TWCขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างรายได้กลับสู่ประเทศ

TWCขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างรายได้กลับสู่ประเทศ

ไทยเตรียมเป็น Thailand Wellness Economic Corridor (TWC) ให้กับกลุ่ม Medical and Wellness Tourism ใน 12 สาขาเศรษฐกิจเวลเนส โดยจะมีแผนยุทธศาสตร์แนวทางการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามัน รวมทั้งส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ ได้แก่ โครงการ จ.อุดรธานี เมืองทางการแพทย์

การประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (นโยบาย Medical Hub) ครั้งที่ 2/2565 มีมติอนุมัติหลักการประกาศให้ไทยเป็น Thailand Wellness Economic Corridor (TWC) ให้กับกลุ่ม Medical and Wellness Tourism ใน 12 สาขาเศรษฐกิจเวลเนส โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด 19 และสร้างรายได้กลับสู่ประเทศจากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มีแนวโน้มเติบโตสูง

โดยจากนี้ไปจัดทำแผนยุทธศาสตร์แนวทางการพัฒนาเขตระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามัน (Andaman Wellness Corridor : AWC) ที่ส่งเสริมบริการสุขภาพด้วยกลไกพิเศษ โดยใช้นวัตกรรมในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ จ.ภูเก็ต : ศูนย์กลางการรักษาในกลุ่มโรคสลับซับซ้อน ทันตกรรม ผ่าตัดแปลงเพศ สปา ในสถานพยาบาลรัฐและเอกชน, ศูนย์กลางการประชุมและนิทรรศการนานาชาติ และศูนย์กลางบริการเวลเนสระดับโลก รวมถึงการเตรียมจัดงาน Specialized Expo – Phuket 2028 จ.พังงา : ศูนย์กลางการดูแลนักท่องเที่ยวทางทะเล ร่วมกับ Sky Doctor,

ศูนย์ประสานงานกลางจัดเก็บค่ารักษาพยาบาลจากชาวต่างชาติเพื่อลดปัญหาหนี้สูญ, พัฒนาระบบกลุ่มพำนักระยะยาว ในการรักษา Climate Therapy, พัฒนาศูนย์ทันตกรรม จ.กระบี่ : ส่งเสริมพัฒนาสปาคลองท่อมสู่ระดับโลก จ.ตรัง : ศูนย์กลางเมืองแห่งอาหารการกิน, ศูนย์กลาง Wellness Destination ในพื้นที่อันดามัน จ.สตูล : การพัฒนาเป็นเมืองพำนักระยะยาว จ.ระนอง : แหล่งน้ำพุร้อน สปาเพื่อการบำบัดโดยเฉพาะ เป็นการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจระหว่างการระบาดและภายหลังการระบาดของโควิด 19 สร้างพื้นที่พร้อมยกระดับสมรรถนะกิจการธุรกิจสุขภาพ เพื่อรองรับการบริการนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง

รวมทั้งส่งเสริมการลงทุนขนาดใหญ่ ได้แก่ โครงการ จ.อุดรธานี เมืองทางการแพทย์ (Udonthani Green Medical Town: UGDMT) สู่ระเบียงเศรษฐกิจสุขภาพอีสานตอนบนสู่อินโดจีน : โครงการจัดตั้งศูนย์มะเร็งเป็น “ศูนย์การแพทย์แม่นยำในภูมิภาคอินโดจีน เพื่อบรรลุการเป็นศูนย์กลางการบริการสุขภาพและผลิตภัณฑ์สุขภาพลุ่มน้ำโขงที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและบริการสุขภาพ และพัฒนาระบบอนุญาตหลัก (Super License) รองรับการประกอบกิจการเพื่อสุขภาพในพื้นที่นำร่อง

ซึ่งจากรายงานของ สถาบันโกลบอลเวลเนส (Global Wellness Institute; GWI) ในปี 2563 ประเทศไทยติดอันดับ 9 ในเศรษฐกิจเวลเนสในแถบเอเชียแปซิฟิก และติดอันดับ 24 ของโลก และยังได้รับการโหวตให้เป็นประเทศเป้าหมายที่คนอยากมาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอันดับที่ 2 ของโลก รองจากออสเตรเลีย จากการจัดอันดับของ Wellness Tourism Initiative 2020 ซึ่งกลุ่ม Medical Tourism และ Health and Wellness Tourism สามารถสร้างรายได้ถึง 80,000 – 120,000 บาท/ครั้ง ซึ่งการประกาศให้ไทยเป็นTWC จะช่วยดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้กลับสู่ประเทศได้