เปิดตารางเทียบเงิน 'บำนาญชราภาพ ประกันสังคม' (สูตรใหม่)

"สูตรใหม่คำนวณ" บำนาญชราภาพ ประกันสังคม ไม่ใช่เป็นการเพิ่มเงินบำนาญ แต่เพื่อสร้างความเป็นธรรม

เหตุที่อนุกรรมการสิทธิประโยชน์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ประกันสังคม และผู้ที่เกี่ยวข้องในการผลักดันต้อง “เน้นย้ำ”ในเรื่องนี้ เนื่องจากสูตรใหม่นี้ จะทำให้บางกลุ่มได้รับเงินบำนาญจากการคำนวณ “ลดลง” 

โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่ส่งฐานเงินสมทบ 15,000 บาทตลอด พอเพดานรายได้การจ่ายเงินสมทบ ขยับเป็น 17,500 บาท ในปี 2569 บำนาญขยับขึ้นจาก 5,700 เป็น 6,039 บาท แต่ถ้าเกษียณหลังปรับเพดานค่าจ้างไปเกิน 60 เดือน สูตรใหม่จะได้น้อยกว่าเก่า  

และผู้ที่ค่าจ้างต่ำเกือบตลอด แต่ไปเร่งส่งสูง 15,000 ช่วง 5 ปีสุดท้าย บำนาญอาจลดลง เพราะสูตร CARE ป้องกันไม่ให้เอาเปรียบระบบโดยจ่ายสูงเฉพาะโค้งสุดท้าย

ไม่ให้ใครได้เงินบำนาญชราภาพลดลง

อย่างไรก็ตาม กรณีสูตรใหม่ทำให้ผู้ประกันตนได้รับเงินบำนาญชราภาพ ประกันสังคมลดลงนั้น ได้รับการยืนยันจากคณะกรรมการประกันสังคม(บอร์ดประกันสังคม) หลังจากที่มีการประชุม และมติเห็นชอบให้ใช้สูตรใหม่ “แคร์(CARE)” ในการคำนวณเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2568 และคาดว่าจะมีผลในวันที่ 1 ม.ค.2569

“ผู้ที่เมื่อคำนวณตามสูตรใหม่แล้วเงินบำนาญชราภาพ ประกันสังคมลดลง จะมีการชดเชยให้ได้รับเท่าเดิมตามสูตร”

ปัจจุบัน มีผู้ที่ได้รับเงินบำนาญชราภาพ ประกันสังคมทั้งผู้ประกันตนมาตรา 33 และผู้ประกันตนมาตรา 39  ราว 8 แสนคน และจะทยอยเพิ่มขึ้นปีละ1 แสนคน

ทั้งนี้ กลุ่มที่ได้ประโยชน์ที่สุดจากการเปลี่ยนสูตรบำนาญชราภาพใหม่นี้ คือ ผู้ประกันตน มาตรา 39 ที่เคยส่งฐาน 15,000 ตอนมาตรา 33 แล้วเปลี่ยนไปส่ง 4,800 บาทช่วง 6 ปีสุดท้าย ก่อนรับเงินบำนาญ จะทำให้บำนาญชราภาพเพิ่มมาก จากราว 1,750 เป็นประมาณ 4,789 บาท หรือ เพิ่มขึ้น 173%

เงินบำนาญชราภาพ ผู้ประกันตนมาตรา 39(เก่า-ใหม่ )

สำหรับ ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ส่งเงินสมทบ ในฐานค่าจ้าง 15,000 บาท หรือจ่ายเงินสมทบเดือนละ 750 บาท มาเป็นเวลา 15 ปี แล้วสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33  โดยตอนนี้อายุ 55 ปี (กำลังตัดสินใจว่าจะส่งต่อมาตรา 39 หรือไม่)

หากไม่ส่งเงินสมทบเดือนละ 432 บาทต่อในมาตรา 39 จะได้รับเงินบำนาญชราภาพ ประกันสังคม เดือนละ 3,000 บาท 

แต่หากส่งเงินสมทบต่อในการเป็น ผู้ประกันตนมาตรา 39 นั้น นายณภูมิ  สุวรรณภูมิ หัวหน้ากลุ่มงานคณิตศาสตร์ประกันภัย กองวิจัยและพัฒนา สำนักงานประกันสังคม(สปส.) แสดงการเปรียบเทียบเงินบำนาญชราภาพ ประกันสังคมของสูตรเก่า และสูตรใหม่ ที่จะได้ในการส่งเงินสมทบช่วง  10 ปี

• ส่งต่อ 1 ปี  สูตรเก่าได้ 2,786 บาท/เดือน สูตรใหม่ได้ 3,088 บาท/เดือน   
• ส่งต่อ 2 ปี  สูตรเก่าได้ 2,512 บาท/เดือน สูตรใหม่ได้ 3,174 บาท/เดือน   
• ส่งต่อ 3 ปี  สูตรเก่าได้ 2,176 บาท/เดือน สูตรใหม่ได้ 3,259  บาท/เดือน   
• ส่งต่อ 4 ปี  สูตรเก่าได้ 1,778 บาท/เดือน สูตรใหม่ได้ 3,342 บาท/เดือน   
• ส่งต่อ 5 ปี  สูตรเก่าได้ 1,320 บาท/เดือน สูตรใหม่ได้ 3,417  บาท/เดือน   
• ส่งต่อ 6 ปี  สูตรเก่าได้ 1,392 บาท/เดือน สูตรใหม่ได้ 3,505 บาท/เดือน   
• ส่งต่อ 7  ปี  สูตรเก่าได้ 1,464 บาท/เดือน สูตรใหม่ได้ 3,585 บาท/เดือน   
• ส่งต่อ 8  ปี  สูตรเก่าได้ 1,536 บาท/เดือน สูตรใหม่ได้ 3,665 บาท/เดือน   
• ส่งต่อ  9  ปี  สูตรเก่าได้ 1,608 บาท/เดือน สูตรใหม่ได้ 3,744 บาท/เดือน   
• ส่งต่อ 10 ปี  สูตรเก่าได้ 1,680 บาท/เดือน สูตรใหม่ได้ 3,822 บาท/เดือน   

จะเห็นได้ว่าหากเป็นสูตรเก่านั้น เงินบำนาญชราภาพ ประกันสังคม ของผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่ส่งมา 1 ปี จะได้รับเดือนละ 2,786 บาท ซึ่งต่ำกว่าจำนวนที่ได้รับ 3,000 บาทในกรณีที่พ้นมาตรา 33 แล้วไม่ได้ส่งเงินสมทบต่อในมาตรา 39

ที่สำคัญ สูตรเก่ายิ่งจ่ายเงินสมทบมาตรา 39 นานขึ้น เงินบำนาญชราภาพ กลับยิ่งได้รับลดลงในช่วง 5 ปี ก่อนที่จะค่อยขยับเพิ่มขึ้นในปีที่ 6-10 แต่ก็ยังได้น้อยกว่าเดือนละ 3,000 บาท 
 

แต่สำหรับในกรณีสูตรใหม่ จะเห็นว่า ในการส่งเงินสมทบมาตรา 39 ต่อจากมาตรา 33 ในปีแรกก็จะได้เงินบำนาญชราภาพเดือนละ 3,088 บาท มากกว่า  3,000 บาทแล้ว และจะขยับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในทุกปี  โดยตั้งแต่ปีที่ 5 จะได้รับเพิ่มขึ้นจากสูตรเก่าเกินเดือนละ  2,000 บาท

เงินบำนาญชราภาพ ผู้ประกันตนมาตรา 33(เก่า-ใหม่ )

ทว่า  ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ส่งเงินสมทบเดือนละ 750 บาทมาตั้งแต่ 16 ปี ซึ่งกรณีส่งมา 16 ปีไม่ส่งเงินต่อในมาตรา 39 จะได้เงินบำนาญชราภาพตามสูตรเก่า อยู่ที่ 3,225 บาท และเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆในแต่ละปี

หากเมื่อสิ้นสุดมาตรา 33 แล้วตัดสินใจจะมาส่งเงินสมทบต่อตามมาตรา 39 ในช่วง 1-2 ปี  แม้เป็นการคำนวณตามสูตรใหม่แล้ว จะไม่ได้รับเงินเพิ่มขึ้น จนเมื่อส่งมาตรา 39 ตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป จึงจะได้รับเงินบำนาญที่มากกว่าการสิ้นสุดมาตรา 33 แล้วไม่ได้ส่งมาตรา 39  

ส่วนคนที่ส่งมาตรา 33 มา 17 ปีแล้วหยุดส่ง สูตรเก่าจะได้เงินบำนาญเดือนละ 3,450 บาท แต่หากส่งต่อมาตรา 39 เมื่อใช้สูตรใหม่จะต้องส่งมาตรา 39 เป็นเวลา 6 ปีจึงจะได้รับเงินบำนาญต่อเดือน 3,505 บาท มากกว่าเงินที่ได้กรณีไม่ส่งต่อมาตรา 39 และรับบำนาญตามสิทธิมาตรา 33 ที่ส่งมา 17 ปี เป็นต้น

กังวลมาก เมื่อรู้ว่าเงินบำนาญ ประกันสังคมลด

บุญเลิศ สุวรรณ อายุ  54 ปี ซึ่งในปีหน้าก็จะมีสิทธิรับเงินบำนาญชราภาพ ประกันสังคม เล่าถึงความคับแค้นใจก่อนหน้านี้ว่า เขาทำงานในโรงพิมพ์เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ส่งเงินสมทบ ประกันสังคม มาตั้งแต่ทำงานปี 2534 เป็นเวลา 26 ปี  อัตราสูงสุดที่จ่ายเดือนละ 750 บาท จนเมื่อปี  2560 ต้องสิ้นสุดการทำงานในโรงพิมพ์  ตัดสินใจส่งเงินสมทบ ประกันสังคมต่อด้วยการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ตั้งแต่นั้นจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 8  ปี  ด้วยความหวังสำคัญ “ต้องการสิทธิประโยชน์ประกันสังคมเหมือนเดิม โดยเฉพาะเงินบำนาญชราภาพที่จะได้ใช้เมื่ออายุ 55 ปีขึ้นไป”

ในตอนนั้นเข้าใจว่า หากส่งต่อไปเรื่อยๆ จ่ายเงินสมทบเยอะๆ แล้ว บั้นปลายชีวิตเงินบำนาญชราภาพก็จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วย  ซึ่งไปๆ มาๆเขาส่งเงินสมทบรวมทั้ง 2 มาตราเกือบ 2 แสนบาทแล้ว 

“เมื่อปีที่ผ่านมา ได้เล่นโซเชียลมีเดียแล้วได้รับทราบข้อมูลว่า หากออกจากมาตรา 33 แล้วมาเข้ามาตรา 39 เงินบำนาญจะลดลงเหลือแค่ 1,000 กว่าบาท ตกใจมาก ตอนแรกก็ไม่เชื่อ รีบไปสอบถามที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ใกล้บ้าน ก็ได้รับการยืนยันว่าผมจะได้เงินบำนาญแค่ 1,000-1,300 บาท แต่ถ้าผมไม่ส่งมาตรา 39ก็จะได้ 4,000 กว่าบาท ซึ่งผมไม่รู้มาก่อนถ้ารู้ก็ไม่ส่งมาตรา 39 แน่นอน” บุญเลิศ กล่าว 

ส่วนสิทธิประโยชน์อื่นๆ อย่างเช่น สิทธิรักษาพยาบาลอาจจะใช้สิทธิบ้างเมื่อเจ็บป่วย ส่วนทันตกรรมปีละครั้งบางปีก็ไม่ได้ใช้สิทธิ ส่วนคลอดบุตร สงเคราะห์บุตร ทุพพลภาพนั้น ไม่เคยได้ใช้สิทธิ  ซึ่งหากรู้ว่าเงินบำนาญจะได้รับลดลงขนาดนี้ ก็คงไม่ส่งมาตรา 39  คงจะนำเงินเดือนละ 432 บาทไปทำประกันชีวิตดีกว่า ส่วนสิทธิรักษาพยาบาลก็ไปใช้ตามสิทธิบัตรทอง 30 บาท

“ตอนที่บอร์ดประกันสังคมยังไม่ได้มีมติเห็นชอบสูตรคำนวณใหม่ ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเงินบำนาญที่ได้เพียงเดือนละ 1,000 กว่าบาท แต่เมื่อบอร์ดเห็นชอบให้ใช้สูตรที่จะเริ่มในปีหน้า ซึ่งผมก็จะรับบำนาญพอดี ก็น่าจะได้เป็น 3,000 กว่าบาทเพิ่มขึ้นมาราว 2,000 บาท แม้ว่าจะไม่เท่า 4,000 บาทตามที่ควรจะได้ แต่ก็ดีขึ้นกว่าได้พันกว่าบาทที่แทบไปทำอะไรไม่ได้ และอยากให้นายกรัฐมนตรีลงมาดูเรื่องประกันสังคมด้วย ”บุญเลิศ กล่าว   
 

ไม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 เพราะรู้ว่าเงินบำนาญลด

ขณะที่ สิราวุฒิ รวีไชยวัฒน์  อาชีพ ฟรีแลนซ์ ซึ่งตัดสินใจไม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 เมื่อสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ในปี  2563 บอกว่า  ส่งเงินสมทบมาตรา 33 เดือนละ 750 บาท ประมาณ  120 เดือน หรือ 10 ปี ซึ่งยังส่งมาไม่ถึง 180 เดือนตามเกณฑ์ที่จะรับเงินบำนาญชราภาพ จะได้รับเป็นเงินก้อนบำเหน็จ  ตอนนั้นไม่เข้ามาตรา 39 เพราะอนาคตอาจจะได้กลับเข้ามาเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 อีกหรือไม่  และหากจ่ายต่อในมาตรา 39 จนครบตามเกณฑ์ที่จะได้รับเงินบำนาญก็คงจะได้เงินลดลง เพราะยอดที่จ่ายเงินสมทบของมาตรา 39 ลดลงกว่ามาตรา 33

“หากเข้าเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ตอนปี 2563 จนถึงตอนนี้ปี  2568 ก็จะเท่ากับส่งเงินสมทบ 180 เดือนสามารถรับเป็นเงินบำนาญได้ แต่ตามสูตรเดิมก็จะใช้ฐานคำนวณจากรายได้เพียง 4,800 บาท ไม่ได้เอารายได้ช่วง 10 ปีตอนที่เราส่งมาตรา 33 มาคิดด้วย  และถ้าเข้ามาตรา 39 แล้วกลับไปเข้ามาตรา 33 ใหม่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาคิดคำนวณรายได้เราแบบไหน ก็เป็นอีกเหตุผลที่ไม่เข้ามาตรา 39” สิราวุฒิ กล่าว

ส่วนสิทธิประโยชน์ประกันสังคมอื่นๆ ที่ได้รับ ก็ไม่ได้มองว่าเสียสิทธิแต่อย่างใด เนื่องจากตอนที่ส่งตามมาตรา 33 ก็ไม่ได้ใช้สิทธิอะไรเลย และหากเทียบตั้งแต่ปี 2563 ที่ออกจากระบบจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่ได้ใช้สิทธิประโยชน์อะไรเหมือนกัน  ไม่ได้มีการเจ็บป่วยรุนแรงระดับที่ต้องเข้า รพ. 

นอกจากนี้ สำหรับเงินวัยเกษียณ แม้ไม่ได้เงินบำนาญชราภาพ ประกันสังคม  แต่ก็ได้มีการวางแผนไว้ตั้งแต่ยังเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่จะให้มีเงินเก็บอีกก้อน นอกเหนือจากเงินบำเหน็จชราภาพ จึงซื้อประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ไว้ด้วย   

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์