Decoding Gen Z ถอดรหัส ‘เรียนให้ใช่’ เพื่อไม่หลุดเทรนด์

Decoding Gen Z ถอดรหัส ‘เรียนให้ใช่’ เพื่อไม่หลุดเทรนด์

เมื่อโลกเปลี่ยนเร็ว การศึกษาและการทำงานต้องเปลี่ยนตาม โลกกำลังหมุนเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งแวดล้อม

KEY

POINTS

  • 3 ทักษะสำคัญ ที่นายจ้างอยากได้มากที่สุด คือ ทักษะการใช้งาน-ควบคุม-พัฒนาเทคโนโลยี ทักษะทางอารมณ์และสังคม และทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต 
  • อาชีพยอดฮิตของคน Gen Z ส่วนหนึ่งศึกษาเรียนรู้และลงมือทำด้วยตัวเอง จนหารายได้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
  • สถาบันการศึกษาต้องพัฒนาหลักสูตรที่หลากหลายและยืดหยุ่น เช่น หลักสูตร Multi-Skills เพื่อสร้างคนที่ทำงานได้หลายด้าน หนึ่งคนทำงานได้มากกว่าหนึ่งสายงาน

เมื่อโลกเปลี่ยนเร็ว การศึกษาและการทำงานต้องเปลี่ยนตาม โลกกำลังหมุนเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงโครงสร้างประชากรกำลังเปลี่ยนไปพร้อมกัน และคนที่ต้องอยู่กลางพายุการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ก็คือ Gen Z หรือคนที่เกิดระหว่างปี 1997-2012 ช่วงอายุ 13-28 ปี

ในวันนี้ Gen Z คือ เจเนอเรชันที่เติบโตมากับสมาร์ตโฟน อินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดีย พวกเขาคือแรงงานหลักของโลกในทศวรรษนี้ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเจอกับ “โจทย์ยาก” ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับคนรุ่นไหนมาก่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

เมื่อ GenZ กลายเป็น NEET กสศ. ใช้ทุนการศึกษาดึงเข้าระบบ

กสศ.ชี้เป้าการลงทุน การศึกษาแก้ความยากจนข้ามรุ่น สร้างคนคุณภาพ

3 ทักษะสำคัญที่นายจ้างอยากได้มากที่สุด

ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้ชวนสังคมมาร่วมกัน “ถอดรหัส Gen Z” เพื่อหาคำตอบว่าเราจะ “เรียนให้ใช่” และ “ไม่หลุดเทรนด์” ได้อย่างไร 

ท่ามกลางความผันผวน โลกการทำงานไม่เหมือนเดิม ตำแหน่งงานใหม่ ๆ เกิดขึ้นรวดเร็ว 3 ทักษะสำคัญ ที่นายจ้างอยากได้มากที่สุด คือ

1.ทักษะการใช้งาน-ควบคุม-พัฒนาเทคโนโลยี

2.ทักษะทางอารมณ์และสังคม (Social Emotional Skills) ที่ช่วยปรับตัวในสถานการณ์ต่าง ๆ 

3.ทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Continuous Learning) เพื่อรับมือกับโลกที่เปลี่ยนเร็วในทุกๆ 3-5 ปี

“ประเด็นน่าสนใจคือบางทักษะในกลุ่มนี้ ไม่อาจสั่งสมเก็บเกี่ยวได้จากตำราหรือห้องเรียน  แต่เป็นคุณลักษณะที่ต้องปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก ผ่านบทเรียน ประสบการณ์ และความตระหนักรู้ ว่าโลกใบนี้ไม่เคยหยุดนิ่ง และไม่มีชุดความรู้หรือความเชี่ยวชาญใดคงอยู่ได้ตลอดไป”

Decoding Gen Z ถอดรหัส ‘เรียนให้ใช่’ เพื่อไม่หลุดเทรนด์

GenZ โตมากับเทคโนโลยีและความไม่แน่นอน

สำหรับ Gen X และ Gen Y การจบปริญญาเคยเป็น “คำตอบ” ของความสำเร็จ แต่สำหรับ Gen Z อาจไม่ใช่ เพราะเขาโตมาพร้อมกับพัฒนาการทางเทคโนโลยีที่ก้าวกระโดดรวดเร็วกว่า ผลสำรวจ Deloitte Gen Z & Millennial Survey 2025 พบว่า คนรุ่นนี้มองว่า “ใบปริญญา” ไม่ได้การันตีอนาคตอีกต่อไป เพราะ ต้นทุนสูง ทั้งยังเสียเวลาและค่าใช้จ่าย

แต่โอกาสงานกลับไม่แน่นอน คน Gen Z จึงเลือก เรียนรู้ด้วยตนเอง ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ลงมือทำตั้งแต่อายุยังน้อย และเริ่มสร้างรายได้เร็วขึ้นกว่าคนรุ่นก่อน จึงไม่แปลกที่เราจะเห็น ยูทูบเบอร์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ และคนทำงานสายดิจิทัลมากมายในวัย 15-18 ปี ซึ่งบางคนตั้งหลักเลี้ยงตัวเองได้ตั้งแต่ยังไม่เรียนจบ 

“อาชีพในฝันหรืออาชีพยอดฮิตของคน Gen Z ส่วนหนึ่งศึกษาเรียนรู้และลงมือทำด้วยตัวเอง จนหารายได้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย และบางคนประสบความสำเร็จรวดเร็วจนตั้งหลักทำงานเลี้ยงชีพได้ตั้งแต่ยังไม่จบการศึกษา”

เทรนด์นวัตกรรมสร้างสรรค์ประตูสู่โอกาสใหม่

รายงาน World Economic Forum 2025 ชี้ อีกมุมว่า “โลกยังขาดคนทำงาน” โดยเฉพาะตำแหน่งที่เกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์ข้อมูล การควบคุมพัฒนาเทคโนโลยี เศรษฐกิจสีเขียว (Green Transition) การเกษตรนวัตกรรม เพื่อรองรับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ เช่น ภาวะโลกร้อน ภัยธรรมชาติ หรือปัญหาจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ และการดูแลสุขภาพผู้สูงวัย

จะเห็นได้ชัดว่างานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและการสร้างสรรค์นวัตกรรม กำลังกลายเป็น “เทรนด์” และเป็นประตูสู่โอกาสใหม่ในตลาดแรงงาน ซึ่งไม่เพียงเปิดโอกาสในการทำงาน แต่ยังการันตีโอกาสสร้างรายได้ที่มั่นคงในอนาคต ในทางกลับกัน งานที่พึ่งพาทักษะทำซ้ำ ทำเร็ว ทำเหมือน หรือทำให้ต้นทุนถูก กำลังถูกระบบ Automation และเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหมายความว่า คนทำงานจำเป็นต้องพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อไม่ถูก Disrupt จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ โดยใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยในการทำงาน

สถาบันการศึกษาต้องพัฒนาหลักสูตรที่หลากหลายและยืดหยุ่น เช่น หลักสูตร Multi-Skills เพื่อสร้างคนที่ทำงานได้หลายด้าน หนึ่งคนทำงานได้มากกว่าหนึ่งสายงาน หลักสูตรด้านบริการทางกายภาพ และ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Health Wellness Tourism) หลักสูตรเกษตรกรรมอัจฉริยะ (Smart Agriculture / Smart Farm) และหลักสูตรที่เน้นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เพื่อรองรับเศรษฐกิจเชิงนวัตกรรม ให้ทันต่อทิศทางความต้องการของตลาดแรงงาน และสอดรับกับรอบการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ทุกๆ 3-5 ปี เพื่อไม่ให้บัณฑิตตกขบวนของโลกการทำงานยุคใหม่ เพราะการปรับตัวนี้จำเป็น เพราะทักษะที่ตลาดต้องการวันนี้ อาจไม่ใช่สิ่งเดียวกับอีก 3 ปีข้างหน้า