หุ้นไทยเช้านี้บวก 1.69 จุด รีบาวด์เล็กน้อย รับแรงซื้อคืน มูลค่าซื้อขายเบาบางสุดในรอบ 14 ปี

ตลาดหุ้นไทยภาคเช้า (26 ธ.ค. 2568) ปรับตัวขึ้น 1.69 จุด หรือ 0.13% มาอยู่ที่ 1,266.46 จุด นักวิเคราะห์เผยการรีบาวด์เล็กน้อยหลังจากที่ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างหนักในวันก่อนหน้า มูลค่าการซื้อขายเบาบางที่สุดในรอบ 14 ปี
KEY
POINTS
- ตลาดหุ้นไทยภาคเช้า (26 ธ.ค. 2568) ปรับตัวขึ้น 1.69 จุด หรือ 0.13% มาอยู่ที่ 1,266.46 จุด เป็นการรีบาวด์เล็กน้อยหลังจากที่ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างหนักในวันก่อนหน้า
- มูลค่าการซื้อขายในวันก่อนหน้า (25 ธ.ค.) อยู่ที่ประมาณ 1.56 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่เบาบางที่สุดในรอบ 14 ปี
- สาเหตุหลักที่ทำให้ปริมาณการซื้อขายเบาบางคือตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ และคาดว่าจะยังคงเบาบางไปจนถึงสิ้นปี
- นักวิเคราะห์แนะนำกลยุทธ์ในช่วงที่ตลาดมีปริมาณซื้อขายเบาบาง ให้เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่น หุ้นที่มีแรงหนุนจากการซื้อหุ้นคืน (CPF, MAJOR) เพื่อช่วยพยุงราคา
ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ 26 ธ.ค. 2568 ปรับตัวขึ้น 1.69 จุด หรือ 0.13% หรืออยู่ที่ 1,266.46 จุด มูลค่าการซื้อขาย 907.48 ล้านบาท
ภราดร เตียรณปราโมทย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายสายงานวิจัย บล.เอเชีย พลัส ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า สภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าวันนี้มีแนวโน้มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย หลังจากที่วานนี้ (25 ธ.ค.2568) ดัชนีปรับตัวลดลงไปค่อนข้างลึก โดยปัจจัยหลักที่กดดันตลาดเมื่อวานนี้มาจากแรงขายในกลุ่มหุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ขยับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนการผลิต
จากข้อมูลพบว่า มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยวานนี้มีความซบเซาอย่างมาก โดยอยู่ที่ประมาณ 1.56 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับที่เบาบางที่สุดในรอบ 14 ปี สาเหตุสำคัญมาจากตลาดหุ้นทั่วโลกประมาณ 80-90% ปิดทำการในช่วงเทศกาล และในวันนี้แม้ตลาดหุ้นบางแห่งจะเริ่มกลับมาเปิดทำการ แต่ยังมีอีกประมาณ 30-40% ที่ยังคงปิดต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยอาจจะขยับขึ้นมาได้บ้าง แต่คาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับที่เบาบางไปจนถึงสิ้นปี เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
"แนวโน้มและกลยุทธ์การลงทุนมีโอกาสรีบาวด์กลับขึ้นมาได้เล็กน้อย ตามทิศทางของตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ที่เปิดบวกในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ภาพรวมของตลาดจะเป็นลักษณะการแกว่งตัวในกรอบแคบเพื่อรอความชัดเจนในช่วงปลายปี"
โดยกลยุทธ์การลงทุนในช่วงที่วอลุ่มตลาดเบาบางแนะนำให้เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ หุ้นที่มีแรงหนุนจากการซื้อหุ้นคืน เช่น CPF และ MAJOR ซึ่งจะช่วยพยุงราคาหุ้นในช่วงที่ตลาดขาดสภาพคล่อง รวมถึงหุ้นเก็งกำไรที่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว เช่น SJWD ที่ราคาเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นมา
วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลคริสมาสต์ ดังนั้นอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียที่เปิดทำการเช้านี้ คาดจะแกว่งทรงตัว ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่ไม่มากนัก โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดแดนบวกท่ามกลางค่าเงินเยนที่อ่อนค่าเล็กน้อย โดยเช้านี้มีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ Tokyo CPI ประจำเดือน ธ.ค.2568 อยู่ที่ +2.0%y-y ชะลอจาก +2.7% ในเดือน พ.ย.2568 และต่ำกว่าคาดที่ 2.3% เช่นเดียวกับ Core Tokyo CPI อยู่ที่ +2.6%y-y ชะลอลงและต่ำคาดที่ +2.8%
ส่วนปัจจัยในประเทศ วานนี้กระทรวงพาณิชย์รายงาน ยอดส่งออกไทย เดือน พ.ย.2568 ที่ระดับ 2.74 หมื่นล้านเหรียญ +7.1%y-y เร่งขึ้นจากเดือน ต.ค. ที่ +5.7% แต่ขยายตัวต่ำกว่าคาดที่ +8.9%y-y ส่วนด้านการนำเข้า ขยายตัว +17.6% สูงกว่าคาดที่ +14.5% ซึ่งส่งผลให้ดุลการค้าเดือน พ.ย. ขาดดุลกว่า 2.7 พันล้านเหรียญ เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อย โดยในภาพปีหน้าคงต้องติดตามยอดการส่งออกอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจมีแรงกดดันจากฐานที่สูงในปีนี้
ส่วนทิศทางการลงทุนในช่วงโค้งสุดท้ายของปี คาด SET ยังแกว่งในกรอบ 1250-1285 จุด ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบางมาก โดยหุ้นที่ยังเน้นทยอยสะสม ยังเป็นกลุ่มที่ราคาหุ้นอยู่ในโซนล่างและยังมีสตอรี่บวกในปีหน้า เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า, ท่องเที่ยว, ไฟแนนซ์ และโรงพยาบาล หรือหุ้นที่คาดจ่ายปันผลสูง เช่น กลุ่มธนาคาร
หุ้นแนะนำวันนี้ BBL งบดุลแข็งแกร่ง และภาพรวมคุณภาพสินทรัพย์มีแนวโน้มดีขึ้น คาดในอนาคตมีแนวโน้มในการปรับเพิ่ม Dividend Payout ให้มากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันคาดอัตราปันผลที่ระดับ 5.4% ขณะที่ Valuation เทรดเพียง PBV 0.53 เท่า อยู่ในระดับที่น่าสนใจ ราคาเป้าหมาย 170.00 บาท







