เมื่อ GenZ กลายเป็น NEET กสศ. ใช้ทุนการศึกษาดึงเข้าระบบ

โลกกำลังหมุนเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงโครงสร้างประชากรกำลังเปลี่ยนไปพร้อมกัน ทุนการศึกษา ถือเป็นโอกาสของเด็ก
KEY
POINTS
- ปัจจุบันประเทศไทยมีเด็กและเยาวชนนอกระบบกว่า 900,000 คน และราว 300,000 คนเป็นกลุ่ม Gen Z ตัวเลขนี้ คือสัญญาณเตือนว่า เรากำลังสูญเสียศักยภาพของคนรุ่นใหม่จำนวนมหาศาล
- การลงทุนกับการศึกษาต้องขยับให้เร็ว และเริ่มตั้งแต่ปฐมวัย เพราะนี่คือช่วงเวลาทองในการปลูกทักษะสำคัญที่จะเป็นรากฐานให้เด็กเติบโต พร้อมรับมือกับโลกที่ไม่หยุดนิ่ง
- กสศ. พัฒนาแพลตฟอร์ม “ส่องทางทุน” ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษาทั่วประเทศ เพื่อเป็นแหล่งทุนสำหรับเด็กทุกคนซึ่งกำลังมองหาทางไปต่อเต็มศักยภาพ
โลกกำลังหมุนเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงโครงสร้างประชากรกำลังเปลี่ยนไปพร้อมกัน และคนที่ต้องอยู่กลางพายุการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ก็คือ Gen Z หรือคนที่เกิดระหว่างปี 1997-2012 ช่วงอายุ 13-28 ปี ในวันนี้Gen Z คือเจเนอเรชันที่เติบโตมากับสมาร์ตโฟน อินเทอร์เน็ต และโซเชียลมีเดีย พวกเขาคือแรงงานหลักของโลกในทศวรรษนี้ แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเจอกับ “โจทย์ยาก” ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับคนรุ่นไหนมาก่อน
ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ได้ชวนสังคมมาร่วมกัน “ถอดรหัส Gen Z” เพื่อหาคำตอบว่าเราจะ “เรียนให้ใช่” และ “ไม่หลุดเทรนด์” ได้อย่างไร ชวนขบคิดประเด็นหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน และอาจเป็นกุญแจที่จะไขไปสู่คำตอบข้างต้น คือ “ทำไมเด็กเยาวชนไทยจำนวนมากยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการมุ่งหน้าไปทางไหน? ไม่อาจค้นพบว่าตนถนัดหรือมีความสามารถใด? หรือส่วนที่เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ทำไมบางคนยังไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ตนเรียนมานั้นใช่หรือยัง?”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
กสศ.ชี้เป้าการลงทุน การศึกษาแก้ความยากจนข้ามรุ่น สร้างคนคุณภาพ
เหลื่อมล้ำยังรุนแรง!! กสศ. เสนอ 'ลงทุนพัฒนาทุนมนุษย์ทุกช่วงวัย'
เด็กและเยาวชนกลุ่ม GenZ มีราว 300,000 คน
เมื่อเยาวชนจำนวนมาก ‘ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยากทำอะไร’ เลยหายไปจากระบบการศึกษากลายเป็นกลุ่ม NEET
หนึ่งในประเด็นที่น่ากังวล คือ การเติบโตของกลุ่ม NEET (Not in Education, Employment, or Training) : กลุ่มเยาวชนที่ไม่อยู่ในระบบการศึกษา การจ้างงาน หรือการฝึกอบรม
“กลุ่ม NEET มีทั้งเยาวชนที่ขาดแคลนทรัพยากรการศึกษา กลุ่มที่ขาดความพร้อมด้านคุณภาพชีวิต หรืออีกส่วนหนึ่งคือกลุ่มที่อาจเรียนจบแล้ว แต่ไม่อาจค้นพบที่ทางของตนในโลกการทำงาน จึงถอยกลับออกมาและไม่คิดจะกลับไปอีกประเด็นสำคัญของการพัฒนาเด็กเยาวชนไทยวันนี้ จึงเป็นเรื่องของการสร้างระบบการศึกษาที่เอื้อต่อคนทุกกลุ่ม ตั้งแต่โอกาส ทรัพยากร การดูแลช่วยเหลือในทุกมิติชีวิต รวมถึงกระบวนการค้นหาตัวเอง” ดร.ไกรยส กล่าว
ข้อมูลจาก กสศ. พบว่าปัจจุบันประเทศไทยมีเด็กและเยาวชนนอกระบบกว่า 900,000 คน และราว 300,000 คนเป็นกลุ่ม Gen Z ตัวเลขนี้ คือสัญญาณเตือนว่า เรากำลังสูญเสียศักยภาพของคนรุ่นใหม่จำนวนมหาศาล
ดร.ไกรยส ฉายภาพสถานการณ์การศึกษาไทยว่าตอนนี้คนไทยส่วนใหญ่มีการศึกษาสูงสุดเพียงระดับ ม.3 โดยมีจำนวนปีเฉลี่ยที่อยู่ในระบบการศึกษาเพียง 9 ปี เท่านั้น และในบรรดาเยาวชนทั้งรุ่นมีเพียงประมาณ 30% ที่สามารถก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยได้ หากเจาะลึกไปที่กลุ่มเยาวชนจากครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน สถานการณ์ยิ่งน่ากังวลกว่าเดิม เพราะมีเพียง 13% เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงการศึกษาระดับอุดมศึกษาได้
รายงาน World Economic Forum 2025 ยังสะท้อนอีกว่า แม้ในกลุ่มเยาวชนที่เข้าสู่ตลาดแรงงานแล้ว จำนวนมากยังขาดทักษะด้านเทคโนโลยี ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานสำคัญในยุคปัจจุบัน และกำลังกลายเป็น “แกนหลัก” ที่จะกำหนดทิศทางชีวิต การทำงาน และโอกาสในอนาคต
ลงทุนการศึกษาต้องขยับให้เร็ว เริ่มตั้งแต่ปฐมวัย
“รัฐและหน่วยงานต่างๆ จำเป็นต้องให้ความสำคัญเร่งด่วน เพื่อลดการเพิ่มจำนวนของกลุ่ม NEET ด้วยการพาเยาวชนกลุ่มนี้กลับสู่เส้นทางเรียนรู้ และส่งต่อสู่การศึกษาระดับสูงตามศักยภาพ รวมถึงการระดมทรัพยากรคุณภาพไปที่เด็กเยาวชนกลุ่มเสี่ยงเพื่อไม่ให้หลุดไปจากระบบการศึกษา” ดร.ไกรยส กล่าว
ในโลกที่เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วกว่าเดิมหลายเท่า การพัฒนาเด็กและเยาวชนให้พร้อมใช้ชีวิตร่วมกับโลกดิจิทัล ไม่สามารถรอได้จนถึงช่วงเตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย เพราะเมื่อถึงวัย 15-18 ปี หลายอย่างอาจสายเกินแก้แล้ว
ดร.ไกรยส ชี้ว่า การลงทุนกับการศึกษาต้องขยับให้เร็ว และเริ่มตั้งแต่ปฐมวัย เพราะนี่คือช่วงเวลาทองในการปลูกทักษะสำคัญที่จะเป็นรากฐานให้เด็กเติบโต พร้อมรับมือกับโลกที่ไม่หยุดนิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาสัดส่วนประชากรลดลง ทำให้เด็กทุกคนสำคัญ
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ทำงานร่วมกับ เครือข่ายภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างทางออกให้กับเด็กและเยาวชนหลากหลายกลุ่ม ผ่านโครงการและทุนการศึกษาหลายรูปแบบที่ออกแบบมาตามความต้องการที่แตกต่างกัน อาทิ
- ทุนเสมอภาค สำหรับเด็กและเยาวชนจากครัวเรือนยากจนพิเศษ ครอบคลุมตั้งแต่ ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาภาคบังคับ (ม.3) เพื่อให้พวกเขาได้อยู่ในห้องเรียนอย่างต่อเนื่อง
- ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง และ ทุนพระกนิษฐาสัมมาชีพ ส่งต่อโอกาสสู่เส้นทางการเรียนรู้สายอาชีพหลังการศึกษาภาคบังคับ ครอบคลุมตั้งแต่ ปวช. ปวส. ปริญญาตรี โท เอก
- ทุนครูรัก(ษ์)ถิ่น ผลิตและพัฒนาครูรุ่นใหม่ แก้ปัญหาความยากจนข้ามรุ่นของตัวผู้เรียนกลับไปบรรจุในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกลและขาดแคลนครู เพื่อปิดช่องว่างของคุณภาพการศึกษาในชนบท
- ทุน ODOS (Outstanding Development Opportunity Scholarship) ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ให้สร้างโอกาสสำหรับนักเรียนระดับมัธยมปลายสู่การเรียนต่อมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ สร้างเส้นทางสู่อนาคตที่กว้างกว่าเดิม
- ทุนที่ร่วมทำงานกับภาคเอกชน เพื่อช่วยเด็ก ๆ ที่เรียนจบชั้น ม.3 ให้สามารถเรียนต่อ และไม่หลุดจากเส้นทางการศึกษา เช่น ทุนก้าวเพื่อน้อง ทุนจากธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น
นอกจากนี้ กสศ. ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม “ส่องทางทุน” ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับทุนการศึกษาทั่วประเทศ เพื่อเป็นแหล่งทุนสำหรับเด็กทุกคนซึ่งกำลังมองหาทางไปต่อเต็มศักยภาพ หัวใจของการศึกษาในโลกสมัยใหม่ การสร้างคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ Gen Z และเจเนอเรชันต่อจากนี้ ให้มีพลังในการขับเคลื่อนชีวิตและสังคม ไม่ใช่แค่เพื่ออยู่รอด แต่เพื่อสร้างอนาคตที่พวกเขาเลือกเองได้







