาพด้านการบริการขั้นสูงและมีการจัดคลินิกพิเศษเฉพาะทางหลายสาขาเพื่อสร้างรายได้เข้าโรงพยาบาล รวมทั้ง มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการเบิกจ่ายค่ารักษาจากกองทุนสุขภาพ และควบคุมกำกับค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่เนื่องจากยอดขาดสภาพคล่องที่สูงทำให้กระทบต่อการดำเนินงาน สธ.ต้องเร่งวางแนวทางแก้ไขปัญหา
วาง 6 แนวทางแก้ปัญหารพ.ขอนแก่น
นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 7 ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามสถานการณ์และวางนโยบายแก้ไขปัญหาโรงพยาบาลขอนแก่นขาดสภาพคล่อง กล่าวว่า วางแนวทางแก้ไขปัญหาภายใต้หลักการ “ใช้งบอย่างคุ้มค่า – บริการดี – ระบบโปร่งใส” ดำเนินมาตรการต่างๆ ไปพร้อมกัน ได้แก่
1. ใช้ศักยภาพที่มีเพิ่มรายได้เข้าโรงพยาบาล ด้วยการเปิดบริการเฉพาะทางคุณภาพสูงในราคาภาครัฐ เช่น ตรวจสุขภาพ/คลินิกพิเศษเฉพาะทาง ซึ่งจะไม่ให้กระทบกับการบริการปกติ
2.การเบิกจ่ายต้องรวดเร็ว แม่นยำ ครบถ้วน และถูกระเบียบ โดยเชื่อมระบบข้อมูลบริการของโรงพยาบาลกับระบบศูนย์กลางข้อมูลด้านการเงิน (FDH) ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการเบิกจ่ายถูกตีกลับ และตั้งทีมตรวจสอบติดตามรายได้ที่ตกค้าง
3.ปรับการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดความซ้ำซ้อน/สิ้นเปลือง เช่น การรวมคลังยา/เวชภัณฑ์ย่อย ลดการตรวจแล็บและเอกซเรย์ซ้ำโดยไม่จำเป็น
4. ทบทวนการจ่ายค่าตอบแทนตามภาระงาน (P4P) ให้เป็นธรรม เปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใสและให้ทุกหน่วยงานมีส่วนร่วม โดยผูกการจ่ายกับผลลัพธ์การดำเนินงาน เช่น รายรับที่สร้างเข้าโรงพยาบาล ความพึงพอใจผู้ป่วย เป็นต้น
5. สื่อสารกับบุคลากรทุกระดับอย่างตรงไปตรงมา ให้ทราบสถานการณ์ที่แท้จริงและมีส่วนร่วมกันในการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา รวมทั้งเปิดเผยข้อมูลต่อประชาชนอย่างสม่ำเสมอ
และ 6. ติดตามประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ โดยมีทีมกำกับติดตาม Dashboard รายไตรมาส เพื่อปรับเปลี่ยนมาตรการต่างๆ ให้เหมาะสม
คาด 1-3ปีลดหนี้สะสมรพ.ขอนแก่น 30-50 %
หลังดำเนินการตามมาตรการ คาดว่าในระยะสั้น 3-6 เดือนแรก รพ.ขอนแก่นจะมีเงินหมุนเวียนในระบบดีขึ้น เบิกเงินจากกองทุนได้มากขึ้น มีระบบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ รู้สถานะการเงินแบบวันต่อวัน ส่วนระยะกลาง 6–12 เดือน จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากบริการพิเศษ การจ่ายค่าตอบแทน P4P โปร่งใสและยุติธรรม การเบิกเงินจากกองทุนต่างๆ มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
"ในระยะยาว 1-3 ปีจะช่วยลดหนี้สะสมลงได้อย่างน้อย 30–50% โรงพยาบาลมีสถานะการเงินที่มั่นคง และเป็นต้นแบบของการพลิกฟื้นวิกฤตสภาพคล่องโรงพยาบาลในระดับประเทศ”
ตั้งทีมเฉพาะกิจด้านการจัดเก็บรายได้
ขณะที่ นพ.ภาคี ทรัพย์พิพัฒน์ สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุขภาพที่ 7 กล่าวว่า คณะกรรมการแก้ไขปัญหาด้านการเงินการคลังของโรงพยาบาลขอนแก่น ได้ร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลสถานการณ์และวางแนวทางแก้ปัญหาวิกฤตทางการเงิน ดังนี้
1.ให้ทบทวนและนำเสนอร่างแผนเงินบำรุง โดยประมาณการรายรับให้สมเหตุสมผล และประมาณการรายจ่ายตามจริง เพื่อให้สะท้อนสถานการณ์ที่แท้จริงและกำหนดมาตรการที่เหมาะสมต่อไปได้
2.ตั้งทีมเฉพาะกิจด้านการจัดเก็บรายได้จากสหสาขาวิชาชีพของโรงพยาบาลขอนแก่น เพื่อช่วยให้การจัดเก็บรายได้มีประสิทธิภาพและสร้างการมีส่วนร่วมของบุคลากร
3.ควบคุมกำกับการจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นไปตามแผนและปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ และประกาศที่เกี่ยวข้อง หากจำเป็นจัดซื้อนอกแผน ต้องขออนุมัติจากผู้อำนวยการเท่านั้น
4.ทบทวนการจ่ายค่าตอบแทนตามภาระงานให้เป็นธรรม โดยผู้บริหารควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการแสดงออกถึงความเสียสละทุ่มเท
และ 5.จัดประชุมบุคลากรทั้งองค์กรผ่านช่องทางที่เหมาะสม เพื่อให้ทราบสถานการณ์และแนวทางแก้ไขปัญหาวิกฤตทางการเงินของโรงพยาบาลเป็นระยะ
“ให้มีการรวบรวมข้อมูลแผนเงินบำรุงและแผนการเงิน (planfin) ของโรงพยาบาลในภาคอีสานที่มีศักยภาพใกล้เคียงกัน เพื่อนำมาเปรียบเทียบด้วย”
ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับผู้อำนวยการรพ.ขอนแก่นนั้น ปัจจุบัน คือ นพ.สุรสิทธิ์ จิตรพิทักษ์เลิศ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2567 ส่วนก่อนหน้านั้นเป็นนพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ อยู่ในตำแหน่งตั้งแต่ปี 2564-2567