บริการ 'เช่าลูก' ครอบครัวเฉพาะกิจ ดูแลสูงวัย 'Buddy Home Care'

บ้านหลายหลังทั่วประเทศไทยมีความท้าทายเงียบๆ ซ่อนอยู่ เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์
KEY
POINTS
- จุดเด่นที่ทำให้บริการเช่าลูกแตกต่างจากการจ้างรถรับ-ส่ง คือ หัวใจของการดูแล ที่เป็นมากกว่าหน้าที่ เพราะทุกการดูแลจะอยู่เคียงข้างจนเสร็จสิ้นภารกิจ เหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
- รูปแบบ “บริการเช่าลูก” มีความยืดหยุ่นและครอบคลุมความต้องการ ทั้งบริการภายในบ้าน อาทิ สอนใช้เทคโนโลยี (LINE, Facebook) ตรวจเช็กสุขภาพเบื้องต้น และบริการนอกบ้าน พาไปโรงพยาบาล ฯลฯ
- คุณสมบัติหลักของบัดดี้ต้องมีใจรักบริการ (Service Mind) ,ความใจเย็นและทักษะการฟัง และผ่านการอบรม รวมถึงการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม
บ้านหลายหลังทั่วประเทศไทยมีความท้าทายเงียบๆ ซ่อนอยู่ เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ ลูกหลานวัยทำงานจำนวนมากต้องเผชิญกับความกังวลใจที่หนักอึ้งระหว่างการทุ่มเทให้กับหน้าที่การงานและการดูแลบุพการีอันเป็นที่รัก
ความห่วงใยที่ไม่เคยจางหายกลายเป็นคำถามที่ดังอยู่ในใจทุกวันว่า “วันนี้คุณพ่อคุณแม่จะเป็นอย่างไร” ท่ามกลางความกังวลดังกล่าว “Buddy Home Care” ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในเชียงใหม่ หน่วยงานที่ได้สร้างรากฐานมั่นคงในฐานะกิจการเพื่อสังคมมาอย่างยาวนาน โดยมุ่งมั่นส่งมอบบริการดูแลผู้สูงอายุที่มีคุณภาพสูงสุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ฟิตอย่างเดียวไม่พอ! ดูแลร่างกายให้ถูกทาง เริ่มจากโภชนาการ x ออกกำลังกาย
บริการเช่าลูก ตอบโจทย์คนยุคใหม่
ล่าสุด Buddy Home Care ได้เปิดโครงการ “เช่าลูก” โดยมี “แบงค์ - ทศวรรษ บุญมา” เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งคำตอบที่จะเปลี่ยนความเจ็บปวดและประสบการณ์โดยตรงจากการดูแลคนในครอบครัว ให้กลายเป็นภารกิจเพื่อสังคมที่พร้อมจะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งครอบครัวให้กับผู้สูงวัยทุกคน
การดำเนินงานภายใต้พันธกิจที่ไม่เพียงแต่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจในตลาดบริการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ความไว้วางใจ คือ สินทรัพย์หลัก และทุนทางชื่อเสียง ปัจจัยต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
แบงค์-ทศวรรษ เล่าถึงจุดเริ่มของการบริการ “เช่าลูก” แห่ง Buddy Home Care ว่าการให้บริการเช่าลูกนั้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคน 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มคนโสดที่อาจไม่มีลูกหลานคอยดูแลในอนาคต และกลุ่มครอบครัวที่ลูกหลานต้องออกไปทำงาน ทำให้ไม่สะดวกในการพาคุณพ่อคุณแม่ไปทำธุระต่างๆ บริการเช่าลูก จึงเข้ามาเติมเต็มช่องว่างด้วยทีมงานขนาดเล็กประมาณ 3-4 คน ที่จะทุ่มเทให้บริการในพื้นที่เชียงใหม่อย่างเข้าถึง
ดูแลสูงวัยทั้งในบ้าน และนอกบ้าน
ปัจจุบัน “บริการเช่าลูก” มีรูปแบบการให้บริการที่ถูกออกแบบมาให้ยืดหยุ่นและครอบคลุมความต้องการที่หลากหลาย โดยแบ่งออกเป็น บริการภายในบ้าน อาทิ เป็นเพื่อนพูดคุย, สอนใช้เทคโนโลยี (LINE, Facebook), เฝ้าระวังป้องกันอุบัติเหตุ, ตรวจเช็กสุขภาพเบื้องต้น เช่น วัดความดัน และช่วยดูแลเรื่องการรับประทานยา ส่วน บริการนอกบ้าน จะเป็นการพาไปโรงพยาบาล พร้อมดูแลเรื่องเอกสารและการรับยา, พาไปตลาด, ไปวัดทำบุญ, ไปเที่ยว (เป็นทั้งเพื่อนเดินทางและช่างภาพส่วนตัว) หรือพาไปทำธุรกรรมที่ธนาคาร
“จุดเด่นที่ทำให้บริการนี้แตกต่างจากการจ้างรถรับ-ส่ง คือ “หัวใจของการดูแล” ที่เป็นมากกว่าหน้าที่ เพราะทุกการดูแลจะอยู่เคียงข้างจนเสร็จสิ้นภารกิจ เหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ซึ่งการบริการเช่าลูกสามารถเข้าถึงง่ายและไม่สร้างภาระผูกมัดในระยะยาว Buddy Home Care ได้กำหนดอัตราค่าบริการเป็นรายชั่วโมง เพียง 350 บาท และให้บริการเช่าอุปกรณ์ สำหรับเครื่องมือทางการแพทย์ที่จำเป็น เช่น เตียงผู้ป่วย หรือรถเข็น เพื่อเป็นระบบสนับสนุนที่สมบูรณ์แบบให้กับครอบครัว ดังนั้น ผู้ให้บริการจะทำหน้าที่เป็นลูก เป็นคนในครอบครัวหรือบัดดี้ให้แก่ผู้สูงอายุ”
“บัดดี้” หัวใจของบริการควบคู่ทักษะ
แบงค์-ทศวรรษ กล่าวต่อว่าผู้ให้บริการเช่าลูกนั้นเริ่มให้บริการเมื่อเดือน ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา และให้บริการเฉพาะพื้นที่เชียงใหม่ เพราะผู้ที่จะให้บริการต้องมีการฝึกอบรมดูแลผู้สูงอายุ (Caregiver) ซึ่งมีหลายหลักสูตร ตั้งแต่ 70 ชั่วโมง (พื้นฐาน/ครอบครัว) ไปจนถึง 420 ชั่วโมง (มืออาชีพ) อย่าง บริการ “เช่าลูก” หรือหลักสูตรเข้มข้น 420 ชั่วโมงสำหรับการดูแลระยะยาว ฉะนั้น ผู้ให้บริการดูแลผู้สูงอายุ หรือบัดดี้ มีความสำคัญมากต้องผ่านการหล่อหลอมทั้งทักษะและหัวใจของการบริการ
“คุณสมบัติหลักของบัดดี้ที่จะต้องมี คือ มีใจรักบริการ (Service Mind) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะต้องมีความรักและความเข้าใจในธรรมชาติของผู้สูงอายุ พื้นฐานที่ทำให้การดูแลเต็มไปด้วยความใส่ใจและปรารถนาดี รวมถึงความใจเย็นและทักษะการฟัง เนื่องจากผู้สูงอายุมักมีเรื่องราวในอดีตที่อยากแบ่งปันและอาจเล่าซ้ำๆ บัดดี้ ที่ดีต้องเป็นผู้ฟังที่เข้าอกเข้าใจ สามารถรับฟังเรื่องราวเหล่านั้นได้อย่างมีความสุข และผ่านการอบรม ตรวจสอบและต้องผ่านการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม เพื่อสร้างความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือสูงสุด”
จาก “บ้าน” สู่ “หมู่บ้าน” ความสุข
แบงค์-ทศวรรษ กล่าวอีกว่า Buddy Home Care ไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับความสำเร็จในปัจจุบัน แต่ยังมีวิสัยทัศน์เพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าสำหรับผู้สูงวัย โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจนทั้งด้านการขยายพื้นที่บริการ ซึ่งมีแผนที่จะขยายบริการ “เช่าลูก” ไปยังกรุงเทพฯ และปริมณฑล เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการสูง ผ่านการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในแต่ละพื้นที่
นอกจากนั้น มีการกำหนดไว้ว่าภายใน 3 ปีข้างหน้า จะมีการจัดทำโครงการ Buddy Village เพื่อสร้างชุมชนต้นแบบสำหรับผู้สูงอายุเพราะ Buddy Home Care เชื่อว่าการต่อสู้กับความเหงา คือ หัวใจสำคัญของการดูแล โดยโครงการนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.ศูนย์กิจกรรม (Day Care) พื้นที่สำหรับผู้สูงอายุที่ยังแข็งแรง สามารถเดินทางมาทำกิจกรรม พบปะเพื่อนฝูงในตอนกลางวัน (รูปแบบเช้าไป-เย็นกลับ) เพื่อสร้างความสุขและส่งเสริมสุขภาพ 2.ศูนย์ดูแล (Residential Care) ที่พักสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด หรือผู้ป่วยติดเตียง เพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างเต็มที่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและปลอดภัย
“การดูแลผู้สูงอายุ อาจไม่ใช่งานที่ง่าย แต่เป็นหนึ่งในภารกิจที่มีคุณค่า และสามารถสร้างความหมายที่ลึกซึ้งให้กับชีวิตของผู้ให้และเติมเต็มความสุขให้กับชีวิตของผู้รับได้ ดังนั้น ผู้ที่สนใจจะก้าวเข้ามาทำงานในสายงานนี้ ต้องมีความใจเย็น และการเปิดใจมองว่างานนี้ คือโอกาสในการเรียนรู้ความเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นภาพอนาคตที่คนต้องก้าวเดินไปถึง เพราะคงไม่มีใครบนโลกนี้ที่จะหนีความแก่ที่เพิ่มขึ้นได้ในทุกปี” แบงค์-ทศวรรษ กล่าว
มากกว่าธุรกิจ คือภารกิจเพื่อสังคม
“Buddy Home Care” ธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise - SE) ที่ก่อตั้งและดำเนินภารกิจในการดูแลผู้สูงอายุมาเป็นเวลากว่า 10 ปี โดยมีหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนองค์กรอยู่ 3 ประการ คือ
1.บริการหลักที่อบอุ่น จัดส่งพนักงานผู้ดูแลมืออาชีพ หรือ “บัดดี้” (Buddy) ไปยังบ้านของผู้สูงอายุ เพื่อมอบการดูแลที่ได้มาตรฐาน ทำให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตในบ้านของตนเองได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย
2.สร้างผลกระทบเชิงบวก นำผลกำไรส่วนหนึ่งที่ได้กลับคืนสู่สังคม เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ยากไร้และขาดแคลนในชุมชนต่างๆ
3.บุคลากรที่ได้มาตรฐาน ซึ่งมีทีมงานหลักกว่า 30 คนที่ผ่านการอบรมหลักสูตรการดูแลผู้สูงอายุ 420 ชั่วโมง สำหรับการดูแลระยะยาว และมีบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรมและตรวจสอบประวัติสำหรับบริการเฉพาะทางอื่นๆ เพื่อสร้างความมั่นใจสูงสุดให้แก่ทุกครอบครัว ตอบสนองต่อวิถีชีวิตยุคใหม่ที่เปลี่ยนไป
อย่างไรก็ตาม บริการ “เช่าลูก” เป็นมากกว่าโมเดลธุรกิจที่ชาญฉลาด แต่เป็นทางออกที่เปี่ยมไปด้วยความเข้าอกเข้าใจ เป็นการผสานชื่อที่ติดหูเข้ากับบริการที่จับใจ บนรากฐานขององค์กรเพื่อสังคมที่น่าเชื่อถือ และวิสัยทัศน์ที่มองเห็นความต้องการที่แท้จริงของผู้สูงวัย มันคือการเชื่อมช่องว่างระหว่างภาระหน้าที่ของคนรุ่นใหม่กับความต้องการทางใจของคนรุ่นก่อนได้







