เช็กสิทธิประโยชน์ ดูแลแรงงานไทยในอิสราเอล

เช็กสิทธิประโยชน์ ดูแลแรงงานไทยในอิสราเอล

รมว เเรงงาน 'พิพัฒน์' ต้อนรับแรงงานไทยชุดแรกที่กลับจากอิสราเอล ย้ำ พี่น้องแรงงานเดินทางกลับไทยไม่ต้องกังวล เตรียมเจรจานายจ้างรับกลับทำงานหลังเหตุการณ์สงบ  

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยครอบครัวพี่น้องแรงงานไทย ร่วมกัน ต้อนรับแรงงานไทยทั้ง 15 คน กลับสู่ประเทศไทยอย่างปลอดภัย โดยทั้งหมดเดินทางถึงประเทศไทยด้วยเที่ยวบิน แอลอัล LY083 จากประเทศอิสราเอล ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ ประเทศไทย ในเวลา 10.35 น.  
 
โดยพี่น้องแรงงานไทยทั้งหมดจะเดินทางไปยังสถาบันบำราศนราดูร จังหวัดนนทบุรี เพื่อการตรวจสุขภาพ และ ก.แรงงานได้จัดเตรียมเงินช่วยเหลือในการเดินทางกลับภูมิลำเนา รายละ 15,000 บาท จาก กองทุนเพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยในต่างประเทศ กรณีประสบปัญหาต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนครบสัญญาจ้างจากเหตุสงคราม

รวมถึง การประสานงานประเทศอิสราเอล ถึงเงินช่วยเหลือเยียวยาจาก สวัสดิการตามกฎหมายอิสราเอลอีกจำนวนหนึ่ง และ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแด่พี่น้องชาวแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาในวันนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

แจงแรงงานไทยในอิสราเอล ถูกขายทอดตลาด  ไม่ผิดกฎหมายอิสราเอล

เปิดภาพส่งแรงงานไทยในอิสราเอลกลับบ้าน 15 คน เศร้า ยอดเสียชีวิตล่าสุด 21 ราย

 

ก.แรงงาน พร้อมนำพี่น้องแรงงานไทยในอิสราเอลกลับไทย

ก.แรงงานได้จัดเตรียมรถรับส่งพี่น้องแรงงานชาวไทยและครอบครัวกลับสู่ภูมิลำเนา พร้อมประสานงาน กระทรวงต่างประเทศ และ กระทรวงคมนาคม ในอำนวยความสะดวกสำหรับพี่น้องแรงงานไทยที่เดินทางกลับในกลุ่มต่อๆไป 
 
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า  ตนดีใจอย่างยิ่งที่พี่น้องแรงงานชาวไทยกลุ่มแรกเดินทางกลับมายังประเทศไทยอย่างปลอดภัย และ ตั้งตารอพี่น้องแรงงานชาวไทยที่ตกค้างอยู่ ณ ประเทศอิสราเอลในเวลานี้กลับมายังประเทศไทยได้ในเร็ววัน โดยขั้นต้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการ กระทรวงต่างประเทศ และ กระทรวงคมนาคม ในการเร่งเจรจา สายการบินพานิชย์ เพื่อเร่งระดมในการจัดส่งเครื่องบินจำนวนมากที่สุดเพื่อรับพี่น้องแรงงานชาวไทยที่ตกค้างเดินทางกลับสู่ประเทศไทยโดยเร็วที่สุด


สิทธิประโยชน์ดูแลแรงงานไทยในอิสราเอล 
 
อยากฝากถึงพี่น้องแรงงานไทยในประเทศอิสราเอลทุกคน ให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก เดินทางกลับประเทศไทย และ ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะไม่สามารถเดินทางกลับไปทำงานได้  โดยรมว.แรงงาน ได้สั่งการ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำประเทศอิสราเอล ในการประสานนายจ้างเพื่อดำเนินการ จ่ายค่าจ้างส่วนที่ยังค้างจ่าย และ เจรจาเพื่อรักษาสิทธิแรงงานหากยังทำงานไม่ครบสัญญาจ้างเพื่อให้แรงงานไทยสามารถกลับไปทำงานได้อภายหลังจากสถานการณ์เกิดความสงบ

รวมทั้งสอบถามความสมัครใจของแรงงานหากต้องการไปทำงานในประเทศอื่นๆ สำหรับพี่น้องแรงงานชาวไทย รวมถึง กรณีที่นายจ้างมีความประสงค์ในการย้ายพื้นที่ทำงานของพี่น้องชาวไทยในช่วงสู้รบนี้ หากพี่น้องแรงงานไทย ไม่ประสงค์ที่จะย้ายสถานที่ทำงาน หรือ เดินทางกลับประเทศไทย ท่านสามารถติดต่อไปยัง อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำประเทศอิสราเอล เพื่อทาง กระทรวงแรงงาน จะได้ประสานและเร่งดำเนินการแจ้งนายจ้างอย่างเร่งด่วน 
 
ด้านนายไพโรจน์  โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า สำหรับแรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนฯ เมื่อกลับมาถึงกระทรวงแรงงานมีการดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ทันที รายละ 15,000 บาท ซึ่งเป็นเงินสงเคราะห์ กรณีประสบปัญหาต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนครบสัญญาจ้างจากเหตุสงคราม หรือ กรณีทุพพลภาพ จะได้รับการสงเคราะห์ คนละ 30,000 บาท

กรณีเสียชีวิตในต่างประเทศ สงเคราะห์จำนวน 40,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดการศพในต่าง ประเทศเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 40,000 บาท

นอกจากนี้ยังได้รับสวัสดิการตามกฎหมายของประเทศอิสราเอล (ประกันการทำงาน + นายจ้างจ่าย) กรณีบาดเจ็บ/ พิการตามการรับรองของแพทย์ แบ่งเป็น บาดเจ็บ 10-19% ได้รับเงินก้อนเดียว ประมาณ 1,440,000 บาท บาดเจ็บเกิน 20% ได้รับเงินเดือนทุกเดือน จนกว่าจะเสียชีวิต โดยประเมินจากความสูญเสีย

กรณีเสียชีวิตภรรยาและบุตร ได้รับเงินเดือนทุกเดือน จนกว่าภรรยาจะแต่งงานใหม่ และบุตรอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ (ภรรยาเป็นเงิน 34,560 บาทต่อเดือน /บุตร เป็นเงิน 5,760-11,520 บาทต่อเดือน)