บิ๊ก ‘PQS’ สั่งปิดบุ๊ก หาตัวการถล่มขายหุ้น

บิ๊ก ‘PQS’ สั่งปิดบุ๊ก หาตัวการถล่มขายหุ้น

‘พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช’ วานนี้ (16 ก.พ.) หุ้นถูกถล่มขาย ดิ่งเฉียด 14% จากไอพีโอ ด้าน ‘กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่’ ยืนยันถูกล็อกหุ้น 100% พร้อมเร่งดำเนินการขอปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น เพื่อดูรายชื่อนักลงทุน ขณะที่แผนธุรกิจเดินหน้าสร้างการเติบโต ด้วยการขยายกำลังผลิต

เมื่อศรัทธาถูกทำลายจะเรียกคืนกลับมาจากนักลงทุนค่อนข้าง ‘ยาก’ สำหรับ บริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS หุ้นน้องใหม่ไอพีโอเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา หลังเปิดซื้อขายวันแรด (เทรด) ที่ 14.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท หรือ 133.33% จากราคาจองซื้อ (IPO) ที่ 6.00 บาท 

ก่อนจะมีการลากราคาทะยายขึ้นไปต่อเนื่อง จนขึ้นไปถึงระดับราคาสูงสุดของวันที่ 15.80 บาท หรือ 163% จนกระทั้งมาปิดการซื้อขายของวัน (15 ก.พ.) ราคาต่ำสุด 5.75 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 4.17% ขณะที่ซื้อขายวันที่ 2 (16 ก.พ.) ราคาหุ้น PQS ยังปักหัวลงต่อ โดยราคาทำจุดต่ำสุดที่ 4.96 บาท หรือลดลง 13.40% และสูงสุด 6.10 บาท ก่อนเคลื่อนไหวมาปิดตลาดที่ 5.15 บาท ลดลง 0.60 บาท หรือ 10.43% 

นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ควอลิตี้สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS ให้สัมภาษณ์ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ ว่า ยอมรับว่าเห็นราคาหุ้นช่วงบ่ายวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา แล้วตกใจไม่รู้ใครเป็นคนขายหุ้นออกมาที่ทำให้หุ้นปรับตัวลงรุนแรง เนื่องจาก ‘กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่เดิม’ ไม่มีใครขายหุ้น PQS ออกมา เพราะว่าทุกคนโดด Lock up 100% ดังนั้น หุ้นที่ถูกถล่มเทขายออกมาจะต้องเป็นหุ้นที่ถูกนำออกมาขายไอพีโอ จำนวน 170 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 6.00 บาท 

อนึ่ง หุ้น PQS มีบริษัท ฟิน พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) และมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ 

ทั้งนี้ แนวทางจากนี้บริษัทจะดำเนินการขอปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น เพื่อจะได้เห็นรายชื่อนักลงทุนที่จองซื้อหุ้น PQS เข้ามา เนื่องจากปัจจุบันยังไม่เห็นรายชื่อว่าใครเป็นคนขายหุ้นออกมาในวันแรก (15 ก.พ.) ยืนยันว่าการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นมีเจตนาที่ดี ส่วนราคาหุ้นที่ปรับตัวลงแรงยังไม่รู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนเทขายหุ้นออกมา 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจบริษัทจะยังคงดำเนินการตามแผนที่บอกไว้ว่าจะนำเงินระดมทุนส่วนหนึ่งจะนำไป ‘ขยายโรงงานแห่งใหม่’ และจะทำให้ปริมาณการผลิตมันสำปะหลังโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 3.6 แสนตันต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.4 แสนตันต่อปี และยังได้ศึกษาแผนลงทุนใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเน้นการต่อยอดธุรกิจผลิตและจำหน่ายก๊าซชีวภาพ

“ในปีนี้วางเป้ารายได้ 2,000 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรสุทธิที่ 13% ถือว่าเป็นระดับสูง พร้อมอยู่ระหว่างศึกษาขยายตลาดใหม่ๆ ในเอเชีย จีน และยุโรป”

สำหรับอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังในอนาคตยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี ตามความต้องการใช้ในประเทศที่คาดจะมีสัดส่วนการใช้แป้งมันสำปะหลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับจากปัญหาการขาดแคลนอาหาร ซึ่งคาร์โบไฮเดรตจากแป้งยังเป็นแหล่งสำคัญที่มีต้นทุนต่ำกว่าอาหารอื่น ๆ ขณะที่จุดเด่นของบริษัท การผลิตแป้งมันสำปะหลังเกรดพรีเมี่ยม รวมถึง PQS มีการขายแป้งมันสำปะหลังที่มีคุณภาพ

“เราจะสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนด้วยผลการดำเนินงานที่เติบโต หลังได้เงินระดมทุนไปขยายธุรกิจแล้ว”