"Workation"เที่ยวไปทำงานไปอย่างไร? ให้Work-life Balance

"Workation"เที่ยวไปทำงานไปอย่างไร? ให้Work-life Balance

หลังจากยุคโควิด-19 “เทรนด์การทำงาน” ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย “Workation” หรือเที่ยวไปทำงานไป อีกหนึ่งเทรนด์ใหม่ที่คนชอบเที่ยว อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ สอดคล้องไลฟ์สไตล์ Work-life Balance สมดุลระหว่างการทำงาน และการใช้ชีวิต

KEY

POINTS

  • "Workcation" เทรนด์การทำงานไปด้วย ท่องเที่ยวไปด้วย เปลี่ยนสภาพแวดล้อมการทำงานในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ช่วยให้สร้างสรรค์งานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • แพลนงานให้ดี ,กำหนดเวลาการทำงานให้ชัดเจน ,จด To do list สิ่งที่ต้องทำให้ครบ และหยุดตอบไลน์กรุ๊ปทำงาน ตอนพักผ่อน ก่อนเริ่ม Workcation จัดสมดุลWork-life Balance
  • เทรนด์การท่องเที่ยวไปด้วย ทำงานไปด้วย  อาจไม่ได้เหมาะกับทุกสายอาชีพ ส่วนใหญ่แล้วจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์การทำงานของคนกลุ่มใหม่

“Workation” มาจากคำว่า Work (การทำงาน) + Vacation (การท่องเที่ยว) เป็นการท่องเที่ยวไปด้วย ทำงานไปด้วย รูปแบบการทำงานแนวใหม่ ที่จะทำงานจากที่ไหนก็ได้ มีอิสระ ไม่ได้จำกัดอยู่ในออฟฟิศอีกต่อไป ซึ่งการทำงานไปด้วย ท่องเที่ยวไปด้วยจะช่วยเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการทำงาน ในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ช่วยให้สร้างสรรค์งานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ในฐานะคนทำงานย่อมเป็นเรื่องดีที่อิสระมากขึ้น ขณะที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลหรือ HR ผู้ต้องรับหน้าที่ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์กลับต้องคิดหนักว่าจะรับมือกับเทรนด์การทำงานรูปแบบนี้ยังไง เพื่อรักษาความมีส่วนร่วมและความผูกพันกับองค์กรให้คงอยู่ พร้อมทั้งรักษาประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีเหมือนเดิม

รายงานของ Booking.com ในปี 2020 ที่เก็บสำรวจจากนักเดินทาง 20,000 คนจาก 28 ประเทศทั่วโลกพบว่า 37% ของผู้เดินทางทั่วโลกตัดสินใจเดินทางไปที่อื่นเพื่อทำงานแบบฉบับ Workation โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาที่ตัวเลขสูงที่สุดถึง 42% จากผลสำรวจทั้งหมด

เทรนด์ดังกล่าวทำให้หลายประเทศริเริ่มนโยบายเพื่อสนับสนุนการ Workcation นักท่องเที่ยว (และคนทำงาน) จากชาติอื่นมากขึ้น ยกตัวอย่าง ประเทศดูไบที่เปิดโครงการวีซ่า 12 เดือนสำหรับผู้ที่จะเข้ามา พร้อมทั้งสนับสนุนและบริการการใช้ co-working spaces อย่างเต็มที่ เพื่อดึงดูดคนเข้ามาในประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

เทรนด์การทำงานที่องค์กรและพนักงานต้องเตรียมตัวให้พร้อมในปี 2024

เทรนด์ใหม่ทั่วโลก!!ทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ข้อดี-ข้อจำกัดที่องค์กรต้องรู้

ประเทศไทย เมืองที่เหมาะWorkation ที่สุด

Holidu’s Workation Index จัดอันดับเมืองที่เหมาะสำหรับ Workation มากที่สุดประจำปี 2021 (The Best Citities for a Workation 2021) ซึ่งอันดับที่ 1 ก็คือ กรุงเทพมหานคร นี่เอง กระทั่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ริเริ่มโครงการ Workation Thailand ทำงานเที่ยวได้ รวมใจช่วยชาติ ขึ้นมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศเลยทีเดียว

10 อันดับเมืองที่เหมาะสำหรับ Workation ที่สุดในโลก ปี 2021

  1. กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
  2. นิวเดลี ประเทศอินเดีย
  3. ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส
  4. บาร์เซโลนา ประเทศสเปน
  5. บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
  6. บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
  7. มุมไบ ประเทศอินเดีย
  8. อิสตันบูล ประเทศตุรกี
  9. บูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย
  10. ภูเก็ต ประเทศไทย

\"Workation\"เที่ยวไปทำงานไปอย่างไร? ให้Work-life Balance

Workcation อย่างไร? ไม่ให้ Work Life Balance เสีย

การไป Workcation นี่เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ชัด ๆ แต่ถ้าเป็นคนไม่เก่ง หรือเคร่งครัดเรื่องวินัยการทำงานละก็อาจจะส่งผลเสียมากกว่าการนั่งทำงานอยู่ที่บ้าน หรือออฟฟิศ เพราะใจมุ่งอยากจะนอน หรือท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่การไป Workcation ครั้งนี้ได้ผลลัพธ์ที่ดี สามารถทำตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

1. แพลนงานให้ดีก่อนเริ่มไป Workcation

ก่อนออกเดินทางไป Workcation ควรหาทางจัดการงานที่ยังค้างคา ให้เรียบร้อย หากมีสมาชิกในทีมลองฝากงานให้เพื่อน ๆ ช่วยกันดูแล แต่ไม่ควรเอาภาระงานของเราไปให้คนอื่นทั้งหมด ให้กระจายงานไปที่เพื่อนประมาณ 30% ก็พอ ส่วนเรายังต้องรับผิดชอบ 70% ของจำนวนงานทั้งหมด เพื่อน ๆ จะได้ทำงานในส่วนนี้อย่างไม่ลำบากใจ

ส่วนงานที่ต้องพึ่งทักษะของเราก็ควรเตรียมตัวให้ดีว่า ต้องพกอุปกรณ์ช่วยทำงานมากน้อยแค่ไหน เพื่อไม่ให้เกิดอุปสรรคระหว่างที่ไป Workcation ส่วนนอกเวลาทำงานอย่าลืมตั้งระบบตอบกลับอีเมลอัตโนมัติ แจ้งรายละเอียดการพักร้อนของเรา เพื่อให้คนติดตามงานรู้ว่าจะติดต่องานได้ตอนไหน และช่องทางใด จะได้ไม่รบกวนเราขณะพักผ่อน แล้วการเปลี่ยนพื้นที่การทำงานของเราครั้งนี้ คงช่วยเติมไฟให้ชีวิตการทำงานกลับมาอีกครั้ง

2. กำหนดเวลาทำงานแบบชัดเจน

จุดประสงค์การไป Workcation คือไปทำงานแต่ได้ฟิลพักผ่อน ดังนั้นกิจกรรมของเราต้องวางแพลนให้ดี กำหนดไปเลยเราจะทำงานกี่ชั่วโมงต่อวัน และชั่วโมงที่เราทำต้องทำแบบจริงจังด้วยนะ เหมือนว่าเรานั่งทำงานที่ออฟฟิศนั่นแหละ และพยายามทำงานไม่เกินชั่วโมงที่เรากำหนดไว้

หากหมดเวลาการทำงาน หากยังมีงาน หรือโปรเจกต์อะไรที่ยังไม่เสร็จ ให้เบรกโดยทันที แล้วไปใช้ชีวิตพักผ่อน ท่องเที่ยว หาอาหารอร่อย ๆ เติมพลังชีวิต ส่วนงานก็มาเริ่มทำต่อในวันถัดไป พยายามแบ่งเวลาการทำงาน และเวลาพักผ่อนให้เท่า ๆ กันแบบนี้งานก็ได้ไม่โดนบ่น ชีวิตส่วนตัวก็ได้ผ่อนคลาย

3. จด To do list สิ่งที่ต้องทำให้ครบ

การไป Workcation ทำให้เราไม่ได้สามารถพกงานไปทำได้เหมือนการนั่งทำงานที่บ้าน หรือที่ออฟฟิศ การจดบันทึกสิ่งที่ต้องทำจะช่วยให้งานของเราทำเสร็จได้แบบมีประสิทธิภาพ เช่น การลิสต์งานที่สามารถทำนอกสถานที่ได้ แล้วในแต่ละวันเราก็เร่งเคลียร์งานให้เสร็จตามเช็กลิสต์ของเรา เมื่อลิสต์รายการที่ต้องทำเสร็จแล้วมาจัดลำดับความสำคัญของงาน ถ้าเป็นงานด่วนให้เราทำไฮไลท์สีข้อความเอาไว้ แล้วรีบจัดการให้เสร็จก่อน

งานไหนสำคัญแต่ไม่เร่งด่วนมาก จดเอาไว้ใน To do list พร้อมวางแผนให้ดีว่าจะทำให้เสร็จเมื่อไหร่ แบบนี้เราก็สามารถบริหารงานได้ดีแม้เป็นการทำงานแบบ Workcation ส่วนนอกเวลาทำงาน เราก็ไม่ควรพลาดที่จะจดสิ่งที่เราอยากทำด้วย 

4. หยุดตอบไลน์กรุ๊ปทำงาน ตอนพักผ่อน

ถ้าเวลาทั้งหมดต้องคอยตอบไลน์กลุ่มทำงานทั้งวัน การไป Workcation คงไร้ความหมาย หากเพื่อน ๆ ยังตอบแชท หรืออีเมลอยู่ตลอดเวลา ช่วงเวลาที่เราทำงานให้ตอบได้ แต่เลิกงานปุ๊บ ให้กดปิดการแจ้งเตือนไว้ทันที เพื่อไม่ให้มีข้อความอะไรมารบกวนสมาธิ ตอนกำลังพักผ่อน และหากจิตใจเราว้าวุ่นมาก ๆ

ถึงแม้ปิดการแจ้งเตือนแล้ว เผลอเข้าไปดูบ่อย ๆ มันอาจส่งผลให้เราเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ หรือโรคเครียดได้ง่าย ๆ เข้าใจว่างานก็สำคัญแต่ช่วงเวลาพักผ่อน เราต้องจริงจังด้วย ในเวลาส่วนตัวลองตัดขาดจากโลกภายนอกบ้าง แล้วชีวิตจะมีความสุขขึ้นอีกเยอะ

\"Workation\"เที่ยวไปทำงานไปอย่างไร? ให้Work-life Balance

ข้อดีและข้อเสียของ Workcation

ข้อดีของ Workation

  • การเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานช่วยสร้างแรงบันดาลใจใหม่ ๆ และไม่ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย
  • มองเห็นงานในอีกมุมมองซึ่งจะช่วยให้พัฒนาปรับปรุงงานตัวเองให้ดีขึ้น
  • ช่วยลดระดับความเครียดโดยไม่ต้องลางาน
  • จัดสรรเวลาทำงานได้อย่างอิสระ
  • สามารถพบปะผู้คนใหม่ ๆ ที่ทำงานในลักษณะ ตำแหน่ง หรือรูปแบบคล้าย ๆ เพื่อเรียนรู้และปรึกษาซึ่งกันและกัน
  • ได้พบวัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้
  • ประสบการณ์การเดินทางจะทำให้เติบโตในชีวิตส่วนตัว
  • มีผลงานวิจัยมากมายที่บอกว่า การทำงานทางไกลช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานได้
  • หากพนักงาน Workcation ด้วยกันเป็นหมู่คณะ ก็จะสร้างทีมสัมพันธ์ให้เกิดขึ้นได้
  • เป็นแรงจูงใจชั้นดีในการดึงดูดผู้สมัครงานใหม่และรักษาพนักงานเดิมในการอยู่ต่อกับองค์กรของเรา

ข้อเสียของ Workation

  • ไม่ใช่ทุกงาน ทุกตำแหน่งที่สามารถ Workcation ได้ โดยเฉพาะงานบริการและงานที่ต้องใช้กำลัง
  • อาจไม่เหมาะสำหรับบางคน โดยเฉพาะคนที่ต้องการสมาธิในการทำงานแบบไม่มีสิ่งรบกวน
  • มีค่ายใช้จ่ายในการเดินทาง รวมไปถึงความต้องการทางเทคโนโลยี เช่น สัญญาอินเทอร์เน็ตไวไฟ, คอมพิวเตอร์แลปท็อป หรือแม้กระทั่งวีซ่าหากจะเดินทางไป Workation ต่างประเทศก็ต้องมีค่าใช้จ่ายเช่นกัน
  • การติดต่อสื่อสารลำบากหากไม่มีเทคโนโลยีรองรับ โดยเฉพาะการประชุมออนไลน์ที่มักจะสร้างปัญหามากกว่าประสบผลสำเร็จ
  • การทำงานอาจทำลายความรู้สึกพักผ่อน จนไม่สามารถผ่อนคลายหรือสนุกกับ Workcation ได้อย่างเต็มที่  ฉะนั้นหากแบ่งเวลาการทำงานไม่ได้ ก็จะสูญเสียเวลาอันมีค่านี้ไป

\"Workation\"เที่ยวไปทำงานไปอย่างไร? ให้Work-life Balance

Workation เครื่องมือสร้าง Team Building

Workation ไม่จำเป็นต้องให้ต่างคนต่างไป องค์กรเองก็สามารถจัดนโยบาย Workcation ได้แบบบหมู่คณะ เพื่อให้พนักงานในองค์กรสามารจัดกลุ่มไปทำงานกันเองได้อิสระ เครื่องมือนี้แตกต่างจาก Company Outings  ที่ลักษณะแกมบังคับ และเป็นการไปเพื่ออบรม สังสรรค์ หรือทำกิจกรรมมากกว่านั่งทำงานจริง ๆ

ทั้งนี้ หากองค์กรต้องการ Workation เพื่อเป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างทีมสัมพันธ์ เรามีเหตุผลหลัก ๆ 6 ข้อมาช่วยสนับสนุนให้องค์กรของคุณน้อมรับนโยบาย Workation ไปพิจารณาดังนี้

1. พนักงานจะรู้จักกันมากขึ้น

การเดินทางไปท่องเที่ยวด้วยกันจะสร้างโอกาสให้พนักงานเปิดใจ ซึ่งมีงานวิจัย บอกว่า การมี “เพื่อน” ในที่ทำงานจะเพิ่มระดับความพึงพอใจ เพิ่มการักษาพนักงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น แต่ลองคิดดูว่าเรามีเพื่อนร่วมงานที่เป็นมิตร เราจะมีความสุขขนาดไหนในทุกเช้าแห่งการทำงาน

2. ความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น

การพาตัวเองออกจากบริบทเดิม ๆ จะช่วยให้ความคิดสร้างสรรค์พุ่งทยายจนสามารถคิดไอเดียใหม่ ๆ กลยุทธ์ใหม่ ๆ ได้ รวมไปการร่วมกลุ่มกันก็จะเกิดการปะทะสังสรรค์ของความคิดที่จะต่อยอดกันไปมาจนเกิดความคิดที่ดีที่สุดออกมานั่นเอง

3. ประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น

Workcation จะช่วยตัดสิ่งรบกวนในออฟฟิศออกไป เช่น การประชุม การพบปะผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ฯลฯ ทำให้พนักงานมีโฟกัสในการทำงานมากขึ้น เช่นเดียวกัน ก็จะโฟกัสกับการพักผ่อนได้เต็มที่ ทำให้การท่องเที่ยวเปรียบเสมือนการชาร์จพลัง เพราะหลังกลับจาก Workation ยังช่วยจิตใจและร่างกายของคุณพร้อมทำงานในออฟฟิศต่อไป

4. เปิดมุมมองใหม่

การเปลี่ยนสถานที่ทำงานทำให้เกิดบรรยากาศใหม่ ๆ ในบทสนทนา ช่วยให้เกิดแนวคิดที่แตกต่างไปจากการนั่งประชุมในห้องออฟฟิศ เราอาจจะได้เห็นมุมมองอื่นของเพื่อนร่วมงานในครั้งนี้ก็ได้

5. ผ่อนคลายมากขึ้น

ไม่ว่าคุณจะทำงานหนักและมีประสิทธิภาพเพียงใด สมอง ร่างกาย และจิตใตของคุณต้องการพักผ่อน Workation จะช่วยบาลานซ์ไม่ให้คุณละเลยสุขภาพของตัวเอง การปล่อยตัวเองช้าลงบ้างเพียงสัปดาห์เดียว จะช่วยให้พนักงานปลดปล่อยความตึงเครียดได้

6. แรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น

ทีงานวิจัยว่าพนักงานที่ไม่มีแรงจูงใจในการทำงานจะสูญเสียประสิทธิภาพลง 31% ความคิดสร้างสรรค์ลดลง 3 เท่า และ 87% ตัดสินใจลาออก และแรงจูงใจที่ดีที่สุดก็คือแรงจูงใจภายใน ดังนั้นนโยบาย Workation จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสร้างแรงจูงใจที่นอกเหนือไปจากโบนัสหรือค่าตอบแทน เพราะมันให้ได้ทั้งความยืดหยุ่นในการทำงาน ความอิสระ การเรียนรู้ใหม่ๆ และบรรยากาศความรื่นรมย์ เราจึงสามารถสร้าง Team-Building ผ่าน Workation ได้

\"Workation\"เที่ยวไปทำงานไปอย่างไร? ให้Work-life Balance

องค์กรอยาก Workation ต้องเตรียมตัวอย่างไร

สำหรับองค์กรที่พิจารณานโยบาย Workation แล้วเกิดสนใจ เรามีเทคนิคการเตรียมตัวพื้นฐานที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้แบบง่าย ๆ ได้ดังนี้

1. สนับสนุน Workation สำหรับการสร้าง Team-Building 

ย้ำแล้วย้ำอีกกับประโยชน์ของ Workation ที่สามารถสร้างนโยบายในการทำงานเป็นทีมได้ ไม่เพียงจะเพิ่มความสนุกสนานร่วมกัน ยังส่งเสริมให้สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากขึ้นอีกด้วย

2. ปรับปรุงนโยบายวันหยุดงาน 

จริง ๆ แล้ว Workation ก็คือการไปทำงานเหมือนกันจึงไม่ควรกระทบกับนโยบาย ควรจัดการแยกแยะให้ชัดเจนระหว่างนโยบาย Workation และนโยบาย Vacation เพื่อป้องกันการสับสน และเปิดโอกาสให้พนักงานได้หยุดพักผ่อนแบบจริง ๆ รวมไปชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่นด้วย

3. เตรียมเทคโนโลยีให้พร้อม 

ทั้งเทคโนโลยีที่สนับสนุนการทำงาน และเทคโนโลยีในการประเมินผลและวัดผลปฏิบัติงาน เนื่องจากองค์กรยังต้องเห็นผลลัพธ์ในการทำงานที่เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ ไม่เช่นนั้นการ Workation ก็จะเปล่าประโยชน์

4. กำหนดเป้าหมาย โครงการ หรือแผนการทำงานที่ชัดเจน 

 เพราะ Workation ไม่ใช่การท่องเที่ยวพักผ่อนอย่างเดียว แต่คือการทำงานด้วย จึงต้องมีวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น การทำโปรเจกต์ใดโปรเจกต์ให้สำเร็จ,​การสร้างแคมเปญการตลาดใหม่ ฯลฯ ฉะนั้นอย่าหลุดโฟกัสเรื่อผลลัพธ์ของงานเด็ดขาด

\"Workation\"เที่ยวไปทำงานไปอย่างไร? ให้Work-life Balance

อาชีพที่เหมาะกับท่องเที่ยวไปด้วย ทำงานไปด้วย 

เทรนด์การท่องเที่ยวไปด้วย ทำงานไปด้วย  อาจไม่ได้เหมาะกับทุกสายอาชีพ ส่วนใหญ่แล้วจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์การทำงานของคนกลุ่มใหม่ และคนที่ใช้ชีวิตอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก และสามารถทำงานได้แบบออนไลน์ เพียงแค่มี Laptop และสัญญาน Wifi หรืออินเทอร์เน็ต ก็สามารถทำงานที่ไหนก็ได้ในโลก และทำให้ทำงานไปด้วย เที่ยวไปด้วยได้

ขณะที่อาชีพที่เหมาะกับการทำงานไปด้วย ท่องเที่ยวไปด้วย ได้แก่

  • ช่างภาพท่องเที่ยว
  • งานด้านอีคอมเมิร์ช
  • ออนไลน์ เซอร์วิซ
  • ฟรีแลนซ์
  • เทคสตาร์ทอัพ
  • โค้ชชิ่ง
  • เดเวลอปเปอร์
  • งานเขียนคอนเทนต์
  • งานออกแบบ
  • บล็อกเกอร์
  • ช่างภาพ
  • สื่อสารองค์กร
  • งานไอทีซัพพอร์ต
  • ครีเอทีฟ
  • งานการตลาด 
  •  พนักงานขายบริษัทยา

การทำงานไปด้วย ท่องเที่ยวไปด้วย เป็นเทรนด์ใหม่ของคนชอบเที่ยว ที่ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ต้องเลือกสถานที่ทำงานที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ดี เพื่อให้การทำงานไม่ขาดตอน และยังมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม

อ้างอิง:jobsd ,krungsri , hrnote