'แพ้เสียงในหัว' ไวรัลขำ ที่อาจทำให้หัวเราะไม่ออกในชีวิตจริง

'แพ้เสียงในหัว' ไวรัลขำ ที่อาจทำให้หัวเราะไม่ออกในชีวิตจริง

“แพ้เสียงในหัว” เป็นวลีฮิตที่ฟังแล้วขำ แต่ถ้ามันครอบงำการใช้ชีวิตของเรา อาจจะทำให้หัวเราะไม่ออกก็ได้ครับ

ทุกวัน เราต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่าง ทำ “สิ่งที่อยากทำ” กับ “สิ่งที่ควรทำ”เสมอ คนที่แพ้เสียงในหัว ก็คือ คนที่ถูกแรงกระตุ้นภายใน จนหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ ทำสิ่งอยากทำแต่ไม่ควรทำ ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไม่ดี หรือ ไม่มีประโยชน์กับตัวเองเลย

เช่น ทั้งๆ ที่มีงานสำคัญอยู่ตรงหน้า แต่ “เสียงในหัว” ก็แว่วมา ให้แว่บไถมือถือ แค่เพราะอยากเช็กว่ามี วันนี้มีดราม่า หรือ ข่าวในกระแสอะไร สุดท้ายก็หลุดโฟกัส จนต้องผัดผ่อนการทำงานออกไป ทั้งๆ ที่สำคัญกับเรามากกว่า

นั่นไง! แพ้เสียงในหัวซะแล้ว!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ทำงานยุค AI แล้วทำไมต้องฝึก “คิด” ? โดย อนิรุทธ์ ตุลสุข

ขึ้นชื่อว่าปัญหา คงไม่อยากมีใครอยากต้องเผชิญหน้า โดย อนิรุทธิ์ ตุลสุข

ไม่ใช่แค่เรื่องงาน แต่อาจลามถึงการใช้ชีวิต เช่น เราถูกกล่อมให้กินมื้ออร่อย สักมื้อสองมื้อ ที่อาจไม่ได้ส่งผลดีต่อสุขภาพเลย เช่น อาหารบุฟเฟ่ต์ปริมาณมากๆ อาหารคาวหวานที่ทั้งมันและน้ำตาลสูง หรือ กระทั่งชวนให้ งดเว้นการออกกำลังกายทั้งๆ ที่ มันควรเป็นกิจวัตรในทุกวัน เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเอง

น่าเสียดาย แต่เสียงในหัว ชนะคุณอีกแล้ว!กว่าจะรู้สึกตัวว่า ควรต้องทำอะไร ก็เมื่อเห็นผลการตรวจสุขภาพประจำปี หรือ เกิดอาการเจ็บป่วยเสียแล้ว

“ชอบก็จัด ประหยัดทำไม” “ดูแค่แว่บเดียวเอง ไม่นาน” “ไม่เป็นไรหรอก ใครๆ เค้าก็ทำกัน” ฯลฯ เสียงเหล่านี้ ก็เปรียบดั่ง “เสียงของปิศาจตัวน้อย” ที่คอยออกมาเถียงกับ “เทวดาตัวจิ๋ว” แบบที่เรามักเห็นในการ์ตูนสมัยเด็ก เป๊ะๆ เลยครับ

ถ้าหากเลือกฟังเทวดา… นั่นหมายถึง คุณเอาชนะเสียงในหัวที่ยั่วยวน และได้ทำสิ่งที่ควรทำ เพื่อบรรลุเป้าหมายแท้จริงในชีวิต เช่น ทำงานจนสำเร็จ หรือ การสร้างสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีให้ตัวเอง ฯลฯ

แต่ทำไมล่ะ? คนส่วนใหญ่ถึงมักหลงไปกับเสียงของเจ้าปิศาจตนนี้นั่นเพราะว่า มันล่อลวงเราด้วย “รางวัลที่ได้ทันที” นั่นเอง

ความอยากได้รางวัลนี้ เกี่ยวข้องกับ โดปามีนซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับ แรงจูงใจ (Motivation) การได้รางวัล (Reward) และความรู้สึกยินดี (Pleasure) เมื่อเราทำพฤติกรรมบางอย่าง แม้ว่าจะเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น การผัดวันประกันพรุ่ง หรือ การล้มเลิกทำบางสิ่งก็ตาม

เมื่อบ่อยเข้า ก็เสริมให้วงจรโดปามีนที่แข็งแกร่ง “โรคภูมิแพ้เสียงในหัว” จึงเกิด และทำให้แพ้บ่อยยิ่งกว่าเดิม

ปีศาจตัวน้อยจึงเพิ่มพลังและมีเสียงดังก้องกังวานมากพอ ที่จะล่อลวงให้เราเคลิบเคลิ้ม และชนะการโต้เถียงกับเทวดาในใจได้เสมอ คนที่แพ้เสียงในหัว จึงเลือกเส้นทางไปหาความสุขสบาย ก่อนจะตกหลุมพรางสู่ความลำบากในเวลาถัดมาร่ำไป

แล้วต้องทำยังไงล่ะ? เสียงของเทวดาตัวจิ๋วถึงชนะ

คำตอบ คือ เราต้องฝึกให้เทวดาของเรา แข็งแรงมากกว่าเดิมครับ

ทางประสาทวิทยา เทวดาตัวจิ๋วที่ว่า ก็คือ สมองส่วนหน้า (Prefrontal Cortex, PFC) ซึ่งที่ทำหน้าที่ ยับยั้ง เพื่อช่วยให้เราควบคุมตนเอง (Executive Function) มีวิจารณญาณ ไม่หลงทำตามเสียงความอยาก หรือเกิดอาการ “แพ้เสียงในหัว” นั่นเอง

แนวทางในการฝึกให้เทวดาของเรา ให้เอาชนะวาจาของปิศาจได้ ก็คือ

ฝึกสติ (Mindfulness) เพื่อสังเกตความคิด ของตัวเราเองว่า “เสียงในหัว” ดังขึ้นตอนไหน แทนการตอบสนองแบบอัตโนมัติในทันทีทันใด และให้มี “ช่วงเวลา” พอที่จะเลือกทำสิ่งที่เหมาะสมกว่า

รู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน (Delayed Gratification) ด้วยการเลือกทำสิ่งที่อาจให้รางวัลล่าช้า แต่มีคุณค่ามากกว่า สิ่งที่ให้แต่ความสุขสบายในระยะสั้น จนสร้างผลกระทบด้านลบต่อตัวเองในระยะยาว เช่น ความสำเร็จในงาน การเงิน หรือ สุขภาพ

จัดสภาพแวดล้อม (Environmental Redesign) เพื่อปรับพฤติกรรม (Behavioral Modification) โดยลดตัวกระตุ้น เช่น จัดโต๊ะทำงานให้ไม่มีสิ่งรบกวน การวางโทรศัพท์ให้ไกลมือ เริ่มปิดเสียงเตือนที่ไม่จำเป็น หรือ การวางแผนทำงานที่ยากที่สุดในช่วงเช้า ที่สมองส่วนหน้ายังมีพลังงานเต็มที่

เท่านี้ เราก็สามารถค่อยๆ เพิ่มพลังการยับยั้งชั่งใจได้มากขึ้นครับ

การแพ้เสียงในหัว อาจดูเป็นมีมไวรัลขำขัน แต่ถ้าเป็นเรื่องสำคัญๆ ในชีวิต อย่าไปแพ้มันจะดีกว่า และถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องฝึกเทวดาตัวจิ๋วในใจ ให้มีพลังพอที่จะยับยั้งปิศาจน้อย ที่คอยสร้าง “เสียงในหัวของเรา” ให้ได้ครับ!