ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดทรงตัว หุ้น JPMorgan ฉุดดัชนีดาวโจนส์ลง

ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดทรงตัว หุ้น JPMorgan ฉุดดัชนีดาวโจนส์ลง

ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลงก่อนรู้ผลเฟดตัดสินใจลดดอกเบี้ยหรือไม่ ขณะหุ้น JPMorgan กดดันดัชนีดาวโจนส์ให้ลดลงเมื่อคืน ตลาดเชื่อเฟดจะลดดอกเบี้ย  

ซีเอ็นบีซี รายงานดัชนี S&P 500 ปิดเกือบไม่เปลี่ยนแปลงในวันอังคาร (9 ธ.ค.68) ขณะที่วอลล์สตรีทรอดูการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้  

S&P 500 ดัชนีหุ้นขนาดใหญ่ของตลาด  แกว่งตัวใกล้เส้นคงที่ ลดลงเพียง 0.09% ปิดที่ 6,840.51 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.13% ปิดที่ 23,576.49 จุด ส่วนดัชนีดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ร่วง 179.03 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 47,560.29 จุด โดยดัชนีหุ้น 30 ตัวนี้ถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นธนาคารค JPMorgan หลังบริษัทกลุ่มการเงินนี้คาดการณ์ค่าใช้จ่ายปี 2026 สูงกว่าที่ตลาดคาด  

ผู้ค้ากำลังรอคอยผลการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของเฟดในวันพุธ ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปี ตลาดกำลังเดิมพันว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมข้ามคืนอ้างอิงลงอีก 0.25% เช่นเดียวกับที่ทำมาแล้วในการประชุมเดือนกันยายนและตุลาคม ตลาดฟิวเจอร์สดอกเบี้ยเฟดฟันด์กำลังสะท้อนโอกาสลดดอกเบี้ยราว 87% เพิ่มจากไม่ถึง 67% เมื่อราวหนึ่งเดือนก่อน ตามข้อมูลจากเครื่องมือติดตามเฟด FedWatch ของ CME  

ความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยช่วยหนุนให้ดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นขนาดเล็ก ทำสถิติสูงสุดใหม่ระหว่างวันในการซื้อขายวันอังคาร การลดดอกเบี้ยมักเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทขนาดเล็กมากกว่า เพราะต้นทุนการกู้ยืมของบริษัทเหล่านี้ผูกกับอัตราดอกเบี้ยตลาดมากกว่าบริษัทขนาดใหญ่ และดอกเบี้ยที่ต่ำลงอาจช่วยให้การเติบโตทางเศรษฐกิจขยายตัวออกไปสู่หลายอุตสาหกรรมมากขึ้น

“แม้ว่าการลดดอกเบี้ยน่าจะเกิดขึ้นเกือบจะแน่นอนในตอนนี้ แต่ประมาณการเศรษฐกิจของเฟดและคำแถลงของประธานพาวเวลล์จะมีบทบาทสำคัญมากต่อปฏิกิริยาของตลาด ไม่ใช่แค่สัปดาห์นี้เท่านั้น แต่อาจกำหนดบรรยากาศที่เหลือของทั้งเดือนด้วย” เบรต เคนเวลล์ นักวิเคราะห์การลงทุนสหรัฐฯ แห่ง eToro กล่าว “หลังจากการย่อตัวล่าสุดของตลาดหุ้นและเงินคริปโท นักลงทุนที่เปิดรับความเสี่ยงหวังว่าเฟดจะช่วยกระตุ้นการปรับตัวขึ้นในช่วงปลายปี แทนที่จะทำให้การฟื้นตัวล่าสุดชะงักลง” 

เคนเวลล์กล่าวว่า เฟดกำลังพิจารณาปัจจัยหลายอย่างประกอบกันก่อนที่จะตัดสินใจ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อที่ทรงตัว สภาพเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่ชัดเจน ข้อมูลเศรษฐกิจที่ล่าช้าเนื่องจากการปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นเวลานานเป็นประวัติการณ์ และความคาดหวังเกี่ยวกับประธานเฟดคนใหม่

“มีปัจจัยหลายอย่างที่เฟดต้องพิจารณาในปี 2026 ... นั่นทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า เฟดจะสามารถใช้นโยบายผ่อนคลายได้หรือไม่ หากปัจจัยเหล่านี้ยังคงอยู่ต่อไปจนถึงปี 2026 หรือภารกิจสองด้านของเฟดจะทำให้เฟดต้องยับยั้งตัวเอง?” 

 

ตลาดมองทิศทางดอกเบี้ยภายใต้ประธานเฟดคนใหม่

สำหรับตอนนี้ รอน อัลบาฮารี ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของ LNW มองว่า การลดดอกเบี้ยอีก 0.25% พร้อมกับท่าทีที่แข็งกร้าวขึ้นน่าจะ “ถูกสะท้อนเข้าไปในราคาแล้ว” หมายความว่าตลาดอาจเริ่มหันไปให้ความสนใจมากขึ้นกับช่วงถัดไปของผู้นำเฟด ทั้งในแง่ว่าใครจะขึ้นมาคุมทิศทาง และเขาจะใช้นโยบายอย่างไร  เนื่องจากวาระของประธานของพาวเวลล์จะสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม 2026 เขากล่าว  

“ความผันผวนของความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนธันวาคมมันหวือหวามาก จากเกือบ 100% ลงมาเหลือ 30% แล้วดีดกลับขึ้นไป 90–100%” อัลบาฮารีให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซี “ความผันผวนระดับนี้ที่เกิดจากการสื่อสารของเฟด บอกผมว่า ‘ช่องทางการสื่อสาร’ ของเฟดน่าจะมีปัญหา และอาจจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ผู้นำชุดใหม่ที่เข้ามา ไม่ว่าใครก็ตาม น่าจะโฟกัสกับการเปลี่ยนวิธีการส่งสัญญาณแนวโน้ม ซึ่งอันที่จริงอาจเป็นเรื่องดีในระดับหนึ่งด้วยซ้ำ”

ในภาพรวมของตลาด หุ้น CVS เป็นหนึ่งในผู้ชนะของวัน โดยปรับตัวขึ้นเกือบ 5% หลังเครือร้านขายยารายนี้ออกคาดการณ์กำไรสำหรับปีหน้าดีกว่าที่ตลาดคาดไว้