เปิดนโยบายศก. ภูมิใจไทย หลังจับมือ เพื่อไทย หุ้นกลุ่มไหนได้-เสียประโยชน์

เปิดนโยบายศก. ภูมิใจไทย หลังจับมือ เพื่อไทย หุ้นกลุ่มไหนได้-เสียประโยชน์

เปิดนโยบายศก. ภูมิใจไทย หลังจับมือ เพื่อไทย หุ้นกลุ่มไหนได้-เสียประโยชน์ โบรกคาด ส่วนใหญ่หุ้นกลุ่มค้าปลีกได้รับอานิสงค์ แต่ยังต้องรอดูความชัดเจนการจัดตั้งรัฐบาล

ศึกรวบรวบเสียงชิงอำนาจทางการเมืองยังไม่สะเด็ดน้ำ โดย “พรรคภูมิใจไทย” ของ “เสี่ยหนู - อนุทิน ชาญวีรกูล” กำลังถูกจังตาอย่างมาก หลังมีการแถลงจับมือร่วมกันกับ “พรรคเพื่อไทย” ทำให้นักลงทุนจับตาหุ้นในกลุ่มพรรคภูมิใจไทยว่าจะมีการขยับไปในทิศทางไหน 

สำหรับนโยบายเศรษฐกิจของพรรคภูมิใจไทยที่ได้หาเสียงไว้ก่อนหน้านี้ ที่หวังเพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ มีดังนี้่ 

 

  • เงินกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ ไม่ต้องค้ำประกัน ผ่อนชำระวันละ 150 บาท 365 วัน เพื่อประกอบอาชีพ และหยุดวงจรหนี้นอกระบบ
  • พักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท เพื่อลดปัญหาหนี้สินให้ประชาชน ไม่ต้องหาเงิน จ่ายต้น จ่ายดอกทบเท่าทวีคูณ 
  • นโยบายพลังงานสะอาด ลดรายจ่ายประชาชน ฟรีหลังคาโซล่าเซลล์ ลดค่าไฟฟ้า หลังคาเรือนละ 450 บาท มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ผ่อน เดือนละ 100 บาท 60 งวด และฟรี โซล่าเซลล์ หลังคาบ้าน ลดค่าไฟฟ้า หลังคาเรือนละ 450 บาท และ รถเมล์ไฟฟ้า ลด Pm2.5 ค่าโดยสารเริ่มต้น 10 บาท สูงสุด 40บาท ทุกเที่ยว ทุกสาย ตลอดวัน
  • เกษตรร่ำรวย Contract Farming จะนำมาใช้กับ 4 ชนิด ที่มีการกำหนดราคารับซื้อล่วงหน้า ในตลาดโลก ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และ ปาล์มน้ำมัน และจะขยายไปสู่พืช หรือ ผลผลิตการเกษตรชนิดอื่นๆ ต่อไป เช่น ข้าวโพด มะพร้าว ลำไย ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจ ของประเทศไทย
  • เพิ่มค่าตอบแทน อสม. เป็นเดือนละ 2,000 บาท เจ็บป่วยมีประกัน
  • ฟรีกองทุนประกันชีวิต 60 ปีขึ้นไป หากเสียชีวิตได้ 100,000 บาท กู้ได้ 20,000 บาท ไม่ต้องมีค้ำประกัน
  • รายได้ดี 4 ปี 6 ล้านล้านบาท เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวสู่ 80 ล้านคน และสร้างงานดี 10 ล้านตำแหน่ง เพิ่มอัตราการจ้างงาน สร้างแรงจูงใจ พัฒนาศักยภาพแรงงาน

อย่างไรก็ตาม นโยบายเศรษฐกิจของพรรคภูมิใจไทย เมื่อได้เข้าไปร่วมทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลแล้วจะมีหุ้นกลุ่มไหนได้-เสียประโยชน์บ้าง 

เปิดนโยบายศก. ภูมิใจไทย หลังจับมือ เพื่อไทย หุ้นกลุ่มไหนได้-เสียประโยชน์

อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ ให้ข้อมูลกับกรุงเทพธุรกิจว่า หากมองนโยบายเศรษฐกิจของพรรคภูมิใจไทยโดยภาพรวมหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จะเป็นหุ้นกลุ่มค้าปลีก

ขณะที่เงินกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ ไม่ต้องค้ำประกัน ไม่แน่ใจว่าจะทำผ่านตัวแทนหรือไม่ แต่จะมีการแข่งขันกับกลุ่มไฟแนนซ์ที่มองว่า เป็นลบไม่น่าจะได้ประโยชน์ในกลุ่มนี้ ส่วนกลุ่มที่ได้ประโยชน์น่าจะเป็นค้าปลีก เพราะอิงการผู้บริโภคในการจับจ่ายใช้สอยอยู่

ส่วนนโยบายพักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ยังคงมองว่า เป็นลบกับหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์กับธนาคาร อาจจะดีกับกลุ่มคอมเมิร์ช แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องไปดูว่าจะทำผ่านช่องทางใดบ้าง ว่าจะเป็นธนาคารรัฐหรือไม่

นโยบายพลังงานสะอาด ลดรายจ่ายประชาชน เป็นลบหุ้นขนส่งมวลชน ส่วนนโยบายเกษตรร่ำรวย Contract Farming มองว่าเป็นการบริหารความเสี่ยงราคาสินค้าเพื่อให้สามารถจัดการรายรับ รายจ่าย เพื่อเป็นการช่วยวางแผนมากกว่า 

นโยบายเพิ่มค่าตอบแทน อสม. เป็นเดือนละ 2,000 บาท เจ็บป่วยมีประกัน เป็นการเพิ่มกำลังซื้อ เพราะมีเพิ่มการฟอกไตฟรี เป็นแบบชุมชน ซึ่งอาจจะเป็นลบกับหุ้นกลุ่มเฮลแคร์ เพราะมีการจัดตั้งศูนย์การรักษาขึ้นมา

ขณะที่นโยบายฟรีกองทุนประกันชีวิต 60 ปีขึ้นไป เป็นเรื่องของสวัสดิการ ซึ่งมองว่าอาจจะเป็นการทำประกัน ส่งผลให้กลุ่มประกันได้รับประโยชน์ 

รายได้ดี 4 ปี 6 ล้านล้านบาท เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวสู่ 80 ล้านคน มองว่ากลุ่มโรงพยาบาลน่าจะได้รับประโยชน์ เช่น BDMS และการจ้างงานเพิ่มหุ้นที่ค้าปลีก อุปโภคบริโภคจะได้รับประโยชน์ด้วย

อย่างไรก็ตาม นโยบายดังกล่าวยังต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะออกมาผสมในรูปแบบใด ซึ่งอาจจะต้องมีการแบ่ง ๆ กันออกไปในแต่ละนโยบาย และพรรคภูมิใจไทยได้คุมกระทรวงใด และมีบทบาทที่จะสานงานต่อได้หรือไม่ และขึ้นอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาลอื่น ๆ ด้วย ซึ่งขณะนี้ยังไม่แน่ใจว่า ใครจะเป็นผู้ที่สามารถจัดตั้งได้จริง

กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์ฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน สายงานวิจัย บล.ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า นโยบายพรรคภูมิใจนโยบายเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวสู่ 80 ล้านคนจะสนับสนุนกลุ่มสนามบินโรงแรมและร้านอาหารในประเทศ เนื่องจากนักท่องเที่ยวจะขยับจาก 40 ล้านคน เป็น 80 ล้านคน หรือ 2x เท่า มาตรการจึงเป็นบวกกับ AOT CENTEL ERW ที่มีสัดส่วยรายได้จากโรงแรมและร้านอาหารประเทศสูง โดย AOT จะได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นรวมถึงค่าบริการโดยสารขาออกหรือ PSC rate ที่เพิ่งปรับเพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศ/ในประเทศเป็น 900/150 บาท จากเดิม 700/100 บาท ขณะที่ในส่วนของโรงแรม รายได้จากโรงแรมของ CENTEL มาจากในประเทศเกือบ 75% โดย 28% มาจากกทม. ณ 1Q23 ในขณะที่ ERW เน้นโรงแรมในประเทศเป็นหลัก

ขณะที่นโยบายเงินกู้ฉุกเฉิน 50,000 บาท ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ ไม่ต้องค้ำประกัน และพักหนี้ 3 ปี หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท มองว่า กลุ่มที่เสียประโยชน์อาจจะทำให้ความต้องการกู้ของกลุ่มการเงินหรือ non-bank โดยเฉพาะจำนำทะเบียนต่างจังหวัด เช่น MTC SAWAD ได้รับผลกระทบในแง่ loan growth ก่อน

แต่ในขณะเดียวกันหากพิจารณารวมกับเกษตรร่ำรวย Contract Farming จะทำให้คุณภาพสินทรัพย์ หรือ Asset Quality / NPL (%) จะดีขึ้น และ สร้างงานดี 10 ล้านตำแหน่ง กลุ่มค้าปลีก CPALL CRC BJC CPAXT และกลุ่มบัตรเครดิต AEONTS KTC ได้ประโยชน์

ขณะที่นโยบายมาตรการพลังงานสะอาด หากเป็นการสนับสนุนให้ใช้ Solar cell ให้มีการใช้มากขึ้น ไม่ได้ให้ฟรี กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกที่มีทำกิจการเกี่ยวกับแผงโซล่าร์จะมี SPCG ที่รับติดตั้งจากแบรนด์ Kyocera โดยยอดขายโซล่ารูฟเติบโตขึ้นทุกปีและคิดเป็น 19% ของรายได้รวม ณ 1Q23 และมาตรการลดค่าไฟฟ้าหลังคาเรือนกลุ่มโรงแรมร้านอาหารจะได้ประโยชน์จากมาตรการนี้อาทิ M ZEN CENTEL เนื่องจากค่าไฟฟ้าหรอ Utilities cost เป็นต้นทุนหลักของกลุ่มร้านอาหาร นอกเหนือจากค่าแรงขั้นต่ำ

นอกจากนี้หุ้นกลุ่มประกันชีวิต BLA TLI TIPH  และ กลุ่มรพ.ประกันสังคม BCH CHG รวมถึงกลุ่มที่เน้นกำลังซื้อต่างจังหวัดด้วยเพราะค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันลดลง GLOBAL DOHOME จะได้ประโยชน์จากนโยบายฟรีกองทุนประกันชีวิต 60 ปีขึ้นไป และการเพิ่มค่าตอบแทน อสม. เป็นเดือนละ 2,000 บาท เจ็บป่วยมีประกัน กลุ่มได้ประโยชน์ค้าปลีก แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติมด้วย