จับ 11 คน แก๊งบัญชีม้า โรแมนซ์สแกมลวงรัก ขู่เหยื่อปล่อยภาพลับ โอนเงินร่วม 42 ล้าน

จับ 11 คน แก๊งบัญชีม้า โรแมนซ์สแกมลวงรัก ขู่เหยื่อปล่อยภาพลับ โอนเงินร่วม 42 ล้าน

ตำรวจรวบ 11 คน สมาชิกแก๊งบัญชีม้า โรแมนซ์สแกมลวงให้รัก หลังจับพิรุธได้ข่มขู่เผยภาพลับ บังคับเหยื่อโอนเงินกว่า 42 ล้าน ขณะที่หนึ่งในผู้ต้องหา สารภาพคบหาหนุ่มไนจีเรียผู้อยู่เบื้องหลัง ด้าน ตร.เร่งขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ชวินโรจน์ ภีมรัชตธำรงค์ ผกก.2 บก.ปอท. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมขบวนการรับจ้างเปิดบัญชีม้าให้แก๊งโรแมนซ์สแกม ได้จำนวน 11 ราย

พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวว่า เมื่อช่วงระหว่างปี 2559-2563 ได้มีแก๊งโรแมนซ์สแกม ชาวไนจีเรีย สร้างบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ปลอม โดยการใช้ภาพโปรไฟล์เป็นชายหนุ่มชาวต่างชาติ หน้าตาดี อาชีพการงานมั่นคง ทำทีตีสนิท น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย สัญชาติอเมริกัน ประกอบธุรกิจอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ในเชิงชู้สาวจนผู้เสียหายเกิดตกหลุมรัก หรือไว้วางใจ 

จากนั้นจึงออกอุบาย อ้างว่าประสบปัญหาชีวิต และการเงิน เพื่อหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินไปให้ ก่อนที่ต่อมาผู้เสียหายจะทราบความจริงว่าถูกหลอกจึงเลิกโอนเงินให้ ทำให้กลุ่มมิจฉาชีพไม่พอใจนำภาพลับของผู้เสียหายที่เคยส่งให้มาข่มขู่แบล็คเมล์เพื่อบังคับให้ผู้เสียหายโอนเงินให้จนสูญเงิน รวมกว่า 42 ล้านบาท

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า หลังทนแบกรับความกดดันจากเรื่องดังกล่าวไม่ไหว ผู้เสียหายจึงนำเรื่องเข้าร้องขอความช่วยเหลือจากสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Homeland Security Investigation: HSI) เพื่อขอให้ตามจับกุมผู้กระทำผิดของขบวนการดังกล่าว 

จับ 11 คน แก๊งบัญชีม้า โรแมนซ์สแกมลวงรัก ขู่เหยื่อปล่อยภาพลับ โอนเงินร่วม 42 ล้าน

จากนั้นมีการประสานมายัง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เนื่องจากพบว่าเส้นทางการเงินส่วนใหญ่จะถูกโอนเข้ามาที่ประเทศไทยก่อนที่จะถูกโอนออกไปต่างประเทศ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเร่งดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินจนพบว่ามีบัญชีธนาคารในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 22 บัญชี พบความเชื่อมโยงไปยังผู้ต้องหาจำนวน 21 ราย 

และพบว่าเป็นการเปิดบัญชีธนาคารในลักษณะเป็นบัญชีม้า เพื่อเป็นทางผ่านของเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงผู้เสียหาย จึงรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับศาลอาญา จนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 11 รายในครั้งนี้ ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และ ร่วมกันโดยทุจริตโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ"

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวน ผู้ต้องหาบางรายให้การรับสารภาพว่ามีส่วนรู้เห็นกับขบวนการดังกล่าว โดยเคยเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และได้คบหากับมิจฉาชีพเป็นชาวไนจีเรีย ซึ่งอยู่เบื้องหลังการหลอกลวงในครั้งนี้ หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการขยายผลตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือต่อไป