เปลี่ยนแล้ว แต่เปลี่ยนผิด | บวร ปภัสราทร

เปลี่ยนแล้ว แต่เปลี่ยนผิด | บวร ปภัสราทร

เป็นหน้าที่ของผู้บริหารที่จะเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆขึ้นมา ซึ่งบางครั้งก็เห็นผลลัพธ์ปรากฏขึ้นชัดเจนว่ามีอะไรดีขึ้นมาบ้าง แต่บ่อยครั้งที่ลงเงินลงแรงเปลี่ยนแปลงกันไปแล้ว ไม่เห็นอะไรดีขึ้นมาสักอย่าง

คนบริหารก็บอกว่าได้เปลี่ยนแปลงแล้ว กำลังเปลี่ยนอยู่ และจะเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมในวันหน้า แต่ผู้คนที่ได้รับผลจากการเปลี่ยนแปลงนั้นกลับบอกว่าไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นมาเลย ตกลงแล้วได้เปลี่ยนหรือไม่ได้เปลี่ยนกันแน่

ถ้าเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงอาจจำแนกได้เป็นสองลำดับ คือลำดับที่หนึ่ง หรือ First Order Change และลำดับที่สอง หรือ  Second Order Change ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงจะแตกต่างกันมาก

การเปลี่ยนแปลงลำดับที่หนึ่ง เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยังคงรักษาโครงสร้างและมุมมองดั่งเดิมที่มีอยู่ ทำงานเดิมด้วยวิธีการใหม่เพื่อให้เร็วขึ้นบ้าง ถูกลงบ้าง

หรือแม้แต่ทำงานเดิมด้วยวิธีการใหม่เพื่อให้ดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นมาบ้าง เป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อสนองปัญหาที่มีอยู่แล้วในวันนี้ มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทันทีทันใด

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องใช้การเรียนรู้บทเรียนอะไรจากการทำงานที่ผ่านมามากนัก เห็นอะไรเป็นอุปสรรคก็แก้กันไป 

ดังนั้นถ้ารอบตัวไม่มีอะไรวิกฤติหนักหนา มีแค่ปัญหาเล็ก ๆน้อย ๆ การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ก็เพียงพอสำหรับทำให้เห็นผลลัพธ์ปรากฏให้เห็นขึ้นมาได้ทั่วหน้า

การเปลี่ยนแปลงในลำดับที่หนึ่งนั้น อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการงานขึ้นมาได้บ้าง แต่ถ้างานนั้นสลับซับซ้อน มีอุปสรรคที่โยงใยกันหลายมิติ มีอิทธิพลจากภายนอกหลายปัจจัยเข้ามากระทบการงานนั้น ประสิทธิภาพในบางเรื่องไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดประสิทธิผลในภาพรวมได้

การเปลี่ยนแปลงบนโครงสร้างและมุมมองดั่งเดิมจึงไม่ปรากฏผลลัพธ์ที่ผู้คนได้เห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้ว คนทำก็บอกมาฉันทำเต็มที่แล้ว กองเชียร์กอกว่าทำแล้วจริง ๆแต่ผู้คนบอกว่าไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น คนทำก็โกรธว่าทำดีแล้วไม่เห็นความดี ผู้คนก็บอกว่าคนทำไม่ได้เรื่อง

ที่น่าจะต้องระวังอีกอย่างหนึ่งคือ การเปลี่ยนแปลงในลำดับหนึ่งจะไม่ได้ผลเลย หากมีบางอย่างที่ผู้บริหารได้ประโยชน์จากการคงอยู่ของปัญหาใดปัญหาหนึ่ง ถ้าเวลาทำงานหมดไปกับการประชุมมากเกินไป

การเปลี่ยนแปลงเบื้องต้นที่ควรจะเกิดขึ้นทันทีคือหาหนทางประชุมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ลดเวลาและจำนวนครั้งในการประชุมลงไปได้บ้าง จะได้มีเวลาไปทำการงานอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น

แต่ถ้าเบี้ยประชุมเป็นผลประโยชน์สำคัญของผู้บริหาร คงเป็นไปได้ยากที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการประชุมเกิดขึ้น อาจมีการพูดกันว่าจะทำให้การประชุมมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่จำนวนการประชุมก็ยังไม่ลดลงอยู่ดี

การเปลี่ยนแปลงในลำดับที่หนึ่งบางทีเปลี่ยนไปแล้วก็เปลี่ยนกลับมาใหม่ได้ ลดจำนวนการประชุมลงก็จริง แต่สักพักก็ไปตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก การประชุมก็เพิ่มขึ้นกลับมาเท่าเดิม

การเปลี่ยนแปลงในลำดับที่สอง เป็นการเปลี่ยนแปลงที่กระทบกับเป้าหมายปลายทางในการทำงานนั้น ปรับวิสัยทัศน์กันใหม่หมด มักเกิดขึ้นจากการที่มีการปรับมุมมองของการงานนั้นกันใหม่

มองเห็นโอกาสและอุปสรรคใหม่ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน หรือมีสมมติฐานใหม่ที่แตกต่างไปจากสมมติฐานเดิมที่เคยใช้ในการทำงานมาแต่ดั่งเดิม ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ

เปลี่ยนไปแล้วมีโอกาสน้อยมากที่จะเปลี่ยนกลับมาดั่งเดิม เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ต้องอาศัยข้อมูลสารสนเทศ และการเรียนรู้จากรอบด้าน จึงเหมาะกับการปรับเปลี่ยนในสถานการณ์ที่ซับซ้อน ที่มีทั้งโอกาสและการคุกคามใหม่ปรากฏขึ้นมา

การเปลี่ยนแปลงในลำดับที่หนึ่งเกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาที่มีอยู่แล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงในลำดับที่สองเกิดขึ้นจากปัญหาที่คาดการณ์ว่าน่าจะเกิดขึ้น และเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะส่งผลกระทบอย่างมากกับการงานที่ทำอยู่

ผู้บริหารจำนวนไม่น้อยมีการมองบริบทใหม่ด้วยมุมมองเดิม พยายามจะคงหนทางการทำงานแบบเดิมๆเอาไว้  โดยเชื่อว่าถ้ายกประสิทธิภาพบางงานขึ้นมาได้ บริบทใหม่จะไม่ต่างไม่จากบริบทเดิม

จึงพยายามสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผิดที่ผิดทาง จนส่งผลกระทบในทางลบเป็นปัญหาต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่

การสร้างการเปลี่ยนแปลงโดยไม่รู้ตัวว่าต้องเปลี่ยนแปลงอย่างไรจึงจะได้ผล จึงเป็นความวิบัติที่พึงหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง

คอลัมน์ ก้าวไกลวิสัยทัศน์

รศ.บวร ปภัสราทร 

นักวิจัย Digital Transformation

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

email. [email protected]