ลุ้น‘เฟด-กนง.’หั่นดบ.ดัน‘หุ้นไทย’  คาดดัชนีฯ มีอัปไซด์ 40 จุด 

ลุ้น‘เฟด-กนง.’หั่นดบ.ดัน‘หุ้นไทย’  คาดดัชนีฯ มีอัปไซด์ 40 จุด 

โบรกลุ้นผลประชุม “เฟด-กนง.” นัดสุดท้ายปี 68 ตลาดคาดโอกาสสูง “ลดดอกเบี้ย” หนุนบรรยากาศลงทุน “บล.บัวหลวง” คาด กนง. ลด 0.25% ดัชนีมีอัปไซด์ 40 จุด

KEY

POINTS

  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งถัดไป
  • การปรับลดอัตราดอกเบี้ยทุก 0.25% ถูกประเมินว่าจะช่วยหนุนมูลค่า (Valuation) ของตลาดหุ้นไทยให้มีอัปไซด์เพิ่มขึ้นประมาณ 30-40 จุด
  • ปัจจัยที่สนับสนุนการลดดอกเบี้ยของ กนง. คือตัวเลข GDP ที่อ่อนแอและเงินเฟ้อที่ติดลบต่อเนื่อง ขณะที่เฟดมีแนวโน้มผ่อนคลายนโยบายจากตัวเลขการว่างงานสหรัฐที่สูงขึ้น
  • โบรกเกอร์แนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย เช่น กลุ่มปันผลสูง (ADVANC, TRUE) และกลุ่มการเงิน

นายพิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์พื้นฐาน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งถัดไป (17 ธ.ค. 2568) มีมุมมองว่า คาด กนง. ลดดอกเบี้ย อีก 1 ครั้งในปีนี้เหลือ 1.25% และเหลือ 1% ในปี 2569 ส่วนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มองลดอีก 1 ครั้งในปีนี้เหลือ 3.75% และอีก 3 ครั้งในปีหน้าเหลือ 3%

ทั้งนี้ ปกติแล้วการลดดอกเบี้ยจะกดดันภาพ “กำไร” กลุ่มธนาคาร (แบงก์) เนื่องจากรายได้เชื่อมโยงดอกเบี้ย ซึ่งทุก ๆ การลด 0.25% จะกดดันกำไรกลุ่มธนาคารราว ๆ 3-4% แต่ช่วยหนุนอัปไซด์ตลาดในเชิง Valuations ประมาน 30-40 จุด แต่ประเด็นดังกล่าวมองว่าตลาดรับรู้ไปหมดแล้ว

ขณะเดียวกัน ในกลุ่มที่มีต้นทุนการเงินเชื่อมโยงกับดอกเบี้ย เช่น กลุ่มการเงินปกติลด 0.25% หนุนกำไรได้ราว 2-3%, กลุ่มที่มีหนี้ สำหรับหุ้นแนะนำ “กลุ่มปันผล” เช่น กลุ่มสื่อสาร อย่าง บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE  

สำหรับ แนวโน้มภาพรวมหุ้นไทย ช่วงสิ้นปีนี้ คาดแกว่งไซด์เวย์กรอบ1,260-1,285 จุด โดยมองเม็ดเงินยังจำกัด ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยใหม่จะหนุนตลาดขึ้นไป มองเป็นการสลับเปลี่ยนหุ้น หมุนกลุ่มเล่นอย่างที่ผ่านมา รับข่าว ลดดอกเบี้ย , ความชัดเจนมาตรการหนุนตลาดทุน TISA และมาตรการอื่นๆ รวมทั้งแรงซื้อกองภาษีปลายปีมาหนุนตลาด และ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT หนุนกลุ่มปันผลสูงขึ้นมา

ลุ้น‘เฟด-กนง.’หั่นดบ.ดัน‘หุ้นไทย’  คาดดัชนีฯ มีอัปไซด์ 40 จุด 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า มองการประชุมเฟดเดือนธ.ค. นี้ มีความไม่แน่นอนอยู่มากเนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่รายงานล่าช้าจากปัญหาชัตดาวน์ก่อนหน้านี้จะทยอยออกมา อาจทำให้ตลาดประเมินโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของ เฟดเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา

โดยข้อมูลสำคัญทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และเงินเฟ้อสหรัฐ ในเดือนพ.ย. จะรายงาน 16 ธ.ค. และ 18 ธ.ค. ตามลำดับ หลังการประชุมเฟด 9-10 ธ.ค. อย่างไรก็ดี ไม่ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยหรือไม่ในเดือนนี้ มองว่าเฟดมีแนวโน้มจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในระยะข้างหน้า

ขณะที่ การประชุม กนง. 17 ธ.ค.นี้ คาดจะลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เป็น 1.25% คาดจะเป็นผลดีต่อแนวโน้มการลงทุนในช่วงครึ่งเดือนหลัง แนะหุ้นเด่นเดือนธ.ค. อย่าง บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ยังปันผล 7% และได้ประโยชน์จากการจัดตั้ง JV AMC และคาดกนง. จะปรับลดดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ด้านแนวรับสำคัญดัชนีหุ้นไทยเดือนธ.ค.นี้ อยู่ที่ 1,250-1,260 จุด และแนวรับถัดไปที่1,220-1,230 จุด และ 1,200 จุด แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,300-1,320 และ 1,345 จุด

นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย กล่าวว่า มองการประชุมธนาคารกลางรอบนี้ทั้งในส่วนของเฟด และ กนง. มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% หลังตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐปรับตัวขึ้นหนุนให้เฟเดมีโอกาสผ่อนคลายนโยบายการเงินต่อ ด้านกนง. ก็คาดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะหลังเห็นตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ปี 2568 ออกมาอ่อนแอต่ำคาดและเงินเฟ้อ “ติดลบ” ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน

โดยมองบรรยากาศแวดล้อมการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นจากการลดดอกเบี้ยจะช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนโดยรวม ราคาสินทรัพย์เสี่ยงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะคาดว่าฟันด์โฟลว์มีโอกาสไหลกลับหากลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่ valuation ค่อนข้างถูกรวมถึงตลาดหุ้นไทยบน

ทิศทางค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าช่วยสนับสนุน โดยเฉพาะท่ามกลางค่าเงินบาทที่แข็งค่าเนื่องจากตลาดมองสหรัฐ อาจลดดอกเบี้ยนโยบายลงต่อได้มากกว่าไทยในปีหน้าพิจารณาจากpolicy space ที่เหลือจำกัดของไทย

นอกจากนี้ตลาดหุ้นไทยยังได้อานิสงส์จากปัจจัยบวกเฉพาะเช่น เม็ดเงินซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีช่วงปลายปี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งปีหน้า

ดังนั้น ประเมินแนวโน้มดัชนีหุ้นไทย มองไปข้างหน้าถึงสิ้นปีนี้ คาดดัชนีฯ แกว่งตัวในกรอบซึ่งมองแนวรับบริเวณ 1,250 จุด และ แนวต้านที่ 1,310 จุด โดยหุ้นแนะนำเน้นกลุ่มไฮยีลด์ (High yield) และ Valuation ไม่สูง เช่น KTB ,PTTEP ,AP ,ERW ,AMATA